Title: Dearest
Part of: ดาวเสาร์ ระบบสุริยะ เดอะ ซีรีย์
Author: Icys
Fandom: Bigbang
Rating: NC-17
Warning: ติ่ง ตับ ไต ช้ะช้ะ ไต ตับ ติ่ง เลือดสาดออกมาจริงๆ ช้ะช้ะ ติ่งตับไต! (…คือ กะให้มันฟังดูไม่น่ากลัวอ่านะ แต่จริงๆฟิคเรื่องนี้เลือดเต็มจอฮ่ะ…)
Genre: AU Dark / Drama / Suspense / Crime
Paring: TempG (หรือจะจิ้นทูซึง จีดีวายบีแว้บๆก็ตามสะดวก)
Disclaimer: I don't own Bigbang or any YG family member.
Note: เรื่องนี้ทาบิฉลาดล่ะ!!!!!!! (ย้ำตัวโตๆ) …แต่ก็ไม่ทันเหลี่ยมชาวบ้านอยู่ดี เหอะๆ เสียเวลาไปนานมาก เพราะพล๊อตที่ได้มันเป็นแนวนักสิบ ซึ่งเขียนไม่เป็นอ่ะ =[]=”””” กว่าจะปั้นได้ก็นานมาก
= = =
“นี่คือความหลงใหลของฉัน
หากได้กอดเธอซักครั้ง
ฉันอยากจะให้เธอเป็นคนรักแม้เพียงชั่วคราว
ได้โปรด ได้โปรด ได้โปรด ฉันขอร้อง
แค่เรา เรา เรา สองเรา อยู่ด้วยกัน ตลอดไป”
GD - Obsession
แสงจันทร์ที่ส่องสว่างในยามเที่ยงคืนทำให้แสงประกายบนมีดเงินสะท้อนแสงวิ บวับ สมเย็นที่พัดมาเอื่อยๆสัมผัสผิวเย็นของเด็กชายที่นอนหงายบนพื้นหญ้า รอยช้ำประดับทั่วทั้งตัว เลือดเปรอะเปื้อนผิวขาว แขนขาอ่อนเรียวแรง แต่กระนั้นก็พยายามใช้ศอกตะกายตัวเองไปหนีห่างจากคนตรงหน้า
เงามืดดำของชายหนุ่มตั้งตระหง่านตรงหน้า คมมีดแหลมในมือเลื่อนต่ำลงมาจนถึงหน้าท้องที่กระเพื่อมด้วยลมหายใจริบหรี่ สีเงินมันเงาสะท้อนความหวาดกลัวในดวงตาของเด็กชายผู้เคราะห์ร้าย ก่อนที่มือมืดนั้นจะยื่นมาขยุ้มผมของเด็กชายไม่ให้ขยับหนี ร่างน้อยได้แต่ดิ้นคลุกคลักบนพื้นหญ้า
ไม่มีเสียงขอความเมตตาใดๆ ในเมื่อเสียงทั้งหมดถูกกล้ำกลืนลงคอเมื่อคมมีดฝังเข้าไปในเนื้อนุ่ม เลือดทะลักออกมาจนย้อมใบหญ้าเป็นสีแดง ยิ่งมีดกรีดลึกลงไปเท่าไหร่ กลิ่นเลือดและเครื่องในยิ่งลอยฟุ้งในอากาศมากขึ้นเท่านั้น จากรอยมีดหนึ่งรอยเพิ่มเป็นสอง สาม สี่… ตามลำดับ เงาดำกรีดผิวราวกับกระดาษ ระวังไม่ให้แทงแรงเกินไปเพื่อไม่ให้เครื่องในเป็นแผล เจ้าของร่างสั่นกระตุกจนหมดลมหายใจไปเอง เลือดที่ทะลักและสีของเนื้อผิวด้านในทำให้เงาดำเอียงหัวอย่างใคร่รู้
ถ้าไม่มีแสงจันทร์ ทั้งหมดนี้คงเห็นเป็นสีดำ
เงาดำฉีกรอยยิ้มกว้างราวกับแมวเชสเชอร์ มันจะไปสนุกอะไรถ้าไม่เห็นผลงานที่ตัวเองกำลังสร้าง เขาคิดก่อนจะก้มหัวลงสรรหาความบันเทิงจากเนื้อที่ชุ่มเลือดข้างใต้ต่อ
= = =
ประตูห้องทำงานของนักสืบหนุ่มถูกเปิดอ้าทิ้งไว้ มองเห็นโต๊ะไม้โอ้คที่สุมไปด้วยกองเอกสาร ซึงรีทำท่ายกมือขึ้นจะเคาะประตู ทว่าเมื่อเขาแอบมองเข้าไปข้างในก็พบชายหนุ่มกำลังเอนหลังบนเก้าอี้ไม้ เท้าทั้งสองยกขึ้นพาดโต๊ะ กระดาษรายงานวางแปะบนใบหน้าที่หลับพริ้มอย่างสบายใจ ซึงรีจึงเปลี่ยนท่าทีเดินกระแทกโครมๆเข้าไปในห้อง
“เฮ้ย พี่ซึงฮยอน…”
“…งืม”
“พี่หนิ… ตื่น!!!”
“จ้าก!!!!”
เก้าอี้ไม้ที่ชเวซึงฮยอนกำลังเอนตัวนอนถูกมือของผู้ช่วยตัวแสบแกล้งดึง จนชายหนุ่มที่กำลังแอบงีบร้องลั่น รายงานที่วางแปะบนใบหน้าเอียงร่วงหล่นพื้น
“ซึงรี! อย่าเล่นยังงี้สิ!!” ชายหนุ่มเอามือปัดไล่รุ่นน้องที่หัวเราะคิกคัก
“พี่อ้ะ หลับลงได้ยังไงกัน ยังไม่ได้เคลียร์คดีของเมื่อวานเลย”
“คดีไหนอ่ะ?”
“ไม่ต้องมาทำไก๋เลย คดีฆาตรกรรมเด็กในทุ่งเมื่อวานไง ยังหาหลักฐานไม่ถึงไหนเลย”
“งืม...” นักสืบหนุ่มหลับตาพิงเก้าอี้ต่อ จนซึงรีต้องดุอีกรอบ
“พี่ซึงฮยอน! ตั้งใจหน่อยสิ!”
“รู้แล้วน่า ก็กำลังดูอยู่นี่ไง”
ผู้ช่วยนักสืบหนุ่มถอนหายใจหนึ่งที่ก่อนจะไล่ีเก็บเอกสารที่หล่นบนพื้น เรียงรายบนพื้น ภาพสภาพบาดแผลบนศพและที่เกิดเหตุโดยรอบถูกหยิบมาวางรอบโต๊ะ ซึงฮยอนลืมตาข้างหนึ่งแอบดู ปล่อยให้ซึงรีง่วนกับการจัดเอกสาร เด็กหนุ่มคิดในใจว่าถ้าคนตรงหน้าไม่ได้เป็นนักสืบมือฉมังที่ผู้กองแดซองไว้ ใจ เขาคงจะอารมณ์เสียมากกว่านี้
“เรายังไม่เจออาวุธที่ฆาตรกรใช้เลยนะฮะ”
“รวมถึงตัวฆาตรกรด้วย” ซึงฮยอนเอ่ยพลางยกเท้าที่พาดบนโต๊ะออก กลับมาตั้งใจวิเคราะห์รายงานบนโต๊ะ ภาพของศพที่ถูกพลิกกลับด้านเอาอวัยวะภายในออกมาทำให้ต่อมสงสัยเริ่มทำงาน “นายว่ามันน่าจะเป็นใครฮึ?”
“น่าจะเป็นผู้ชายนะฮะ ดูจากสภาพที่เขาจับเหยื่อมัดอย่างดีก่อนจะลงมือ แรงน่าจะเยอะอยู่”
“เป็นพวกเชี่ยวชาญการใช้มีดด้วย” เขาเอ่ย “ดูรอยเลาะตรงนี้ซิ เกลี้ยงเกลาแบบนี้คงจะทำบ่อย”
ซึงรีชะโงกหน้ามาดูอย่างตั้งใจ ทำเอานักสืบอารมณ์กร่อยเล็กน้อย ที่จริงเขาตั้งใจแกล้งให้เด็กคนนี้เห็นภาพสยองจนกลัวหัวหดซะหน่อย สงสัยแดซองคงเลือกคนประสาทแข็งพอมาทำงานให้เขาได้แล้วกระมัง
“จริงด้วย งั้นก็ไม่ใช่มือใหม่เหรอฮะ?”
“ไม่หรอก ก็เล่นไม่ทิ้งหลักฐานไว้เลยนี่”
“ท่าทางจะหินใช่เล่นนะฮะ”
ซึงฮยอนกระตุกยิ้ม
“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ให้หมอนี่เป็นแจ๊ค เดอะ รีปเปอร์หรอก ฉันต้องจับมันให้ได้”
= = =
“ไง พ่อหนุ่ม… คืนนี้ว่างมั้ย?”
หางตาของหนุ่มผมทองเห็นชายหนุ่มร่างโปร่งแทรกตัวเข้ามาใกล้ ในผับแบบนี้เสียงดังจนต้องกระซิบข้างหูกันอยู่แล้ว แต่มือของชายคนนี้ยังโอบมารวบเอว ถือวิสาสะจับอย่างอื่นที่ไม่ได้รับอนุญาตอีกต่างหาก
เด็กหนุ่มยิ้ม เลื่อนนิ้วคีบบุหรี่ออกจากปาก ใช่ว่าเขาจะไม่รู้จักคำใบ้พวกนี้
“ว่างซิ เลี้ยงเหล้าฉันก่อนนะ”
เงาดำยิ้ม แต่ช่างเป็นยิ้มที่เย็นเยือกจนน่าขนลุก
ไม่กี่ชั่วโมงถัดมา ร่างในเงาดำเดินลากเหยื่อที่ถูกมัดแขนและขาเข้าไปในซอกตึกคอนกรีต ชายหนุ่มสะลึมสะลือจากฤทธิ์แอลกฮอล์จนไม่ได้สติ ปากที่ถูกมัดอย่างดีลอดเสียงครวญครางแผ่วเบา จนทำให้เจ้าของมีดแทบอดใจไม่ไหว ได้แต่ลากร่างของเหยื่อเข้ามุมมืดของตึกให้เร็วที่สุด
เสียงของหนักลากครืดไปตามแผ่นหินตามด้วยเสียงฝีเท้าก้าวตามเงียบๆ มุ่งหน้าไปยังมุมมืดของเมืองที่ไม่ค่อยมีผู้คนจอแจ
และคืนนี้เขาก็คงสุขสำราญกับบทเพลงที่ตัวเองเป็นคนสร้างสรรค์ขึ้นอีกครั้ง
= = =
“คราวนี้เหยื่อเป็นผู้ชายวัยรุ่นชื่อโอจินฮวาน” ซึงรีเอารายงานมาให้แต่เช้า และยังใจดียกกาแฟมาให้นักสืบขี้หาวคนนี้ด้วย “ผลชันสูตรออกมาแล้วนะฮะ”
ซึงฮยอนขยี้ตา ก่อนจะจิบกาแฟและอ่านข้อมูลบนรายงาน
“เขาโดนมอมเหล้า?”
“ก็เป็นไปได้ฮะ พยานแถวนั้นเห็นชายคนนี้เดินกลับออกจากผับไปไปกับเพื่อน จากนั้นตอนเช้าก็กลายเป็นศพแล้ว”
“ฮึ เพื่อนเรอะ คู่ขาสิไม่ว่า” ซึงฮยอนเอ่ยอย่างหมั่นไส้ “อาจจะเป็นไปได้ว่าฆาตรกรคอยตามเหยื่อตั้งแต่ที่ผับ”
“ถ้ายังงั้นมันก็น่าจะเป็นผู้ชายจริงๆซินะฮะ?”
“ใช่ บางที… ฉันควรเริ่มลงไปสืบ”
“ก็ดีฮะ จะได้ไม่ต้องเอาแต่นอนแบบนี้”
ซึงฮยอนมองหน้าผู้ช่วยตัวเองหนึ่งที แดซองคงรู้จักเขาดีเกินไปแล้วถึงหาเด็กที่ปากคอเราะร้ายมาคอยคุมเขา พลางคิดในใจว่าถึงเวลาที่จะโชว์ฝีมือให้เด็กใหม่นี่รู้ฝีมือของเขาซะแล้ว
= = =
ชเวซึงฮยอนคิดถึงคืนวันเก่าๆที่ต้องลงพื้นที่สืบหาคนร้ายแบบนี้ เขาชอบการลงมือสืบเองที่สุด นอกจากจะช่วยเกลาสัญชาตญาณนักล่าให้เฉียบแหลมแล้ว ยังได้ออกมาสูดอากาศนอกออฟฟิศด้วย ถ้าโชคดีคืนนี้เขาอาจจะเคลียร์คดีฆาตรกรรมที่กำลังเกิดขึ้นก็ได้
ผับแถวถนนเกนส์โบรัฟที่เขาเลือกเข้ามาวันนี้เป็นผับที่อยู่ห่างจากจุดที่ เหยื่อคนล่าสุดพอควร เขาสังหรณ์ใจว่าฆาตรกรน่าจะเลือกจุดลงมือกระจายไปเรื่อยๆ ทั้งนอกเมืองและในเมือง
และลางสังหรณ์ของเขาบอกว่าฆาตรกรน่าจะอยู่ที่นี่
เขาเลือกนั่งที่เคาเตอร์เพื่อส่องสายตาสำรวจผู้คน มีหนุ่มผมทองร่างบางที่สะดุดตากำลังยืนคุยกับหนุ่มร่างสูงหุ่นนักกีฬา ชายวัยกลางคนกำลังยืนจีบกับสาวๆในอ้อมแขน เขาหันไปมองกลุ่มชายหญิงที่กำลังหัวเราะกันสนุก พยายามมองหาสิ่งผิดปกติ แต่พอละสายตาเผลอแป้บเดียวชายผมทองก็หายไปกับชายหนุ่มซะแล้ว
ฆาตรกรอาจจะเป็นผู้ชาย ซึงฮยอนคิด ก่อนจะตัดสินใจลุกจากเก้าอี้และแอบเดินตามไปเงียบๆ
หลังจากแอบสะกดรอยตามมาครึ่งชั่วโมง เขาก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นพวกโรคจิต การแอบยืนดูคนจูบกันข้างกำแพงทำให้เขารู้สึกกระอักกระอ่วน อากาศหนาวยะเยือกทว่าทั้งคู่ต่างไม่สะทกสะท้าน คงเป็นเพราะอารมณ์ที่เร่าร้อนจนไม่รู้สึกถึงลมหนาวที่พัดมา บางทีเขาอาจจะตามมาผิดคน คนนี้อาจจะไม่ใช่ฆาตรกรก็ได้ เท่ากับว่าเขาเสียเวลาคืนนี้ไปเปล่าๆปลี้ๆ
เมื่อทั้งคู่จะเริ่มสานบทรักต่อ ซึงฮยอนตัดสินใจละสายตาออกจากคู่รัก ก่อนจะเอามือล้วงกระเป๋าและเริ่มก้าวเท้ากลับไปที่ผับ เท้าก้าวไปตามทางเดินได้ไม่กี่นาทีก็มีเสียงร้องดังจนเขาสะดุ้ง หันหลังกลับไปตามสัญชาตญาณและพุ่งไปที่ซอยเดิมทันที
ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือถึงขอบกำแพงปูน มือปริศนาก็ฟาดมาที่ท้ายทอย ทำให้โลกของเขาดับมืดลงทันที
“อือ...”
เขาได้ยินเสียงตัวเอง นั่นเป็นไปไม่ได้ เขาควรจะตกเป็นเหยื่อของฆาตรกรต่อเนื่อง ไม่ใช่มานอนอยู่บนเตียงแอ้งแม้งในสภาพเปลือยแบบนี้ แถมพอจะขยับตัวข้อมือทั้งสองข้างก็ถูกโซ่ล่ามไว้อย่างดี
บางทีนี่อาจจะเป็นสิ่งที่เหยื่อทุกคนเผชิญ ก่อนถูกเชือด
“ว่าไง...”
เสียงแหลมแหบห้าวดังขึ้น ทำให้เขารีบหันไปทางต้นเสียงทันที ชายหนุ่มเสื้อกล้ามขาวและกางเกงยีนส์รัดสีแดง ซ่อนตัวเองในเงามืด เขาจำได้ทันทีว่านั่นเป็นชายผมยาวทองที่เขาตามมาตั้งแต่ในผับ
“นายเป็นใคร?”
“ฉันควรถามว่านายเป็นใครมากกว่า นายตามฉันมาตั้งแต่ที่ผับแล้วไม่ใช่เหรอ?” ชายหนุ่มเอานิ้วม้วนผมตัวเองเล่น เป็นท่าทางที่คิดว่าน่ารักน่าชังเหลือเกิน “ติดใจอะไรฉันล่ะสิ?”
“ผู้ชายที่มากับนายไปไหน?” เขาเอ่ยเสียงเข้ม แน่นอนว่าเขาไม่ชอบตกเป็นเบี้ยล่างแบบนี้เลย ไม่รู้ว่าตัวเองมาที่นี้ได้อย่างไร แถมยังไม่รู้ว่าคนๆนี้จะทำอะไรกับเขาด้วย
“คนไหน... อ๋อ... คนนั้นเหรอ?” ชายหนุ่มหัวเราะ “แต่ฉันชอบนายมากกว่า”
“เขาหายไปไหน?” เสียงทุ้มคาดคั้นคำตอบ
“ทำไม? คิดว่าฉันเป็นฆาตรกรเหรอพ่อคุณนักสืบ ช่วงนี้ข่าวฆาตรกรต่อเนื่องมันเยอะเนอะ” เด็กหนุ่มเอ่ยอย่างไม่ยี่หระพลางชูบัตรจากกระเป๋าเงิน ซึงฮยอนอ้าปากค้าง โดนจับถอดไม่พอยังจะโดนปล้นด้วย เขากัดฟันกรอด
“นายเล่นจับฉันมัดไว้กับเตียงแบบนี้จะให้ฉันคิดยังไง” เสียงทุ้มตอบกลับ “รู้มั้ยว่าถ้าทำร้ายเจ้าหน้าที่จะโดนข้อหาอะไรบ้าง?”
แต่ดูเหมือนชายคนนี้จะไม่ฟังเสียงเขาเลย ร่างบางฮัมเพลงเบาๆก่อนจะวางกระเป๋าเงินบนโต๊ะ และค่อยๆคลานขึ้นมาคร่อมตัวเขา เนื้อผ้ายีนส์เสียดสีกับผิวจนร้อนผ่าวไปหมด ก่อนจะเริ่มปลดกระดุมเสื้อตัวเอง
โอย ตายแน่ๆ… ซึงฮยอนเกิดมาไม่เคยเจอผู้ชายมาแก้ผ้าให้ดูตรงหน้าจะๆแบบนี้เลย เขาหลับตาปี๋และหันหน้าหนี แต่นั่นยิ่งทำให้ฝ่ายตรงข้ามได้ใจ มือบางเลื่อนมาจับที่ใบหน้าให้เขาหันกลับมา ก่อนจะประทับริมฝีปากบนแก้มของเขา โอยตาย โอยตาย โอยตาย…
“นายจะทำอะไรกับฉัน- ผู้ชายอีกคนไปไหน? นายฆ่าเขาไปแล้วเหรอ?”
ซึงฮยอนถามทั้งๆที่กำลังกัดฟันกรอด หลับตาแน่น ไม่กล้าลืมขึ้นมามองว่าคนตรงหน้าเข้ามาใกล้ขนาดไหนแล้ว
“เลิกพูดเรื่องน่าเบื่อแล้วมาสนุกกันดีกว่าน่า”
น้ำเสียงเจือหัวเราะแหบห้าวนั้นไม่ทำให้เขาใจเย็นลงเลย ยิ่งเมื่อเขารู้สึกว่าคนตรงหน้ากำลังถลกกางเกงออก จนต้นขาของทั้งคู่สัมผัสกัน ยิ่งทำให้เขาใจเต้นไม่หยุด ได้แต่นอนตัวสั่นบนเตียง ริมฝีปากนั่นเลื่อนลงมาที่ซอกคอ ก่อนจะเลื่อนไปกระซิบข้างหู
“ฉันชอบนายนะ คุณนักสืบ”
เสียงแหบทำให้หัวใจยิ่งเต้น เมื่อสัมผัสชื้นเริ่มไล้เลี่ยลงไปต่ำเรื่อยๆ-ไหปลาร้า หน้าอก ผิวนูนบนซี่โครง เลื่อนต่ำลงไปเรื่อยๆ-
“ไม่ลืมตามองฉันหน่อยเหรอ? ฉันเสียใจนะ? หรือว่านายชอบแบบปิดตา--”
“ไอ้บ้า--” เขากัดฟันพูด “-ถ้าฉันหลุดไปได้นะ…”
“จะทำอะไรฉันเหรอ?” เสียงนั้นเงียบไป ก่อนจะหัวเราะคิกคักกับตัวเองเมื่อเห็นสิ่งตรงหน้า “พูดอะไรไม่ตรงกับใจเลยนะ”
ใช่ ร่างกายเขาทรยศโดนสิ้นเชิง เขาได้ยินเสียงหัวเราะข้างหู และสัมผัสมือที่เลื่อนไปจับส่วนล่างทำให้เขากลืนน้ำลาย ยิ่งมือนั่นกำรอบและเริ่มขยับสมองเขาก็ยิ่งว่างเปล่ามากขึ้น ซึงฮยอนกัดฟันแน่นจนห้อเลือด มือที่จะขยับห้ามก็โดนโซ่รั้งจนรู้สึกเจ็บ
นั่นยิ่งทำให้คนตรงหน้ากระหยิ่มใจ ก่อนจะเลื่อนตัวออกจากเขา ซึงฮยอนรู้สึกโล่งใจและเตรียมจะขยับตัวหนี ก่อนจะรู้สึกถึงสัมผัสอุ่นครอบงำเขา
ถึงตรงนี้เขาทนหลับตาปี๋ไม่ไหวแล้ว ซึงฮยอนลืมตาขึ้นมามอง ปากอ้าหอบหายใจ จ้องมองไปที่ใบหน้าของชายแปลกหน้าชัดๆ ใบหน้าเรียวและผิวขาวขับเด่นด้วยผมสีทอง ร่างเปลือยไม่ต่างจากเขา และริมฝีปากแดงที่กำลังครอบครองเขาทำให้ซึงฮยอนฉุดอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ เขาปล่อยให้ตัวเองหยุดนิ่ง และปล่อยให้ปากของชายตรงหน้าทำหน้าที่ต่อไป
เขาแทบครางประท้วงเมื่อคนตรงหน้าแกล้งหยุด ละปากออกมากระซิบข้างหู
“บางทีฉันควรจะถอดโซ่นาย..” ชายหนุ่มผมทองมองไปที่โซ่ที่รัดข้อมือจนแดง “แต่ฉันกลัวที่จะจูบนายจัง… No kiss on first date เนอะ?”
ช่างกล้าพูดเนอะ…ทำมาขนาดนี้แล้ว ซึงฮยอนคิดในใจ ไม่กล้าจะเอ่ยเสียงที่แหบพร่าของตัวเองออกมา จนถึงตอนนี้เขายังพยายามขยับสะโพกหนีอยู่เลย ทั้งๆที่มันกำลังต้องการสัมผัสคนตรงหน้าอย่างมาก แต่โดนมือบางจับล๊อคให้เขาอยู่นิ่งๆ
“นั่นจะทำอะไรน่ะ?”
“บอกว่าไม่เอาคำถามน่าเบื่อแล้วไง~”
เหงื่อเม็ดโป้งไหลจากตัวคนแปลกหน้าหยดลงบนหน้าอกเขา ใบหน้าของทั้งคู่โน้มเข้ามาใกล้กัน จ้องตาจนเขารู้สึกต้องมนต์สะกด แต่กระนั้นก็รู้สึกตื่นเต้นจนหัวใจแทบระเบิด แสงสีส้มที่หัวเตียง ขับให้ผิวขาวที่เลื่อนต่ำลงมาน่าหลงใหล ราวกับผิวของนางฟ้า เขามัวแต่โดนสะกดจนไม่ทันสังเกตคนตรงหน้าถือวิสาสะรับเขาเข้าไป
เขาไม่ได้เป็นคนคุมเกมส์ ถูกมัดติดกับเตียง แถมนี่ยังเป็นผู้ชายแปลกหน้าอีก เขาไม่ควรจะรู้สึกมีอารมณ์ร่วมเลยนะ
บ้า บ้าไปแล้ว… นั่นคือความคิดแรกที่แว้บเข้ามา ก่อนที่ทุกอย่างจะกลายเป็นสีขาวเมื่อชายหนุ่มเริ่มขยับ
บ้า บ้า บ้าที่สุด!!
= = =
วันรุ่งขึ้นซึงรีก็ต้องพบกับสิ่งแปลกประหลาดที่ห้องทำงาน เมื่อชเวซึงฮยอนเดินมาที่โต๊ะออฟฟิศในสภาพโทรมหัวยุ่งเหยิง พร้อมกับเด็กผมทองที่ไหนไม่รู้เดินเกาะแขนต้อยๆ กิจกรรมเมื่อคืนทำให้นักสืบแทบหมดแรงยืนด้วยซ้ำ แต่ละโต๊ะทำงานต่างหันมามองเขาเป็นทางเดียว ซึงรีไม่สนใจใบหน้ากระอักกระอ่วนของนักสืบหนุ่ม ก่อนจะเอ่ยคำถามที่คนทั้งออฟฟิศอยากรู้
“เมื่อวานพี่บอกจะไปผับใช่ป่ัะ?”
“ใช่” นักสืบหนุ่มถอนหายใจ ก่อนจะยกฝ่ามือขึ้น “ห้ามถามอะไรพี่ด้วย”
“พี่ซึงฮยอนอ้ะ ไม่ให้ถามได้ไง พี่พาคนแปลกหน้าเข้ามาในนี้ไม่ได้นะ นี่มันห้องทำงานนะ แล้วไหนบอกว่าไปสืบคดีไม่ใช่เหรอ? ไหงควงเด็กกลับมายังเงี้ย?”
ซึงรีเอ่ยเสียยาวเหยียด ประโยคสุดท้ายทำให้เจ้าของผมทองสะบัดหน้ามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า
“นายว่าใครเด็ก? นายก็ไม่ได้โตกว่าฉันเท่าไหร่หรอก?”
ซึงรีพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด
“ฉันเป็นผู้ช่วยนักสืบชื่อซึงรี นายล่ะเป็นใคร?”
“ซึงรีอา อย่าเพิ่งทำให้พี่ปวดหัวได้มั้ย...”
ซึงฮยอนเริ่มยกมือกุมขมับ จนโดนซึงรีเอานิ้วจิ้มบนหน้าอกดังปึ๊ก
“งั้นพี่ก็บอกมาสิว่าพี่พาเด็กคนนี้มาถึงโต๊ะทำงานทำไม? ไม่งั้นผมจะเอาไปบอกผู้กองนะ”
ซึงฮยอนสะดุ้งโหยง ให้ตาย… แดซองคงส่งเด็กคนนี้มาคอยคุมเขาจริงๆ
“นายนี่หนวกหูจัง เป็นอะไรกับซึงฮยอนเนี่ย? เขาน่ะเป็นของฉันนะ”
ซึงรีหันควับมาเตรียมจะเถียงกลับ แต่ซึงฮยอนรีบกั้นทั้งสองคนออกก่อน
“เอ่อ... คือ ซึงรี นี่จียงนะ” เขากระซิบ “เป็นผู้ต้องสงสัยที่จับได้เมื่อคืน”
“ผู้ต้องสงสัย?” ซึงรีเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่เชื่อหู
“ใช่ ขอใช้ห้องสอบสวนแป๊บนะ”
นักสืบหนุ่มรีบใช้โอกาสนี้ผลักจียงให้เข้าห้องไปทันที ซึงรีถอนหายใจก่อนจะยื่นเอกสารให้
“เดี๋ยวฮะ นี่รายงานคดีฆาตรกรรมเมื่อวาน…”
รูปของผู้ตายบนรายงานทำให้เขาเบิกตากว้าง
“ผู้ชายคนนี้…”
เขามองภาพเหยื่อร่างสูงในรายงาน ก่อนจะหันไปหาจียงที่ยิ้มแหยให้ และรีบลากแขนจียงเข้าห้องทันที ทิ้งให้ผู้ช่วยนักสืบตัวน้อยยืนทำตาปริบๆ
ภายในห้องสอบสวน มีเพียงกระจกสีดำและกำแพงสีเงิน ไม่มีเสียงรบกวนแทรกเข้ามา ทำให้ชเวซึงฮยอนเริ่มรวบรวมสติได้อีกครั้ง เมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมเขาถึงสลบไป? แล้วทำไมเขาถึงตื่นมาเจอจียงนอนกอดเขาอยู่? มือหนาลูบเหงื่อบนใบหน้า ก่อนจะรู้สึกเจ็บแปลบกับรอยแดงข้อมือ เขาถอนหายใจอย่างอารมณ์เสีย แค่นี้ภาพพจน์นักสืบฝีมือฉกาจก็ถูกพังยับป่นปี้แล้ว เขาไม่ต้องการให้เด็กสปอยล์ผมทองที่ไหนมาลูบคมเขาอีก
“อิมแทบิน อายุ:31 ปี ฉันจำได้ หมอนี่อยู่กับนายเมื่อวาน”
เสียงทุ้มเอ่ยถามพลางเคาะนิ้วใส่กระดาษบนโต๊ะเรียกความสนใจ ซึ่งไม่ค่อยได้ผลนักเมื่อหนุ่มผมทองเอาแต่ม้วนผมตัวเองเล่น ก่อนจะตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก
“อ๋อ… จริงด้วย”
“จากนั้นเขาไปที่ไหน? หรือว่านายทำอะไรกับเขา? บอกมาให้หมดนะ”
จียงยิ้ม มุมปากบิดขึ้นอย่างมีเลสนัย
“ตอนนั้นฉันก็จูบเขาไง นายก็เห็น” นิ้วที่ม้วนผมเล่นเลื่อนออก ก่อนจะแตะยั่วที่ริมฝีปากของคนตรงหน้า “หึงเหรอ?”
ชเวซึงฮยอนขนลุกซู่ ก่อนจะปัดมือนั้นทิ้ง
“ตลกแล้ว ฉันจะไปหึงนายทำไม”
จียงหัวเราะ เป็นเสียงหัวเราะที่บาดหูยิ่งนัก
“ก็ฉันบอกแล้วไงฉันชอบนายมากกว่า ฉันก็เลยไม่ไปต่อกับเขา เราจูบกันแล้วก็แยกกันตรงนั้น พอเดินกลับก็ได้ยินเสียงเขาร้อง แต่พอกลับไปที่เดิมก็แค่เจอนายนอนสลบอยู่ ก็เลยพาไปนอนที่ห้องเท่านั้นเอง”
ซึงฮยอนเลิกคิ้ว
“แล้วต้องล่ามโซ่ด้วยเรอะ?”
จียงไม่ตอบ เอาแต่ยิ้ม ซึงฮยอนจึงได้แต่ถอนหายใจ
“เป็นไปได้ว่าหลังจากนายจับฉันไป ทำให้ฉัน--” เขากระแอมไอแก้เขิน ก่อนจะรีบเอ่ยต่อ “แล้วค่อยย่องออกไปฆ่าเขา”
คราวนี้จียงหัวเราะเสียงดัง
“เขินทำไม? ทำยังกับฉันเป็นผู้ชายคนแรกของนาย”
ซึงฮยอนหน้าแดง จนจียงอึ้งและลุกพรวดจากเก้าอี้
“เฮ้ย! จริงเหรอเนี่ย!!”
“ฉันจะตั้งข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยง ขัดขวางงานของเจ้าหน้าที่ให้นายนะถ้าไม่หุบปาก” ซึงฮยอนขู่ทั้งที่หน้าแดงแปร๊ด จียงหัวเราะคิกคักสองสามทีและนั่งลงต่อ
“โอเคๆ แล้วทำไมนายถึงปักใจว่าฉันเป็นฆาตรกรจัง? ฉันอาจจะไม่ใช่ก็ได้ เมื่อคืนเราก็อยู่ด้วยกันทั้งคืนนะ”
“ฉัน--” เขากัดปากตัวเอง ก่อนจะหน้าแดงจนต้องหันหลังกุมขมับและโบกมือไล่ “โอเค งั้นวันนี้ไปไหนก็ไปเหอะ”
“คืนนี้ฉันไปหานะ”
จียงเอ่ยทันที ซึงฮยอนถลึงตาใส่ เด็กคนนี้มีเหตุผลอะไรต้องตามตื้อขนาดนี้
“ไม่ได้ ฉันต้องทำงาน”
“ฉันไปช่วยนะ…”
“จียง อยากให้ฉันโยนเข้าคุกรึไง?”
“นายไม่อยากให้ฉันไปหาเหรอ~?”
จียงทำเสียงอ้อน เสียงเดียวกับที่เขาได้ยินทั้งคืนเมื่อวาน ซึงฮยอนกลืนน้ำลายและเลี่ยงไม่ตอบคำถาม
= = =
อ่านต่อ
ตอนที่ 2