ต่อจาก
ตอนที่ 1 = = =
จบเกมส์น่ะหรอ ตอนจบเค้าก็คงห้ามใจตัวเองไม่ไหวเหมือนกัน
“ผมจะมีวันได้เห็นหน้าคุณมั้ย?”
“ไม่หรอก ยองเบบอกว่าตานายรักษาไม่หาย”
“ยองเบ?”
“เพื่อนของชั้นเอง เวลาทักทายใครต้องอย่าลืมเรียกชื่อเค้าด้วยนะ ไม่ใช่เรียกคุณๆอย่างเดียว”
“ฮะ…”
เค้ามาอยู่ที่ห้องหมายเลข 818 อีกแล้ว รู้สึกดีที่ไม่ต้องเห็นตัวโคลนที่หน้าเหมือนจียงตาย รู้สึกดีที่ได้เห็นจียงคนเดียวในห้อง รู้สึกดีที่ได้คุยกับจียงตามลำพังโดยที่ไม่มีเพื่อนๆมาคอยแซว จียงที่เป็นของเค้า…
ซึงฮยอนคอยช่วยป้อนข้าวให้จียง หลังจากที่รู้ว่าก่อนหน้านี้ตัวโคลนต้องกินเองตลอด เลยทำหกเลอะเทอะจนซึงรีที่เข้ามาทำความสะอาดบ่น เค้าเตรียมจียงไปอาบน้ำ ซึงฮยอนต้องแทบใช้ความอดทนที่มีทั้งหมดยับยั้งใจเมื่อถอดเสื้อให้จียง กระดุมที่ถูกปลดทีละเม็ดกำลังทำให้ใจเค้าสั่น เค้ารีบจับจียงห่อผ้าเช็ดตัวและพาเข้าห้องน้ำ
แม้ว่าจะจับให้จียงลงไปในอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ที่เอาไว้ต้อนรับแขกสำเร็จแล้ว ตัวโคลนก็คงยังไม่ยอมปล่อยมือจากรูบิค พลางบิดหมุนมันเล่นไปเรื่อยๆ ปล่อยให้ซึงฮยอนที่ยอมลงไปเปียกในอ่างด้วยถือฝักบัวสระผมให้
เหมือนกับตัวโคลนตัวอื่นๆที่เค้าเคยจับอาบน้ำ จียงนั่งนิ่ง ไม่สนใจโลกภายนอก สนใจแต่ลูกรูบิคเท่านั้น ซึงฮยอนที่แอบมองอยู่ก็เห็นว่าจียงไล่สีไปเกือบครบแล้ว น่าประหลาดใจจริงๆ ทั้งๆที่ตามองไม่เห็นแท้ๆ
“ชั้นกำลังคิดว่านายคงไม่ได้ตาบอดจริง เล่นเกือบครบทุกสีแล้วหนิ?” เค้าเอ่ยทำลายความเงียบ ดีกว่าปล่อยให้ตัวเองนั่งกลืนน้ำลายมองผิวขาวที่มีหยดน้ำใสประดับราวกับคริสตัล
“ผมมองไม่เห็นหรอก ที่ผมเห็นตอนนี้คือสีดำทั้งหมด” จียงเอ่ยตอบ ก่อนจะยื่นมือไปหาที่วางลูกรูบิค ซึงฮยอนต้องจับมือเรียวเล็กนั่นให้ไปหาขอบอ่างแทน
“แต่ถ้าทำแบบนี้ ผมก็รู้จักคุณได้” มือของจียงยกขึ้นมาแตะใบหน้าของเค้า ก่อนจะลูบไล้ไปตามแก้ม “คุณซึงฮยอนที่มีผิวนิ่มละเอียด แล้วก็จมูกแบบนี้ ริมฝีปากแบบนี้…”
เค้าแทบหยุดหายใจ มือที่แตะไล้บนใบหน้าของเค้าบางเบาราวกับระฆังที่ดังกังวานอยู่ไกลโพ้นๆ จียงโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้จนแทบชิดกับหน้าผากของเค้า ให้ตาย… เค้ารู้สึกว่าหัวใจกำลังเต้นแรง
ก่อนที่เค้าจะทันรู้ตัว ริมฝีปากของตัวเองก็นาบไปแตะริมฝีปากของตัวโคลนแล้ว จียงตกใจแต่ไม่ได้ผละออก เป็นฝ่ายเค้าเองที่ผงะตกใจก่อน มือปล่อยฝักบัวจนมันจมน้ำและกระแทกที่ก้นอ่าง
“ไม่เป็นไรหรอก ทุกคนก็ทำแบบนี้กับผมทั้งนั้น…” จียงเอ่ย
“ไม่ ใช่ ชั้นไม่ใช่…” เค้า รู้สึกขัดแย้งในใจ รู้ว่าจียงยังไม่หายดี แต่ก็เริ่มควบคุมตัวเองไม่อยู่ “ชั้นไม่อยากทำร้ายนาย ชั้นไม่ใช่คนพวกนั้นนะ ชั้นอยากเป็นคนพิเศษ…”
“คนพิเศษ? มันคืออะไรหรอ?”
“เอ่อ…”
ระหว่าง ที่เค้าพูดอะไรไม่ออก จียงก็เป็นฝ่ายโน้มตัวเข้ามาหาเค้าอีกครั้ง มือเล็กลูบไปบนหน้าอกเปลือยของเค้า ก่อนจะเลื่อนไปที่ไหล่และดึงซึงฮยอนเข้ามาใกล้ นิ้วเรียวลูบไล้ไปบนใบหน้าของเค้าอีกครั้ง เริ่มจากคอ แก้มและเรียวคาง ก่อนที่นิ้วชี้จะหยุดที่ริมฝีปาก ใช่ ทั้งหมดนี้เพียงเพราะจียงมองไม่เห็นเท่านั้น…
กำแพงความอดกลั้นเค้าโดนพังทลายย่อยยับ ที่ทำมาทั้งหมดนี้เพราะจียงแค่มองไม่เห็นเค้าใช่มั้ย…
แดซองคงพูดถูก ตัวโคลนที่ตาบอดน่ะประสาทอย่างอื่นดีชะมัด
ซึงฮยอนรวบตัวของจียงขึ้นมานั่งบนตัก ริมฝีปากของทั้งคู่แตะกันเบาๆ เค้าไม่อยากทำรุนแรงจนจียงกลัว ไม่อยากให้จียงกลัวเค้าเหมือนกับกลัวแขกคนอื่น เค้าต้องการทำทุกอย่างให้อ่อนโยนที่สุดแม้ในใจกำลังกรีดร้องด้วยความคลุ้ม คลั่ง จียงกระพริบแพขนตาบางเมื่อดวงตาสีดำเข้มของซึงฮยอนจ้องมาที่ม่านตาสีเทา มือเริ่มเลื่อนลงไปข้างล่าง สัมผัสกับเนื้อนิ่มด้านหลัง ก่อนจะเพิ่มสัมผัสรสจูบให้มากขึ้นจนจียงครางอื้ออึง
ขาของจียงรวบที่เอวเค้า จนส่วนที่อ่อนไหวเสียดสีเข้าด้วยกัน มันทำให้เค้าอยากจะร้องคราง นี่มันรู้สึกดีเกินไปแล้ว เพียงเพราะจียงตาบอดหรอ?
แต่ตอนนี้ซึงฮยอนไม่ได้สนใจแล้ว
"จียง อยากไปอยู่กับชั้นมั้ย?" เค้าหอบเล็กน้อย เลื่อนใบหน้าไปหอมที่ซอกคอของจียงแทน
"มันคืออะไรหรอ?"
“ไปอยู่กันแค่สองคน… ไม่ต้องกลับไปห้องทดลอง ไม่ต้องอยู่ที่ห้องนี้ด้วย…”
“ทำได้ด้วยหรอ?” จียงเลิกคิ้วสงสัยเหมือนเด็ก ก่อนจะตอบเสียงแผ่ว “อยาก…สิ”
“เรียกชื่อชั้นซิ…”
ซึงฮยอนพึมพำ ปล่อยให้อารมณ์นำพาร่างกายเข้าไปแนบชิดจียงมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่คิดจะซ่อนใบหน้าที่แดงเขิน ยังไงจียงก็มองไม่เห็นอยู่แล้ว
“…ซึงฮยอน…”
หลังของจียงถูกจับพิงพิงกับขอบอ่างที่เย็นเฉียบ พร้อมกับแผ่นน้ำที่กระเพื่อมเบาๆ…
= = =
กลิ่นของจียงหอม ในขณะที่กลิ่นในห้องของแดซองเหม็นน้ำยาฆ่าเชื้อ
“ทำไมเราถึงไม่เห็นพวกเค้าเป็น’คน’?”
แดซองทำหน้างง ในมือถือรีโมททีวีค้างไว้ “พี่หมายถึงใคร?”
“ตัวโคลนไงล่ะ เค้าก็มีหัวใจ มีแขนขาเหมือนเรา…” ซึงฮยอนที่นอนเล่นบนเก้าอี้โซฟาเอ่ยขึ้นมาลอยๆอย่างไม่ใส่ใจ “ทำไมเราถึงไม่เห็นพวกนั้นเป็นคน?”
“อ่อ” แดซองเพิ่งนึกออกว่าคนเป็นพี่พูดถึงใคร “ผมว่าพี่หมกหมุ่นกับตัวโคลนตัวนั้นมากไปแล้ว พี่เพิ่งโดนพี่เท็ดดี้ดุเรื่องซื้อชั่วโมงหมายเลข 818 ไปทั้งเดือนเลยนี่”
“เค้าชื่อจียง”
“หา?”
ซึงฮยอนกลอกตา “อย่ามาเรียกเค้าว่าตัวโคลนตัวนั้นหรือหมายเลข 818 ให้ชั้นได้ยินอีก เค้าชื่อจียง… จี-ยง”
แดซองทำตาปริบๆ “…พี่ตั้งชื่อให้ตัวโคลน?”
“ทำไมห้ะ?”
“พี่รู้สึกผูกพันอะไรกับตัวโคลนนั่นหรอฮะ?”
ซึงฮยอนหันหน้าหนี เค้าไม่อยากบอกหรอกว่าที่ตั้งชื่อให้เพราะเค้าอยากเรียกชื่อจียงบนเตียง… ก็จียงยอมเรียกชื่อเค้าแล้วนี่นา แล้วก็ไม่จำเป็นต้องบอกแดซองว่าเค้ากับจียงน่ะ… ฮึ้ย!!
“เค้า… พิเศษกว่าคนอื่นๆ”
“แน่นอน เค้าตาบอดนี่ฮะ”
“ไม่ใช่ ชั้นหมายถึง ข้างในน่ะ… บางอย่างในตัวเค้าไม่เหมือนตัวโคลนตัวอื่น”
ยองเบที่แอบได้ยินมาตั้งแต่ต้นเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับข้าวโพดคั่วชามโต ซึงฮยอนหันควับไปจ้องเพื่อนรักทันทีว่าจะมาเทศน์อะไรอีก ซึ่งยองเบก็ไม่ทำให้ผิดหวัง
“ซึงฮยอน ชั้นเคยบอกนายไปแล้ว ตัวโคลนน่ะไม่ต่างกันหรอก ที่นายเห็นว่าเค้าต่างก็เพราะสภาพพิการสายตาปลุกจิตใต้สำนึกของเค้าให้เด่น ชัดมากกว่าตัวอื่นๆต่างหาก ทั้งความรู้สึกโกรธหรือกลัว ตัวโคลนไม่รู้จักอะไรมากกว่านั้นหรอก”
“…”
“ที่นี่ไม่ใช่ๆที่ๆนายควรมาสร้างตำนานรักดอกเหมยหรือนิทานดีสนีย์เลยนะซึงฮยอน อีกอย่างถึงนายรักตัวโคลนมากขนาดไหน แต่มันก็ถูกสร้างมาให้คนอื่นทุกคน เค้าไม่ใช่ของนายคนเดียว”
“…”
“ชั้นว่านายคงเหนื่อยกับงานมานาน เล่นคลุกคลีอยู่แต่กับพวกตัวโคลนทั้งวัน ออกไปเจอคนจริงๆหน่อยก็ดีนะ” ยองเบเอ่ย พลางเอามือแปะไหล่คนร่างสูง “เอางี้ ช่วงนี้ชั้นให้ลูกน้องคอยดูแล็ปให้อยู่ พรุ่งนี้ไปเที่ยวกันหน่อยมั้ยล่ะ?”
เค้ารู้สึกเกลียดยองเบก็ตอนเนี้ย เค้าเกลียดยองเบที่พูดถึงจียงราวกับเป็นหนอนที่เกลือกกลั้วบนพื้นอย่างไร้ค่า แต่สิ่งที่ยองเบพูดถูกต้องทุกอย่าง เพียงแต่เค้าไม่อยากจะยอมรับเท่านั้น
ตัวโคลนจะเป็นอะไรไปได้มากกว่าตัวโคลนกันนะ…
= = =
ยองเบคิดว่าเค้าคงออกมาเจอคนน้อยไปหน่อยเลยหลงรักเจ้ามนุษย์โคลน ใช่ มันอาจจะใช่ก็ได้ จริงๆแล้วชเวซึงฮยอนไม่ได้สนใจอะไรมนุษย์โคลนหลายเลข 818 เลย ไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้น
แต่ตอนนี้เค้ารู้สึกเหมือนประสาทสัมผัสด้านชา เค้าไม่สนใจแก้วเหล้าที่ถูกยองเบยัดใส่มือด้วยซ้ำ ทั้งๆที่เสียงรอบข้างดังอื้ออึง ในผับมีคนเบียดกันมากมาย แต่เค้ากลับไม่รู้สึกอะไรเลย สัมผัสของหญิงสาวที่แตะเนื้อต้องตัวเค้าหรือว่าเสียงเพลงที่กระทบหู ไม่มีอะไรทะลุเข้าหัวชเวซึงฮยอนเลยซักนิด
ในหัวกลับมีแต่หน้าของจียงลอยเต็มไปหมด
เสียงจากโต๊ะข้างๆดังขึ้นมา ซึงฮยอนเกือบจะไม่สนใจแล้ว ถ้าไม่ได้ยินพวกเค้ากำลังพูดถึงตัวโคลนที่กำลังฮิตที่สุดในตอนนี้…
“- แล้วชั้นก็เล่นท่านี้กับมันโว่ย” หนึ่งในนั้นทำท่าพลางยืนขึ้นบนโต๊ะ เค้ามีผมสีดำประเซอะประเซิง รอยสักทั้งแขนและเจาะลิ้น เพื่อนๆรอบโต๊ะตรบมือกันเกรียว “แม่งไม่ร้องซักแอะ! พวกเมิงต้องไปลอง ไม่คิดเลยอ่ะว่าตาบอดแล้วมันจะไวไฟขนาดนี้”
“เบอร์อะไรวะ? เผื่อจะไปลองมั่ง”
“หมายเลข 818 มั้ง? ไปถามเค้าเลยว่าตัวไหนฮิตสุด”
“อย่าเรียกชื่อนั้น…”
“ห้ะ??”
คนทั้งโต๊ะหันมาทางแขกไม่ได้รับเชิญที่มายืนประจันหน้า ชายร่างสูงผมสีดำส่งสายตาอาฆาตให้กับเจ้าของโต๊ะ เสียงครึกครื้นเมื่อกี้เงียบลงจนยองเบหันไปมอง ก็พบว่าเพื่อนรักของตัวเองหายไปจากเก้าอี้ แก้วเหล้าที่รินเต็มเมื่อกี้ก็หายวับไปแล้ว
“อย่าเรียกเค้าว่าหมายเลข 818!!!!!!” ซึงฮยอนตวาดเสียงดัง เสียงทุ้มหนาทำเอาคนในโต๊ะมองตาเขียว บางคนทำหน้าฉงนและหันไปซุบซิบกับเพื่อน ซึงฮยอนกระดกแก้วเหล้าเข้าปากรวดเดียวก่อนจะกระแทกมันลงบนโต๊ะดังโครม เรียกความสนใจจากโต๊ะที่อยู่ข้างเคียง
“พวกนายเป็นอะไรกันไปหมด? ตัวโคลนก็มีชีวิตจิตใจนะ!!”
“นั่งลงซึงฮยอน นายป่วยหนักแล้ว--” ยองเบพยายามลากเพื่อนกลับโต๊ะ
“ชั้นไม่ได้ป่วย!!!” ซึงฮยอนตะโกนอีกครั้ง “พวกนายต่างหาก นายมันจิตวิปริต ตัวโคลนก็มีเลือดเนื้อเหมือนกับเรา ทำไมต้องไปทำกับเค้าอย่างงั้นด้วย!?”
ยองเบอ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออก แดซองกับซึงรีก็ยืนแข็งทื่อเหมือนโดนค้อนทุบ ทุกคนมองเค้าเหมือนเป็นสัตว์ประหลาด
ในที่สุดเจ้าของโต๊ะก็เอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิด
“พล่ามอะไรของมันวะ?”
“ต๊าย~ เห็นอกเห็นใจตัวโคลนเนี่ยนะ ประสาท…” สาวๆที่นั่งโต๊ะเดียวกันก็เอ่ยเสียงดังแบบไม่แคร์สื่อ “หน้าตาดีซะเปล่าเน๊อะ…”
จู่ๆก็เหมือนโลกกลับตาลปัตร
ภาพที่ซึงฮยอนเห็นตรงหน้าตอนนี้คือภาพของนักเที่ยวนับสิบชีวิตหันมามองเค้า เหมือนตัวประหลาด สายตาเหยียดยันที่จียงเคยได้รับกำลังจดจ้องมาที่เค้าคนเดียว ทั้งๆที่เค้าไม่ใช่ตัวโคลนซะหน่อย โลกที่เค้ารู้จักตลอดมากลับเป็นโลกที่เต็มไปด้วยการหลอกลวงสกปรก คนอื่นทุกคนคือคนบ้าที่หลงมัวเมากับโลกจอมปลอมนี่ ทั้งบ้าและอำมหิต ขายคนเป็นๆโดยไม่สนใจผิดชอบชั่วดี ทำราวกับพวกตัวโคลนเป็นสัตว์
จียงทำให้เค้าตาสว่าง…
“พวกนายทุกคน… บ้า บ้ากันไปหมดแล้ว!!” ซึงฮยอนตวาดเสียงดัง ใบหน้าแดงก่ำด้วยฤทธ์แอลกฮอล์ “ตัวโคลนเค้าก็เหมือนพวกเรา รู้สึกกลัวรู้สึกเจ็บเป็น แต่พวกนายมันจิตใจโหดเหี้ยม อำมหิต ทำร้ายกระทั่งคนไร้ทางสู้--”
เสียงหัวเราะคิกคักจากสาวๆดังครืน แต่สำหรับเค้าเหมือนเสียงยายแม่มดปีศาจหัวเราะมากกว่า ซึงฮยอนหันขวับไปหาชายเจ้าของโต๊ะ คนที่เคยตอกเล็บจียงจนเลือดทะลัก
“โดยเฉพาะแก!! แกทำร้ายจียง!!!”
แก้วเหล้าในมือถูกเขวี้ยง เฉียดหัวเจ้าของโต๊ะไปนิดเดียว
“ไอ้สันดานเอ๊ย!! หาเรื่องรึไงวะ!!”
“พอได้แล้วซึงฮยอน!! เสียสติไปแล้วรึไง!!”
ยองเบโดนถ่มน้ำลายใส่หน้าทันที คนตัวเล็กอึ้งอีกครั้งเมื่อซึงฮยอนหันมาทำตาขวางใส่
“ชั้นไม่ได้บ้า!!! พวกนายน่ะแหละบ้ากันไปหมดทุกคนแล้ว!!! พวกนายไม่รู้จักความรักจริงๆหรอก พวกนายแม่งหลอกตัวเอง ไอ้บ้า!!! ไอ้โรคจิต!!! บ้ากันหมดทุกคนเลยเว้ย!!!”
กว่าจะจบเรื่องคืนนั้น แดซองกับซึงรีต้องฝ่าเข้าไปห้ามก่อนที่ซึงฮยอนจะโดนฝ่ายนั้นกระทืบตายคาเท้า โดยแดซองขับรถพาทุกคนกลับไปพักที่ห้อง มักเน่อาสาจะทำงานแทนพี่ใหญ่พรุ่งนี้
= = =
ซึงรีโทรมาบอกว่าจียงโดนทำร้ายอีก คราวนี้ต้องถึงขึ้นพักฟื้นเลยทีเดียว ในห้องสีขาวที่รายล้อมด้วยแคปซูลมากมายบรรจุตัวโคลนหน้าตาเหมือนจียง ซึงฮยอนยืนนิ่งที่ข้างแคปซูลของหมายเลข 818 เพื่อรอฟังเสียงที่คุ้นเคยและรอให้ตัวโคลนลืมตาขึ้นมา เพื่อที่จะแน่ใจว่าตัวโคลนตัวนี้คือ’จียง’ของเค้าจริงๆ
หมายเลข 818 ยังคงหลับสนิท จนไม่ได้ยินเสียงคุยกันของชายสองคนที่ยืนข้างนอกหลอดทดลอง
“ยองเบ… เจ็บมากมั้ยอ่ะ?”
“เออ ไม่เท่าไหร่หรอก ไม่ได้โดนตีนเหมือนเอ็ง”
“…ขอโทษนะ”
“ไม่เป็นไร ก็นายเมานี่”
“…เมื่อคืนชั้นไม่ได้เมานะ ชั้นหมายความว่าอย่างงั้นจริงๆนะ” เสียงซึงฮยอนดังขึ้น “ถึงเป็นตัวโคลน พวกเค้าก็ยังมีชีวิตจิตใจ…”
“รู้อะไรมั้ยซึงฮยอน?”
“หือ?”
“อยู่กับนายมาก็หลายปี ชั้นเพิ่งรู้ว่านายไม่เหมาะกับงานนี้เลยซักนิด”
“…ชั้นรู้…”
“นายใจดีเกินไป”
“…อื้อ…”
“แล้วก็เปลี่ยนไปเยอะด้วย เมื่อก่อนนายก็เหมือนพวกชั้น ไม่เคยสนใจพวกตัวโคลน”
“…จียง ทำให้ชั้นเปลี่ยนใจ…”
ยองเบเหลือบตามองใบหน้านิ่งสนิทของตัวโคลนในหลอดทดลอง ใบหน้านั้นก็ไม่ต่างจากใบหน้าในหลอดทดลองอื่นๆเลย
“ถ้านายรักจียงขนาดนั้น ไว้ชั้นโคลนตัวใหม่ให้นะ รับรองว่าเหมือนจียงของนายเด๊ะ เอาแบบตาบอดด้วย”
“ไม่เอา… มันไม่เหมือนกัน…”
“แต่นายเอาจียงไปตอนนี้ไม่ได้ นายก็รู้ว่าจียงไม่ใช่ของนายคนเดียว หมอนั่นยังเป็นของๆบริษัท”
“อีกนานแค่ไหน…”
“อื๋อ?”
“อีกนานแค่ไหนจียงถึงจะปลดระวาง…”
ยองเบถอนหายใจ คำว่าปลดระวางสำหรับตัวโคลนนั้น หมายถึงการเอากลับไปทำลายเพื่อสร้างโคลนซีรีย์ใหม่
“คงอีกปีนึง ยิ่งตอนนี้นายก็รู้ว่าจียงฮ๊อตจะตาย”
“ชั้นรอนานขนาดนั้นไม่ได้ ชั้นจะไปขอร้องพี่เท็ดดี้”
“เงินที่นายมีซื้อจียงไม่พอหรอก… ยิ่งก่อนหน้านี้นายเล่นเอาเงินเดือนไปซื้อชั่วโมงจียงซะหมด”
“… ไม่ว่าเท่าไหร่ ชั้นก็จะหามาให้ได้”
เสียงของยองเบเงียบไป ก่อนจะถอนหายใจอีกครั้ง
“…ตัวโคลน 1 ตัวมีต้นทุนอยู่ที่ 5 ล้านเครดิต นี่รวมค่าเพาะเลี้ยงกับแคปซูลด้วยนะ ราคาปกติก็… ถ้าอย่างจียงที่ฮ๊อตๆหน่อยก็คงเกิน 20 ล้านเครดิต”
“ยองเบ…”
“ถ้าเป็นชั้นล่ะก็ ชั้นซื้อกลับมาในราคาทุนได้อยู่แล้ว ไว้อ้างว่าเอากลับมาวิจัยต่อก็ได้”
“…ขอบใจนะ”
“ซึงฮยอน นายรู้ใช่มั้ยว่าไม่มีใครที่นี่คิดเหมือนนายเลย…” เสียงยองเบดังขึ้นอีกครั้ง “ที่นายบอกว่าคนอื่นหลอกตัวเอง ชั้นว่านายนั่นแหละหลอกตัวเอง ตัวโคลนเป็นอะไรไปไม่ได้มากกว่าตัวโคลนหรอก”
“อื้ม ชั้นรู้”
“แล้วที่ชั้นซื้อจียงให้นาย ขอบอกเลยนะว่ามันไม่ต่างจากอารมณ์ซื้อหมาแมวให้นายเป็นของขวัญเลย”
“ชั้นรู้… ถึงพวกนายจะมองว่าจียงต้อยต่ำขนาดไหน แต่ไม่เป็นไรหรอก… บางอย่าง… ใช้ตามองก็ไม่เห็นหรอกยองเบ”
เสียงทุ้มดังขึ้นอีกครั้ง
“มีแค่ชั้นที่เห็นค่าของจียงก็พอ…”
= = =
เสียงกุกกักหน้าห้องทำให้จียงหันไปมอง ดวงตาสีเทากระพริบอย่างสงสัยก่อนจะวางมือจากรูบิคที่เล่นค้างไว้
“ซึงฮยอน?”
เสียงกุกกักเงียบไป
“ซึงรี?”
ตัวโคลนพยายามเรียกทุกชื่อที่ซึงฮยอนเคยพูดให้ฟัง แต่เป็นอันรู้กันว่าถ้าไม่มีเสียงตอบรับนั่นแสดงว่ามีแขกกำลังเข้ามาใช้บริการ…
เมื่อเสียงประตูเปิดดังผลั๊วะเข้ามา จียงนั่งนิ่งบนเตียง ข้อมือที่ยังเป็นรอยแดงจากการถูกทรมานกำเสื้อเชิ๊ตตัวโคร่งแน่น ฟังจากเสียงฝีเท้าแล้วคงเข้ากันมาหลายคน ร่างเล็กเริ่มตัวสั่นอย่างช่วยไม่ได้เมื่อนึกถึงสิ่งที่แขกเคยทำกับเค้า
“ตัวนี้แน่นะ?”
มือของชายร่างผอมโบกไปมาข้างหน้าจียง แต่ดวงตาสีเทาไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
“เออ ไอ้โคลนพิการตัวนี้แหละ”
และมัน กำลังเริ่มขึ้นอีกครั้ง…
สิ้นเสียงคำตอบรับ มือสี่คู่ก็จับแขนและขาของเค้ากระแทกลงกับเตียง จียงอ้าปากร้องด้วยความตกใจ จนมือผอมเมื้อกี้ตบเข้าที่แก้มขวาของเค้าจนหน้าหัน
“ใครใช้ให้ส่งเสียงห้ะ? ไอ้ตัวโคลน”
เสื้อเชิ๊ตของเค้าถูกกระชากออก สัมผัสของมือหลายคู่จับต้องตัวเค้าอย่างจาบจ้วง จียงเม้มปากเน้น พยายามกลั้นเสียงสะอื้นไว้ ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างเดียว
“เฮ่ย ตาบอดแล้วร้องไห้ได้ด้วยว่ะ มองไม่เห็นไม่ใช่หรอวะ?”
“ฮ่าๆ กูบอกแล้วว่าของแปลกไง”
ร่างของจียงถูกดึงขึ้นมานั่งบนเตียงอีกครั้ง ก่อนที่มือหนึ่งจะจิกผมสีทองให้เผยอปากและกดคว่ำลงมา สิ่งแปลกปลอมถูกยัดเข้าไปในปาก มือทั้งสองข้างพยายามยันตัวเองหนีแต่ถูกอีกร่างหนึ่งมากดทับข้างหลังจนขยับ ไปไหนไม่ได้ มือลึกลับดึงเอวของเค้าขึ้นมา นวดคลึงแถวสะโพก ก่อนจะแทรกบางอย่างเข้ามา เสียงชายหนุ่มครางอื้ออึงดังรอบตัวจียง มือที่จิกที่เรือนผมบังคับให้หัวของเค้าขยับขึ้นลงบ้าคลั่ง ความเจ็บปวดที่หนังหัวไม่อาจเทียบกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับส่วนล่างของเค้าได้ เลย
เค้าไม่รู้ว่ามีกี่คนที่อยู่ในห้องนี้ด้วยซ้ำ ไม่สามารถนับจำนวนมือแต่ละข้างที่เลื่อนมาปะป่ายบนหน้าอกของเค้าได้ทัน จนกระทั่งเค้ารู้สึกถึงของเหลวทะลักเข้าลำคอ มือที่จิกผมสีทองของเค้าจึงคลายออก
แต่ยังไม่ทันจะได้พักหายใจ มือนั้นก็จับเรียวคางขาวเชิดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ของเหลวสีขาวทะลักออกจากมุมปากของจียงที่กำลังหอบ ในขณะที่ด้านหลังยังถูกรุกเร้าต่อ
“แกมันพิเศษยังไงวะ?” ลมหายใจกระซิบแผ่วข้างหูเค้า “ไอ้บ้านั่นถึงเป็นเดือดเป็นแค้นแทน”
จียงปล่อยให้ตัวเองร้องไห้ต่อ ไม่มีซึงฮยอนของเค้า ซึงฮยอนไม่ได้อยู่ในกลุ่มคนพวกนี้ ซึงฮยอนไม่ตอบรับเสียงเรียกของเค้า ถ้าเป็นซึงฮยอนจะไม่ทำรุนแรงกับเค้าแบบนี้ …
“ซึงฮยอน…”
จียงเรียกชื่อนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับมันเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจที่เหลืออยู่อย่างเดียวในตอนนี้
ก่อนที่ประสาทหูจะดับวูบไป เสียงประตูก็กระแทกเปิดอีกครั้ง สัมผัสมือทั้งหลายเลื่อนออกจากร่างของเค้าจนหมดสิ้น ร่างบางสั่นกระตุกบนเตียงและพยายามจะยันตัวลุกขึ้นมา
“พวกแก!!”
ดวงตาสีเทาที่เอ่อรินกระพริบถี่เมื่อได้ยินเสียงทุ้มที่คุ้นเคย
“พวกคุณแอบเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตนะ!!” เสียงของซึงรีดังขึ้นพร้อมกับเสียงฝีเท้าพุ่งตรงมา หูของจียงได้ยินเสียงปลดสลักปืนดังกริ๊ก ก่อนที่ปลายโลหะเย็นจะกดมาที่ขมับ
“อ้ะ!!!” เสียงฝีเท้าหยุดชะงัก
“ซึงรี!! ถอยออกไป!!” ซึงฮยอนร้องขึ้น “แก… แกที่อยู่ที่ผับตอนนั้น แกนั่นเอง”
“เมิงทำกูเจ็บแสบมาก ไอ้หล่อ!” เจ้าของปืนใช้มือผอมๆที่เต็มไปด้วยรอยสักขยุ้มหัวของเค้าจนใบหน้าจมเตียงนุ่ม “เมิงแหกหน้ากูเมื่อวานต่อหน้าสาวๆ น่าจะขอบใจกูนะ กูอุตส่าห์จะมาช่วยรักษาโรคสติฟั่นเฟือนของเมิง รักตัวโคลนมากใช่มั้ยแก?! จะอ้วกโว้ย!!! ลืมตาเหอะว่ะ”
“หุบปาก!! ปล่อยจียงนะ!!!”
จียงอยากจะเอ่ยตอบ อยากจะร้องเรียกชื่อนั้นอีกครั้ง แต่เค้ากลับไม่มีแรงแม้แต่สูดหายใจเข้าปอด เค้าขยับตัวไม่ได้ สติค่อยๆดับวูบทีละน้อย แต่ถ้าหลับไปตอนนี้เค้าจะไม่ได้ยินเสียงของซึงฮยอนอีก คำพูดที่ว่าตัวโคลนที่หลับไม่ตื่นจะถูกส่งกลับห้องทดลองลอยเข้ามาในหัวอีกครั้ง…
“ไม่เอานะ ไม่เอา…” เสียงหวานแหบแห้งราวกับระฆังยามเช้าลอดออกมา “ชั้นไม่ไป…”
ชายร่างผอมหัวเราะเย้ยหยันเมื่อได้ยินเสียงพึมพำของจียง “…อีกคนก็พูดไม่รู้เรื่อง อีกตัวแม่งบ้ากู่ไม่กลับแล้ว” มือผอมจิกผมสีทองให้เชิดหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาสีเทาอ่อนล่องลอย “เออช่างเหอะ กูยอมเสียค่าปรับก็ได้วะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ”
“หยุดนะ!!!”
จียงได้ยินเสียงกรีดร้อง เสียงฝีเท้าที่ดังสนั่นจนไม่รู้ว่ามีคนกี่คนอยู่ในห้องกันแน่ เสียงของแข็งปะทะกัน เสียงโอดครวญที่ไม่คุ้นหู และสัมผัสของอ้อมกอดที่พุ่งเข้ามารวบตัวเค้าไว้…
ปัง!!!
= = =
ปาร์คเท็ดดี้วางรูปถ่ายของห้องหมายเลข 818 ที่ตำรวจถ่ายมาให้ดู ปกติถ้าเป็นตัวโคลนตายพวกตำรวจไม่มายุ่งอยู่แล้ว แต่คนเคราะห์ร้ายครั้งนี้กลับเป็นหนึ่งในลูกน้องที่เค้าไว้ใจ
“เออ ดี คราวนี้กูเสียลูกน้องไปทั้งก๊วนเลย…”
เท็ดดี้มองใบลาออกของเพื่อนซึงฮยอนทั้งสามคนที่วางบนโต๊ะอย่างเหนื่อยใจ แม้รู้ว่าการขาดนักวิจัยเก่งๆไปจะทำให้เค้าลำบากขึ้น แต่ยองเบกับแดซองบอกว่าจะเลิกผลิตตัวโคลนถาวรแล้ว และแนะนำนักวิจัยคนอื่นให้เค้าแทน ทำให้เค้าไม่ได้บ่นอะไรมากนัก
ในเมื่อมีคนมาแทน ที่นี่ก็ยังคงทำงานต่อไปได้ ตึกแห่งนี้ก็ยังดำเนินชีวิตซ้ำซากต่อไป…
= = =
จียงตื่นขึ้นมาเพราะได้กลิ่นที่ไม่คุ้นเคย
มือน้อยสัมผัสไปทั่วเตียงก็พบว่านี่ไม่ใช่เตียงที่เค้าเคยอยู่ ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อลอยฟุ้งไปทั่ว นี่เค้ากลับมาอยู่ที่ห้องทดลองแล้วหรือ? จียงพยายามคลำทางไปทั่วเพื่อลงจากเตียง แต่ก่อนที่เค้าจะหย่อนขาลงไปแตะพื้นก็ได้ยินเสียงดังตวาดขึ้น
“แก!!!! เป็นเพราะแก!!!!!! พี่ซึงฮยอนถึงตาย!!!!!!” แดซองถลาเข้าไปจะทำร้ายตัวโคลน จนจียงรีบถอยหนีกรูดจนติดกำแพงข้างเตียง ซึงรีกับยองเบช่วยกันจับตัวไว้ทัน
“ใจเย็นๆน่าแดซอง!”
“พี่จะให้ผมเย็นได้ยังไง!! ฮึก…” เสียงของชายหนุ่มสะอื้น เค้าได้ยินเสียงซึงรีคอยปลอบเบาๆก่อนจะพาออกไปสงบสติอารมณ์นอกห้อง
จียงเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีเทาหันไปทางต้นเสียงที่ไม่คุ้นเคย ตอนนี้เหลือแค่ยองเบกับตัวโคลนในห้องตามลำพัง
“ชั้นคือยองเบ”
“ยองเบ? เพื่อนของซึงฮยอน?”
“นายรู้จักชั้นก็ดีแล้ว ชั้นเป็นคนสร้างนายขึ้นมา”
เค้าได้ยินความประหม่าในน้ำเสียงของยองเบ อาจเป็นเพราะไม่เคยมีใครมาคุยกับเค้า และเค้าก็ไม่คุ้นกับการคุยกับคนอื่นที่ไม่ใช่ซึงฮยอน
“นายเป็นตัว--” ยองเบชะงักไปแป๊บนึง ก่อนจะกลั้นเสียงสะอื้น “เป็นคนที่ชั้นไม่น่าสร้างขึ้นมาเลย ชั้นคิดค้นพันธุกรรมของซีรีย์มาหลายรุ่นแล้ว แต่ชั้นผิดหวังกับรุ่นของนายมากที่สุด”
“…”
“เป็นเพราะนาย… ซึงฮยอนก็เลย… ถ้าไม่มีนายล่ะก็...”
“…”
ยองเบยกมือปาดน้ำตา ก่อนจะเอ่ยต่อ
“ฟังนะ ที่นายยังไม่ตายเพราะชั้นเห็นแก่ซึงฮยอน เค้าขอร้องชั้นไว้ว่าให้ชั้นคอยช่วยนาย ความรักของหมอนั่นไม่สมควรถูกทิ้งขว้าง”
“รักหรอ?” จียงเอ่ยขึ้นมา “มันคืออะไร?”
ยองเบยืนนิ่ง ไม่คิดว่าจะถูกตัวโคลนที่ต่ำต้อยตั้งคำถามใส่เค้า แต่จียงคงอยากได้ยินจากซึงฮยอนมากกว่า ในเมื่อนิยามความรักของหมอนั่นไม่เหมือนคนอื่น
“แล้วซึงฮยอนไปไหน ซึงฮยอนจะกลับมามั้ย?”
ลมหายใจของคนร่างเล็กกระชั้น เค้าอ้าปากและพยายามอธิบาย แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ อธิบายไปยังไงตัวโคลนก็ไม่เข้าใจอยู่ดี
“คง… ไม่แล้วล่ะ”
“หรอ…” ดวงตาสีเทาหรุบหรี่ลง “ผมจะไม่ได้เห็นหน้าของซึงฮยอนอีกแล้วใช่มั้ย?”
ถึงตรงนี้ยองเบไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้แล้ว มือหนาเลื่อนไปปิดน้ำตาของตัวเองก่อนจะปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อาย
“ผมอยากเจอซึงฮยอน… เค้าบอกจะพาผมไปด้วยกันนี่นา” เสียงดังกังวานใสดังขึ้น
“…”
“ไม่เป็นไรหรอก ผมชินกับการรอ ผมจะรอซึงฮยอนกลับมา”
= = =
ซึงรีที่ยืนปลอบแดซองอยู่ข้างนอกกำลังนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวันนั้น...
“ไอ้เชี่ย!!! พุ่งเข้ามาทำซากอะไรวะ!!?!”
ซึงรีที่ยืนอยู่ที่ประตูอ้าปากค้าง ก่อนจะรวบรวมสติกดปุ่มขอความช่วยเหลือในมือ ไม่นานการ์ดและอิมแทบินก็กรูกันเข้ามาล๊อกตัวแขกทั้งหลายที่ลักลอบเข้าห้อง ชายร่างผอมถูกล๊อกแขนลงกับเตียงจนปืนตกกระเด็น ปากก็ร้องโวยวายไม่หยุด
เลือดของซึงฮยอนไหลนองไปทั่วพื้น ย้อมผ้าปูที่นอนเป็นสีแดง ในอ้อมแขนยังกอดตัวโคลนผมทองไว้แน่น
“ซึงรี มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่วะ?” แทบินเอ่ยอย่างร้อนรน ก่อนจะกรอกเสียงใส่วิทยุเพื่อเรียกรถพยาบาล แต่มักเน่ก็ยังช๊อกจนพูดอะไรไม่ออก
เค้าเห็นชเวซึงฮยอนโผเอาตัวไปกั้นกระสุนให้ตัวโคลน ไม่สิ… จียง
ซึงฮยอนรู้สึกยมฑูตกำลังสูบอากาศออกจากปอดจนหมดและแทนที่พื้นที่ข้างในด้วย เลือดแทน ปากของเค้าเปรอะเปื้อนไปด้วยของเหลวสีแดง แต่กระนั้นสายตาก็ยังโหยหาไปที่ดวงตาสีเทาที่คุ้นเคย มือหนาเริ่มสั่นเกร็งและบีบไหล่ของร่างเล็กราวกับไม่อยากให้หนีไปไหน
“ซึงฮยอน…”
เสียงระฆังใสที่ฟังดูวังเวงและห่างไกล ตาของเค้าเริ่มหรุบหรี่ลงจนแทบมองไม่เห็นหน้าของจียง
“ซึงฮยอน…?”
เค้ารู้สึกถึงนิ้วมือเย็นที่แตะเบาๆที่ริมฝีปาก ซึงฮยอนพยายามพูด แต่กลับไม่มีเสียงออกมา
น่าแปลกที่จียงกลับยิ้ม ราวกับได้ยินเสียงล่องหนของเค้า หรือว่าสายตาพร่าเลือนทำให้เค้าเห็นภาพหลอนกันนะ
“…ผมก็รักคุณ”
สิ่งที่เค้าได้รับก่อนดวงตาจะแน่นิ่งค้างไปคือจูบลาสุดท้ายของจียง และภาพของหัวเตียงที่มีลูกรูบิคถูกอาบด้วยสีแดงจากเลือดทั้ง 6 ด้าน
End.