ฟิคแปล Fanfiction: AI WO CHIKAU WHITE - 17 (Final)
Author: izchi_sensei
Link:
http://archiveofourown.org/works/2642345Fandom: Hey! Say! JUMP
Pairing: Arioka Daiki x Yamada Ryosuke, Yabu Kota x Inoo Kei , Takaki Yuya x Chinen Yuri
Rating: Explicit
DISCLAIMER: WHOLE STORY BELONGS TO izchi_sensei
Thank you very much for permission :)
ประมุขของคฤหาสน์สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะเคาะประตูห้องของยูยะ เขาก้าวเข้าไปเมื่อได้ยินเสียงอนุญาต
“โคตะ” ผู้เป็นญาติร้องทักอย่างแปลกใจ “เชิญเลย ลมอะไรพัดมาน่ะ” คนอายุน้อยกว่าถาม แต่โคตะกลับลังเลที่จะพูด เมื่อเห็นยูริที่ตัวติดอยู่กับยูยะตลอด เรียวสุเกะและไดกิ
“ไม่มีอะไร ถ้านายติดธุระอยู่ ฉันจะแวะมาใหม่ทีหลัง!” เขาบอก ก่อนจะหมุนตัวกลับ แต่ผู้มีศักดิ์เป็นน้องชายห้ามไว้
“พี่โคตะ หยุดก่อน ถ้าพี่มีเรื่องจะคุยกับยูยะ พวกผมจะออกไปเอง!” ไดกิอาสา
“แต่เราเพิ่งมาถึงนะ ไดจัง!” เรียวสุเกะท้วง
“ทำอย่างกับว่ามาไกล ฮึ!” ยูริขัด
“อึก..ทำไมนายต้องทำท่าหมั่นไส้ด้วย ช่างเถอะ เรากลับกันดีกว่า!” เรียวสุเกะบอกพลางลุกขึ้น แต่โคตะห้ามไว้
“ขอโทษที ฉันไม่รบกวนพวกนายแล้ว ฉันออกไปก่อนแล้วค่อยกลับมาทีหลังดีกว่า” เขาขยับเท้าเดินออกไป แต่ยูยะท้วง
“โคตะ เดี๋ยวก่อน นานๆ ทีนายจะมาหาฉันเป็นการส่วนตัว แสดงว่านี่ต้องเป็นเรื่องสำคัญมาก” ยูยะให้เหตุผล พลางมองญาติของตนอย่างสงสัย โดยเฉพาะท่าทีที่เหมือนกับอยู่ผิดที่ผิดทาง
โคตะหันกลับมาและยักไหล่ “ฉันก็อยากจะอยู่ต่อหรอกนะ เรื่อง...เคย์ แต่ฉัน...”
“เกิดอะไรขึ้นกับเคย์หรือครับ เขาไม่สบายเหรอ” เรียวสุเกะผุดลุกขึ้นอย่างเป็นห่วง จนโคตะต้องรีบอธิบาย
“เปล่าๆ เขาสบายดี อาการดีขึ้นมากแล้วด้วย เขาอยากจะออกไปเดินเล่น แต่...” โคตะลังเล มองยูยะก่อนจะนั่งคุกเข่า แล้วหันหน้าไปสบตายูริ ผู้ที่ดวงตาบอกเป็นนัยว่าอยากจะอยู่ตามลำพังกับคนรักเท่านั้น
“ฉันไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี” คนโตสุดยอมรับออกมา พลางก้มหัวลง
“หือ?” ยูริมองอย่างงุนงง
“กับเคย์ ฉันไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไงดี ฉันไม่สามารถทำตัวตามสบายกับเคย์ และไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง ตั้งแต่เรากลับมา ฉันก็รู้สึกแปลกๆ” เขามองยูริ ที่ประหลาดใจกับท่าทีที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือของโคตะ “ฉันต้องการคำปรึกษา ยูยะ” เขาถามพลางหันไปหาญาติ ยูริพ่นลมออกจมูก
“เป็นอะไรเหรอ” เรียวสุเกะถาม
“ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมทุกคนต้องมาปรึกษาปัญหาหัวใจของตัวเองกับยูยังด้วย!” ยูริเหน็บ ยกมือกอดอก
“หมายความไง ยู?” ยูยะทำแก้มป่อง ก่อนจะถองสีข้างยูริเบาๆ
“นี่! ฉันยังไม่เคยมาปรึกษาเลยนะ!”
“ไม่ใช่นาย แต่เป็นเขาต่างหาก!” ยูริร้อง ชี้นิ้วไปที่ไดกิ ที่พยักหน้าหงึกหงัก
“เอ๊ะ” เรียวสุเกะมองคนรัก แล้วค้อมหัวอย่างสงสัย
“คืออย่างนี้ จริงๆ แล้วเรื่องของพวกเราเริ่มต้นไม่ค่อยดีนัก คือฉันอยากจะปรึกษาใครสักคน ฉันก็เลยมาหายูยัง!” ไดกิหัวเราะ “แล้วเขาก็ให้คำปรึกษาฉัน!”
“อ้อ? เหรอ!” เรียวสุเกะอุทาน พลางจินตนาการภาพไดกิหดหู่ใจ แล้วหันไปมองยูยะ
“งั้นก็ต้องขอบคุณยูยะ ที่ไดกิชนะใจผมได้”
“นายให้ความสำคัญกับฉันมากไปแล้ว...”
“ไม่งั้นผมก็คงไม่รักไดกิ! แต่หลงรักคุณแทน!” เรียวสุเกะสรุป พลางเอนตัวไปโอบยูยะ จูบแก้ม ก่อนที่ไดกิกับยูริจะได้สติและแยกทั้งคู่ออกจากกัน
“ทำบ้าอะไรของนาย เจ้าคนปัญญาอ่อน!” ยูริคว้าไหล่ยูยะกลับมา
ขณะที่ไดกิพยายามคว้าคนรับใช้ของตนไว้อย่างสุดชีวิต ดึงเข้าหาตัว “โอ้ย! ตัวเล็ก!” เขายกมือปิดปากเรียวสุเกะ ที่กำลังหัวเราะ
“หึงเหรอ”
“แน่นอน” ไดกิตะโกน แล้วส่ายศีรษะ
“แล้วทำไมคุณถึงได้แต่ยืนนิ่งอย่างงั้นล่ะ!” ยูริตวาดยูยะ ผู้ซึ่งหงุดหงิดและงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้น
“ทำไมนายโทษฉันล่ะ ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ!”
“แน่ล่ะ! แล้วนายก็อยู่ให้ห่างจากยูยะล่ะ! เขาเป็นของฉัน!” ยูริหันกลับมามองเรียวสุเกะอย่างดุดัน
เรียวสุเกะยังคงหัวเราะ เขานั่งตรงหว่างขาของคนรักเพื่อหลีกเลี่ยงการจู่โจมอย่างคาดไม่ถึงจากยูริ
โคตะมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
“เป็นแบบนี้เหรอเนี่ย” เขาถาม ทำให้ทั้งสี่หันกลับมามองเขา แต่ชี้ไปที่เรียวสุเกะ
“แบบไหนเหรอ” เรียวสุเกะถามตรงๆ สบตาโคตะ ขณะที่กอดแขนไดกิ
“ก็...ปัญญาอ่อน” โคตะยักไหล่
“เป็นยิ่งกว่านั้นอีก” ยูริเน้น เรียวสุเกะทำปากยื่น
“ไดจัง ได้ยินที่พวกเขาพูดมั้ย พูดอะไรบ้างสิ!” เขาอ้อน
“คืออย่างนี้ พี่โคตะ...” ไดกิพูด “ฉันก็รักเขาที่เขาเป็นแบบนี้แหละ” เขาตอบโดยเลี่ยงไม่สบตาเรียวสุเกะ
“นี่! อะไรเนี่ย?” เรียวสุเกะเบิ่งตาโต อ้าปากค้าง
ไดกิหัวเราะ เอนศีรษะซบเรียวสุเกะ พยายามเบี่ยงเบนความสนใจ
“ปล่อยผม คุณก็อยู่ข้างพวกนั้น เพื่อเป็นการลงโทษ” เรียวสุเกะเริ่มขู่ “ผมจะไม่ยอมทำอย่างที่คุณชอบให้ผมทำอีกแล้ว!”
“เรียว!” ไดกิร้องเตือน เห็นได้ชัดว่าเรื่องความสัมพันธ์แนบชิดที่กำลังพูดอยู่นี้ไม่สมควรเอามาพูดในที่สาธารณะ
“ฮึ่ย!” เรียวสุเกะหันหน้าหนี เมินไดกิ ที่ก้มลงกระซิบข้างหูคนอายุน้อยกว่าเพื่อไม่ให้คนอื่นได้ยิน “ฉันขอบอกเลยว่านายก็ชอบ...งั้นปล่อยให้ฉันทำเอง” ไดกิกระซิบอย่างเจ้าเล่ห์
เรียวสุเกะหันมาตีแขนไดกิ
“ขอโทษเถอะนะ แต่ฉันไม่สนใจอยากจะรู้เรื่องของพวกนาย!” ยูริแย้ง เขาเหยียดขาเตะเท้าเรียวสุเกะ
“ฉันก็ไม่สน” โคตะบอก “แล้วเรา...ก็กำลังคุยเรื่องของฉันค้างอยู่นะ!” เขาประกาศก้องให้ทุกคนหันมาสนใจอย่างจริงจัง
“ขอโทษนะ โคตะ” ยูยะเอ่ย โดยยูริเอนซบในอ้อมแขน “จริงๆ แล้วอะไรคือปัญหาของนาย”
“ฉันก็ไม่รู้ ฉันรู้แต่ว่าฉันไม่เป็นตัวของตัวเองเลย” โคตะพยายามอธิบาย
“พี่บอกได้เท่านี้เหรอ” ไดกิถาม พยายามจะทำความเข้าใจ
“ใช่ ฉันไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี ไม่รู้ว่าเขาอยากให้ฉันทำยังไง” โคตะพยายามอธิบายถึงความคับข้องใจ
“ฉันไม่คิดว่าเคย์คนที่นายพูดถึงจะต้องการสิ่งใดตอบแทน และเขาก็ไม่ต้องการสร้างปัญหาให้นายหรอก เขาเก็บงำมาหลายปี และทนทุกข์ใจมามาก ถ้าเขาต้องการจะเรียกร้องอะไร เขาคงไม่ใช้วิธีเงียบเฉยแบบนี้หรอก นายว่ามั้ย” ยูยะพยายามให้เหตุผล
“ก็จริง แต่...ฉันไม่รู้ว่าฉันรู้สึกยังไงกับเขา ไม่รู้ว่าจะบอกเขาว่ายังไง”
“ถ้าพี่ไม่ได้มีใจให้กับเขา พี่ก็อย่าให้ความหวังเขาหรืออะไรทำนองนั้น” ไดกิเสริมขึ้นมา
ยูริผู้ซึ่งฟังพวกเขาคุยกัน หันมาหาโคตะ “ชอบเคย์รึเปล่า หมายถึงในฐานะคนๆ หนึ่ง”
“ชอบ ชอบนะ เคย์...เป็นคนสำคัญของฉัน ตอนที่เห็นฮิคารุขังเคย์ไว้ ตอนนั้นฉันกลัวว่าจะสูญเสียเคย์ไปจริงๆ”
“แล้วท่านชอบอะไรในตัวเคย์ ต้องมีอะไรบางอย่างในตัวเคย์ที่ถูกใจท่าน”
“เคย์วาดรูปเก่ง และก็เป็นคนช่างคิดเสมอ” โคตะแจกแจง
“แล้วตอนที่อยู่ด้วยกัน ท่านมักจะทำอะไร”
“เราร่วมรักกัน” เขายอมรับ
ยูริกระพริบตาปริบๆ กับคำตอบที่ตรงเผงไม่อ้อมค้อมของโคตะ เขาพยายามถามต่อ
“อ้อ แค่นั้นเองเหรอ”
“เราร่วมรักกันตั้งแต่ตอนที่ฉันพาเคย์เข้ามาอยู่ในคฤหาสน์แล้ว...” โคตะก้มหน้า โดยพูดค้างคาไว้
“เข้าใจละ!” ยูริพยายามสะกดกลั้นที่จะไม่ระเบิดอารมณ์ออกมา เขาบอกตัวเองว่าไม่ใช่ความผิดของเขาเลย ที่ชีวิตเขาห้อมล้อมด้วยพวกกระโหลกหนาและสมองกลวง “เอาอย่างนี้ ถ้าเคย์มีไว้แค่เพื่อการนั้น ถ้านั่นเป็นแค่เรื่องเดียวที่ทำให้ท่านเก็บเคย์ไว้ข้างตัว ก็แปลว่าท่านไม่ขัดข้องที่จะร่วมรักกับคนอื่นใช่มั้ย”
“ท่านจะร่วมรักกับผมหรือเปล่า” เรียวสุเกะชี้ที่ตนเอง
“เรียวสุเกะ อย่าเชียวนะ!” ไดกิถลึงตา
“ก็แค่สมมุติน่า!” เรียวสุเกะคว้ามือไดกิไว้ แล้วบีบมือกระชับแน่น ก่อนจะยกมาสัมผัสริมฝีปาก “ผมรักคุณ ผมไม่อยากมีอะไรกับเขาหรอก” เขาบอกเสียงต่ำ
ยูริกระแอมไอ ดึงให้ทั้งคู่หันกลับมาที่โคตะ
“โคตะ ที่ยูริถามนาย ก็เพื่อที่พวกเราจะได้เข้าใจ ว่าความผูกพันที่นายมีต่อเคย์นั้นเป็นแบบไหน ถ้านายร่วมรักกับใครก็ได้ ก็แปลว่านั่นเป็นแค่ความสุขทางกายเท่านั้น เข้าใจมั้ย นายไม่มีปัญหาอะไร ถึงแม้ว่าคนๆ นั้นจะไม่ใช่เคย์”
โคตะมองสบตาแต่ละคนที่กำลังรอคำตอบจากเขา แล้วจึงพูดเบาๆ “ฉันไม่อยากร่วมรักกับคนอื่น”
ยูยะยิ้ม “งั้นนายก็ได้คำตอบแล้ว โคตะ นายไม่ต้องทำอะไร แค่ไปบอกเคย์ นายจำเป็นต้องบอกอย่างซื่อตรงต่อเคย์ เขาสมควรที่จะได้รับรู้”
“ฉันรู้ แต่ว่าจู่ๆ จะให้ฉันเดินไปหา แล้วก็บอกเขาเนี่ยนะ มันไม่สมเหตุสมผลเลย จากที่ฉันเคยปฏิบัติต่อเขา ทุกๆ อย่างที่ฉันเคยทำลงไป และ..” เขามองยูริ โน้มตัวไปข้างหน้า ศีรษะก้มต่ำ “ฉันขอโทษ...เป็นอย่างมาก”
ยูริผงะหนี ซุกเข้าหาอกยูยะที่กอดเขาอยู่โดยอัตโนมัติ
“ถ้าท่านอยากให้ผมยกโทษให้” ยูริพูด “ก็จงไปหาเคย์ และทำให้เขามีความสุข”
“เขาจะยกโทษให้และยอมรับความรู้สึกของฉันหรือเปล่า” โคตะถาม ยังคงคิดไม่ตก เขากลัวว่าความผิดพลาดที่เคยทำไว้ในอดีต ความเห็นแก่ตัวของเขาจะย้อนกลับมาทำร้ายตนเอง
ยูยะยิ้มและบอกญาติของตน “โคตะ นายไม่มีอะไรที่จะต้องกังวลเลย เพราะว่าเคย์รักนาย”
“เขารักพี่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะต้องผจญกับอะไรก็ตาม” ไดกิเสริม “หลังจากนี้ไม่ว่าพี่จะทำอะไร ก็ขอให้ทำให้ดีขึ้นกว่าแต่ก่อน เพื่อให้ตัวพี่ดีขึ้น” เขาพยักหน้า
โคตะงับริมฝีปากตนเอง ก่อนจะผงกศีรษะช้าๆ และกล่าวขอบคุณ และกลับไปยังห้องที่เคย์พักอยู่
โคตะเลื่อนประตูกระดาษเปิดออก แล้วมองไปยังภายในห้อง เห็นคนอายุน้อยกว่านอนลืมตามองเพดาน ไม่ได้หลับ
“เคย์?” เขาเรียก ขณะที่แขนไพล่หลังเดินเข้าไปในห้อง
“โคตะซามะ...” เคย์เรียกอย่างอ่อนแรง
“ขอโทษที่ปล่อยนายไว้คนเดียวเสียนาน” โคตะคุกเข่าลงข้างเคย์ ที่ส่ายศีรษะปฏิเสธ เคย์ลุกขึ้นนั่ง มองโคตะอย่างสงสัย
“ฉันมีอะไรให้นายประหลาดใจ” โคตะวางห่อกระดาษลงบนเข่า
“ของขวัญ? ให้ผมเหรอครับ” เขาถามเมื่อเห็นเชือกมัดเป็นโบว์
โคตะพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ดีใจที่ของส่งมาทันวันนี้” เขาบอก พลางพยักเพยิดให้เคย์เปิดห่อกระดาษออก
เคย์แกะปมเชือก เปิดห่อกระดาษ แล้วก็ต้องเบิ่งตาโตเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน สองมือยกชุดกิโมโนผ้าเนื้อดีขึ้นสูง กิโมโนสีน้ำเงินเข้มราวท้องฟ้ายามราตรี พร้อมโอบิสีเงิน
“สวยจังเลย โคตะซามะ”
“ฉันดีใจที่นายชอบ คือฉันสังเกตเห็นว่าชุดที่นายสวมประจำมันเริ่มจะเปื่อยแล้วน่ะ” โคตะยักไหล่ มองเคย์ที่มองดูชุดกิโมโนอย่างชื่นชม แล้วเคย์ก็ต้องตาโตอีกครั้งเมื่อสังเกตเห็นลายปัก
“แต่ว่านี่...” เคย์พูดได้เท่านี้ ปลายนิ้วลูบไล้ไปตามรูปภาพปักตามสาปคอชุด
“ใช่ นี่เป็นลายที่นายวาดให้ฉันไงล่ะ เคย์..”
“แต่...ทำไมลายปักถึงอยู่บนชุดนี้ บนกิโมโนของผม ผม...ผมตั้งใจวาดให้ท่านนะ!” เคย์อธิบาย พลางสบตาที่มองมาอย่างห่วงใย
“ฉันรู้เคย์ แต่ฉันไม่ได้บอกให้นายวาดเพื่อนำมาปักชุดของฉันนี่นา” โคตะยิ้ม “ฉันตั้งใจจะมอบให้นายตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่นายคิดไปเองว่าเพื่อฉัน” เขาอธิบาย “ฉันให้เพราะเดือนนี้จะครบรอบห้าปีที่นายเข้ามาอยู่ที่นี่ ฉันอยากจะขอบใจนายที่ตั้งใจทำงาน...” เขายังคงปกปิดความรู้สึกของตนเอง
“ผมไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี โคตะซามะ...”
“แค่ขอบคุณก็พอ” คนโตกว่าแนะนำ พลางลูบผมสีเข้มอย่างอ่อนโยน
“ขอบคุณครับ...” เคย์ยิ้ม ก้มศีรษะลงเล็กน้อย หวังให้ไออุ่นนั้นสัมผัสใบหน้า แต่โคตะกลับชักมือออก
“ฉันดีใจที่ทำให้นายยิ้มได้อีก” โคตะบอก แล้วนั่งลงข้างๆ เคย์ “ฉันเสียใจกับทุกสิ่งที่ผ่านมา เคย์ ฉันเสียใจจริงๆ” เขาเอ่ยปากขอโทษ
“อย่าโทษตัวเองเลยครับ ไม่ใช่ความผิดของท่านเลย ตอนนี้ผมสบายดีแล้ว แค่..” เคย์พูดค้างไว้ แล้วมองหน้าโคตะ คิดหาคำที่เหมาะสม เขาเอนตัวไปเพื่อจะจูบโคตะ แต่คนโตกว่ากลับเบือนหน้าหนีโดยอัตโนมัติ เป็นท่าทีที่บ่งบอกชัดเจนว่าไม่ต้องการ
“ขอโทษ” โคตะหันมามองเคย์
“นี่คือสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกแย่ ทำให้ผมเศร้า โคตะซามะ”
“ฉันเหรอ”
“ท่านเป็นอะไรไป...ผมไม่เข้าใจเลย...ตั้งแต่ที่เรากลับมา ผมรู้สึก...รู้สึกว่าท่านเปลี่ยนไป ท่านไม่มองผม” เคย์ระบายสิ่งที่อัดอั้น “ไม่กอดผม ไม่ลูบหัว ไม่จูบ และผม...ท่านคงไม่ต้องการผม...”
“ไม่ใช่นะ!” โคตะร้อง ห้ามไม่ให้เคย์พร่างพรูคำพูดที่ออกมาจากความเข้าใจผิด “ไม่ใช่อย่างนั้น เคย์!”
“ฮิคารุไม่ได้แตะต้องผม ผมสาบานได้! โคตะซามะ! ผมไม่ได้สกปรกแปดเปื้อนด้วยมือฮิคารุ ผม...”
โคตะประคองดวงหน้าเคย์ไว้ในอุ้งมือ โน้มใบหน้านั้นเข้ามาชิด ก่อนจะประทับริมฝีปากจูบ และโคตะก็ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการได้จูบเคย์ไปตลอดชีวิต
“ฉันไม่ได้คิดว่านายสกปรก เคย์ ฉันเพียงแค่กลัวและรู้สึกผิดกับสิ่งที่ฉันเคยทำกับนาย กับการที่ฉันเหยียบย่ำความรู้สึกของนาย และทำให้นายทุกข์ใจตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฉันไม่คู่ควรกับนายเลย” เขาผละออกจากใบหน้าของคนอายุน้อยกว่า ลูบโหนกแก้มด้วยปลายนิ้วหัวแม่มือ
“แต่ผมรักโคตะซามะ!”
“ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ความรักของนายหรอก” โคตะมองลึกเข้าไปในดวงตาอีกฝ่าย
“แต่ผมรัก ได้โปรดปล่อยให้ผมทำอย่างที่ต้องการเถอะ” เคย์ขอร้อง
“จากนี้ไป นายมีสิทธิ์ตัดสินใจเองได้ เคย์ ฉันไม่ได้ต้องการอะไรอื่น ฉันจะไม่กลับไปเป็นคนเดิมที่เคยเป็น ฉันอยากจะปรับปรุงตัวเอง และถ้ามีนายอยู่ข้างฉัน ฉันต้องทำได้แน่ๆ!” เขาเขย่ามือ
“ท่านไม่ต้องเปลี่ยนตัวเองเลย โคตะซามะ ผมรู้ดีว่าท่านเป็นอย่างไร และผมก็ไม่สนใจอะไรอื่นทั้งนั้น แค่ให้ผมได้อยู่ข้างท่านต่อไปก็พอ”
“ฉันก็ต้องการ ฉันต้องการอยู่กับนาย ฉันคิดว่า....ฉัน...ฉันรักนาย เคย์ ฉันไม่รู้ว่าฉันรักนายได้ยังไง” เขาพูดอย่างรวดเร็ว โดยไม่เปิดโอกาสให้เคย์ได้ดื่มด่ำกับถ้อยคำบอกรัก “และฉันก็ไม่เคยรู้ตัวเลย จนกระทั่งตอนนี้ ตอนที่นายบอกฉัน ตอนที่ฉันเกือบสูญเสียนายไป ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลย เคย์ แต่ฉันรักนายมาตลอด ได้โปรดอภัยให้ฉันเถอะนะ ที่ทำให้นายต้องทรมานใจ ทั้งๆ ที่เราก็ใจตรงกัน”
เคย์ใช้ปลายนิ้วหัวแม่มือทาบริมฝีปากของคนโตกว่า ยิ้มและลุกขึ้นคุกเข่า กอดโคตะไว้ และจูบเขาอีกครั้ง
“สัมผัสผมสิ โคตะซามะ สัมผัส จูบ กอด และแสดงความรักต่อผม เพราะว่าถ้าท่านไม่รังเกียจผม ผมก็ไม่ต้องการอะไรอีกนอกจากท่าน นอกจากได้สัมผัสและเป็นส่วนหนึ่งของผม” คำพูดของเคย์ทำให้โคตะแทบพูดไม่ออก
“เคย์ ฉันรักนาย!” คนโตกว่าสารภาพ กอดเคย์แน่นจนลงไปอยู่ใต้ร่างของตน เขาลูบใบหน้า ลำคอ และอก ปลดเปลื้องชุดของเคย์ออกจนเปลือย และเปลื้องชุดของตนเช่นกัน
เขาคิดถึงไออุ่นของร่างกายนี้ ลมหายใจของเคย์ มือที่สัมผัสเนื้อตัวกันและกัน เสียงร้องครางแหลมสูงเมื่อถูกสัมผัส ขณะที่โคตะกำลังเล้าโลม เขารู้สึกถึงส่วนนั้นของเคย์ที่ร่ำร้อง เขาใช้มือสัมผัสเครื่องเพศของเคย์ ความรู้สึกเร้าใจท่วมท้นยามได้ยินเสียงร้องครางดังขึ้น ปลายนิ้วอ้อยอิ่งหยอกล้อเบื้องล่างด้านหลัง เขาไม่รู้ว่าจำเป็นต้องทำเช่นนี้หรือไม่ แต่เขารู้สึกว่าเขาอยากทำ เขาอยากได้ยินเสียงเคย์อนุญาต อยากได้ยินเสียงแห่งความสุขสม
“โคตะ” เคย์ร้องอย่างอดกลั้นไม่ไหว เขาแอ่นอุ้งเชิงกรานขึ้น จิกเล็บลงไปบนไหล่และแผ่นหลังของคนโตกว่า เขาต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ
โคตะยินยอมทำตาม เขาถอนนิ้วออก ก่อนจะสอดเครื่องเพศของตนเข้าไปแทน เขาจูบไล่ตามลำคอ ดูดดุนผิวเนื้อละเอียดบาง ขณะที่สอดแทรกเข้าไปทางเบื้องล่างช้าๆ
เคย์จิกแผ่นหลังและร้องครางชื่อโคตะ ร้องขอและครวญคราง
มือไม้ซุกซนไม่รู้จักพอของคนโตกว่ารุกไล่ไปตามร่างที่ร้อนผ่าว บีบเฟ้น มือขยับอย่างช่ำชอง ขณะที่ส่วนล่างถลำลึกจนสุด จากนั้นจึงเริ่มขยับสะโพก เคย์ปลดปล่อยในอุ้งมือของโคตะ ระหว่างกลางร่างของทั้งคู่
โคตะจูบเคย์ที่ริมฝีปาก สอดลิ้นเข้าไปควานหาลิ้นของเคย์ สอดมือไปใต้แผ่นหลังของอีกฝ่าย เพื่อให้เคย์ขยับร่างตามเขาในท่าที่ตอบรับแรงสอดกระแทกในกาย เขาครางสะอื้นสุขสมขณะซุกหน้าลงกับซอกคอของคนอายุน้อยกว่า
เคย์กุมมือรอบศีรษะของโคตะ ลูบไล้ผมพลางสูดลมหายใจ เมื่อโคตะถอนส่วนนั้นออกไปแล้ว จึงเอนตัวลงนอนข้างเขา
โคตะยื่นแขนไปกอดเกี่ยวเคย์ไว้ เขาจูบเนินไหล่หลายครั้ง ก่อนจะไล้ไปที่คอ หลังใบหู แล้วจึงได้ยินเสียงเคย์หัวเราะ
“จั๊กจี้หรือ” โคตะถาม แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่ออีกฝ่ายพยักหน้า มองมาที่เขา “แต่ก่อนตอนที่ฉันทำอย่างนี้นายไม่เคยหัวเราะเลย” เขาพูด เมื่อนึกได้ว่าบ่อยครั้งที่เขามักเคล้าคลึงอ้อยอิ่งอยู่ที่จุดเดียวกันนี้ แต่เคย์ไม่เคยส่งเสียงหัวเราะน่าฟังเช่นนี้เลย บางที อาจจะน่าฟังกว่าเสียงครางเรียกชื่อเขาเสียอีก
เคย์กัดริมฝีปากตนเอง แล้วโคตะก็เข้าใจ
“ขอโทษนะ ที่ทำให้ที่ผ่านมานายต้องสะกดกลั้นทุกอย่างไว้ ฉันเสียใจจริงๆ หลายสิ่งที่ฉันพลาดไป ฉันอยากจะแก้ไข เคย์” เขาบอกก่อนจะประทับริมฝีปากลงไป “ให้ฉันได้รู้จักตัวตนของนายเถอะนะ ฉันอยากจะรู้ทุกสิ่งเกี่ยวกับตัวนาย ฉันอยากจะรู้จักตัวตนที่แท้จริง และเป็นเจ้าของทั้งหมด เคย์”
“ท่านรู้จักดีอยู่แล้ว โคตะ” เคย์พูดพลางยกมือสัมผัสใบหน้าของคนโตกว่า มองเข้าไปในดวงตา “แต่ผมจะให้ท่านเห็นถึงความแตกต่าง ของการได้ร่วมแบ่งปันการใช้ชีวิตกับใครสักคนที่ท่านรักและใครคนสักคนที่รักท่าน” เขาขยับตัวชิด แล้วกอดโคตะแนบแน่น จูบที่ริมฝีปากแล้วยิ้ม พูดด้วยเสียงแผ่วเบา “ผมรักท่าน โคตะ”
“ฉันก็รักนาย เคย์” โคตะตอบรับ ประทับจูบลงบนเรือนผม โอบและโยกร่างในอ้อมกอดเบาๆ นับตั้งแต่นั้นและตราบจนชั่วชีวิต
- จบ -
จบแล้ว (((\(。⌒∇⌒)/)))