a, one, another

Jul 07, 2020 22:59

a, one, another (1)

☁☁ ☁☁☁ ☁☁

"เวลานี้คงไม่มีข่าวไหนมาแรงแซงทุกกระแสในแวดวงสังคมไฮโซไซตี้ไปกว่าข่าวคอนเฟิร์มการหมั้นหมายระหว่างคุณพิธาดา และคุณระวี"

"ถึงจะแอบอิจฉาแต่ก็อดชื่นชมถึงความเหมาะสมของทั้งคู่ไม่ได้นะคะ"

"จริงครับ ยังไงก็ขอเสียใจกับสาวๆด้วยนะครับที่หนุ่มโซฮอตได้ถูกจับจองเป็นเจ้าของไปซะแล้ว"

"แอบเศร้าค่ะ แต่ก็ต้องยอมรับว่าฝ่ายหญิงก็เพียบพร้อมมากเช่นกัน แม้ไม่ได้เป็นที่กล่าวถึงบ่อยนักแต่ก็ทราบมาว่าคุณระวี วรฉัตรเป็นลูกสาวอัยการ หน้าที่การงานมั่นคงคำจุนกันสุดๆ"

ข่าวบันเทิงในทีวียังคงดำเนินไปเรื่อยโดยคู่พิธีกรหนุ่มสาวที่เล่าเรื่องราวอย่างได้อรรถสร แต่คนที่นั่งจ้องอยู่หน้าจอนั้นกลับนิ่งเงียบไม่รับรู้ถึงเสียงจากรอบข้าง

"อัส.. อัสๆ"

ใช่ ตอนนี้คงเป็นอย่างที่ว่าจริงๆนั่นแหละ

"ไอ้อัส.. อัสนี" โดนนิ่งใส่ถึงกลับต้องโยนหนังสือการ์ตูนเล่มบางใส่จนเจ้าตัวสะดุ้ง

"ฮึ มีอะไร"

"เงียบกริบเชียว เรียกก็ไม่ขานรับ เป็นไรวะ"

"เปล่านี่ แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย แล้วแกจะเรียกทำไม"

"ฉันถามว่า นั่นใช่คนของแกป่ะวะ"

"ของฉันบ้าอะไร จะต้องให้พูดกี่ครั้งว่าเขาเป็นลูกค้าที่ชอบกินข้าวร้านเราก็เลยมาอุดหนุนบ่อย แล้วก็.."

"คนเราพูดคุยถูกคอกันก็เป็นเพื่อนกัน ไม่ใช่ว่าสนิทกันก็เลยตัดสินว่าต้องคู่กันเป็นนิยายน้ำเน่า ยิ่งเพศเดียวกันมันเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ โอ่ย ฟังจนขึ้นใจไม่ต้องย้ำได้ป่ะ"

"ขนาดพูดจนหลอนขนาดนี้แกยังคิดเองเออเองตลอดป่ะ หยิน แกต้องทำกิจกรรมอื่นมั่งนะไม่ใช่หมกมุ่นแต่กับการ์ตูนนิยายไร้สาระไปเรื่อยแบบที่ทำอยู่เนี่ย"

"อะไรวะ แค่อยากให้ผู้ชายได้กันแค่นี้แกต้องบ่นเป็นป้าฉันเลยงี้"

"แล้วเรื่องคำพูดนี่อีกนะหยิน ถึงแกจะพูดเล่นไปเรื่อย แต่คนที่โดนพาดพิงเขาอาจเดือดร้อนป่ะวะ"

"เออๆ ว่าแต่เขาใช่พี่คนนั้นรึเปล่าล่ะ"

"เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาตามเคย" ท้อใจ พูดไปก็เท่านั้น "แล้วจะอยากรู้ไปทำไม"

"คือสงสัยไง แบบหน้าตาคล้ายกันมาก ใช่คนเดียวกันปะล่ะ"

"หน้าแบบนี้ ชื่อเดียวกันขนาดนี้ แกยังต้องถามอีกหรอ"

"ก็จริง แต่คือเป็นไฮโซเลยหรอวะ แล้วดันมานั่งกินข้าวร้านกระจอกๆหลบมุมตึกแบบนี้"

"ทำไมวะ กินข้าวร้านนี้แล้วมันยังไงวะ"

"เออ ไอ้อร่อยมันก็อร่อยดีแหละ แต่พวกผู้ดีมีตัง เดาว่าบ้านหมายังใหญ่กว่าห้องนอนเราเนี่ย มันแปลกๆป่ะ แบบปกติกินมื้อเป็นพันเป็นหมื่น แล้วมากินข้าวจานละสามสิบสี่สิบบาทนี่ไม่สากลิ้นแย่หรอวะ"

"เวอร์ล่ะหยิน บ้านหมาที่ไหนจะใหญ่กว่าห้องคน"

"มีเด่ะ จำลุงขับแท็กซี่ได้ป่ะ สมัยหนุ่มๆเคยขับรถให้เจ้าใหญ่นายโตมาก่อน เขาบอกบ้านหมากว้างยังคันรถแถมปูพรม มึคนดูแลส่วนตัวหมาพร้อมเลยนะ" พูดแล้วก็หยุดชะงักนิดนึงก่อนจะเอ่ยต่อ "เฮ่ย ฉันกำลังคุยกับแกเรื่องพี่หนุ่มไฮโซป่ะ อย่าชวนให้หลงประเด็นเด่ะ"

"อะไรอีก จะไปคุยเรื่องเขาทำไม"

"ก็ข้องใจอ่ะเลยอยากใส่ใจ แกไม่เคยได้ยินหรอแบบเศรษฐีแกล้งจนตามหารักแท้"

"ชีวิตแกนี่วนเวียนอยู่แต่ในนิยายกับละครใช่ป่ะ โยงเก่งเกินจริงตลอด ขี้เกียจคุยด้วยแล้ว ไปช่วยป้าจิตหั่นหมูหั่นผักดีกว่า"

"ชิ เขินไปช่วยตอนนี้ฉันก็โดนให้เด็ดพริกจนแสบมือแสบตาอีกแหละ"

"ไม่อยากเด็ดพริกก็ทำอย่างอื่นสิ ป้าจิตเขาไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย"

"เหอะ แกก็รู้ว่างานหั่นฉันไม่ถนัด ทำของเละเทะก็โดนบ่นหูแฉะไม่ต่างอะไรกับที่โดนด่าอยู่เป็นปกติป่ะ"

"เออๆ งั้นก็ดูหนังดูละครไปจนเปิดร้านแล้วกัน ฉันนอนจนเบื่อแล้วจะไปหาอะไรทำแก้เบื่อหน่อย เผื่อป้าจะสอนทำอาหารสูตรล้ำๆให้"

"เชิญจ๊ะ พ่อศิษย์เอก" หยินบอกไล่หลังคนที่กำลังเดินลงบันไดไป

เนื่องจากเป็นวันเสาร์ร้านจึงเปิดสายๆเพราะจะเลื่อนเวลาปิดให้ช้าว่ากว่าธรรมดาเพื่อจะได้รองรับลูกค้าที่แวะมากินมื้อดึกหลังจากเที่ยวกลางคืน

"จะขายข้าวอยู่แล้วทำไมไอ้ตัวดีขี้เกียจยังไม่ลงมาช่วยอีกเนี่ย" เสียงป้าจิตดังแว่วมาจากในครัวทำเอาคนที่เพิ่งเปิดประตูหลังร้านเข้ามาถึงกับหน้าหงิก

"ไรอ่ะป้า เรียกหนูดีๆไม่เป็นมั่งหรอ ทีกับไอ้อัสนะคุยกันเสียงสองตลอด ลำเอียงว่ะ"

ป้าจิตเดินออกมาจากครัวในท่ามือซ้ายท้าวเอวมือขวาถือมีดเล่มโต "โถ ได้เวลาเสด็จลงมาแล้วหรอคะหลานรักของคุณป้า"

"โถ ก็หยอกเล่น ต้องพกมีดมาดัวยหรอ พกมีดมาด้วยหรอเนี่ย" ยิ้มทะเล้นใส่พลางเดินเข้าไปนวดแขนนวดไหล่ประเหลาะ

"มัวเล่นอยู่นั่นแหละ ดูอัสนีซิไล่เช็ดตู้เช็ดโต๊ะยันประตูจนเลี่ยมเร้แล้วนั่น"

"ก็ดีแล้วปะ ถ้าคิดว่าอัสมันขยันมากเกินไป ป้าก็เพิ่มค่าจ้างให้มันสิ ให้โลกได้รู้ว่าเจ้าของร้านแห่งนี้ใจกว้างเป็นน้ำทะเลๆๆๆๆ" หยินกางแขนประกอบเสียงแอคโค่ของตัวเอง

"เออ เข้าท่านะ อัสนีเอ้ย เดี๋ยวป้าหักค่าขนมคนแถวนี้มาเพิ่มค่าจ้างให้นะลูก" น้ำเสียงนุ่มนวลแต่คนฟังถึงกับตาโต

"โอ้มายด์ก๊อซ ไม่เอาน่า ไม่พูดเล่นแบบนี้สิคุณป้าสลักจิตคนดีของหลาน" ว่าแล้วก็เดินไปแย่งผ้าจากมืออัสเอามาเช็ดโต๊ะบ้าง "เพื่อนอัสจงนั่งพักเสียเถิด เพื่อนหยินคนนี้จะทำแทนเจ้าเอง แบบนี้ดีรึยังท่านป้า"

"อ้าอีแบบนี้ น้องหยินดูแล้วใช่ไม่ใช่ เป็นไงๆ ชอบป่ะ" เสียงคนมาใหม่เรียกความสนใจจากคนในร้าน แต่มีหยินเพียงคนเดียวที่ดูจะเข้าใจ

"อือ มาดึกไปหน่อยแต่เนื้อเรื่องดี โดนใจเลยพี่สำลี"

"โดนใช่ม่ะ อะไรดีพี่สำลีก็ว่าดีเลยอยากบอกต่อ"

"อ่ะแฮ่ม เออโดน เดี๋ยวแกสองคนจะโดนดีถ้ายังมัวฟื้นฝอยกันแบบนี้นะ" ป้าจิตเอ่ยขัดเสียงเรียบ "ดีๆทั้งนั้น คนนึงก็บ้าละครคนนึงก็บ้าหนังจีน ฉันละเอือม" บ่นพลางหันหลังเดินเข้าครัวไป

หยินกับพี่สำลีเงียบปากกันจนกระทั่งป้าจิตพ้นสายตาแล้วก็กลับมาคุยกันต่อ

"ตอนดึกๆมันเล่นซ้ำนะ ปกติมันเล่นกลางวันตอนน้องหยินไปเรียน"

"แต่ไม่เป็นไร ดูกลางคืนก็เพลินดี" สองสาวต่างวัยพูดคุยอย่างถูกคอ

"เพลินจนนอนน้อยแล้วตื่นสายตลอด ไม่ดีปะหยิน" อัสขัดคอเบาๆ

"อ้าว น้องอัสไม่ได้ดูหรอ สนุกนะ ตัวแสดงงานดีทุกคนขอบอก" สำลีชวนเชื่อเหมือนถูกจ้างมา

"ชื่อจำยากเลยขี้เกียจดูอ่ะพี่สำลี" อัสบอกปัดแบบไม่ให้เสียความรู้สึก

"อือๆ เข้าใจ แรกๆพี่ก็เป็นแต่พอติดใจแล้วมันก็จำได้เองแหละ เน๊อะ น้องหยิน"

หยินพยักหน้ารับคำก่อนยกยิ้มเหมือนนึกอะไรได้

"เออ พี่สำลีเคยได้ยินป่ะที่เขาว่าละครมักสร้างมาจากเรื่องจริงอ่ะ"

"เอ๋ คือยังไงนะน้องหยิน"

"ก็อย่างเจ้าชายปลอมตัวเป็นยาจกตามหารักแท้งี้อ่ะพี่สำลี หนูว่ามันมีแบบนี้หลายเรื่องเลยนะแสดงว่ามีความเป็นจริงสูงมากเลยว่าป่ะ"

"เป็นไปได้นะน้องหยิน ว่าแต่ชื่อเรื่องอะไรพี่จะได้ไปหาดูมั่ง"

"พี่สำลี ละครเรื่องไหนก็สร้างจากหนังสือนิยายทั้งนั้นแหละ ไม่ใช่เรื่องจริงสักอย่าง อย่าไปฟังหยินมากเลย มันเพ้อเจ้อ น้ำเน่า" อัสพูดขัดอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่าจะถูกโยงไปเกี่ยวข้อง

"ยิ่งน้ำเน่าเรายิ่งชอบ" หยินและสำลีเอ่ยประสานเสียงพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ทั้งคู่มองหน้าสบตาก่อนจะยกแขนคนละข้างเพื่อตีมือกันอย่างชอบใจ

อัสส่ายหน้าเซ็งๆพลางเดินไปทางครัว "ป้าจิตครับ สองคนนี้อู้งานเอาแต่คุยละครกันอีกแล้วครับ"

"อ้าวไอ้อัส แกแบ่งพรรคแบ่งพวกหรอวะ" หยินตะโกนไล่หลังคนที่เอาแต่เดินหนีอีกครั้ง "โด่ ไม่พูด ไม่ได้แปลว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นนะเว้ย"

"เอ๋ คือยังไงนะน้องหยิน" ประโยคติดปากทุกครั้งที่สงสัยของสำลีทำเอาหยินยิ้มขำ

"ไม่มีอะไรพี่ หนูจำมาจากในละครเลยลองพูดดู เท่ห์ป่ะล่ะ"

☁☁ ☁☁☁ ☁☁☁ ☁☁☁ ☁☁

fiction

Previous post Next post
Up