“แล้วพวกนิวส์กับ คันจานิ 8 ล่ะ?” จุนโนะถามต่อ
“ชั้นจะไปดูพวกเขาหน่อย เห็นว่ากลับเข้าห้องขังไปแล้วล่ะ” โคอิจิพูดขึ้น ก่อนที่จะหยุดเมื่อนึกขึ้นได้ว่ายูคุงได้บอกเขาเรื่องที่พวกนิวส์ไปที่ฝั่งเหนือมา “นิวส์ดูเหมือนจะอ่วมมากเหมือนกัน แต่ส่วนมากก็ไม่อยากจะไปที่ห้องพยาบาลกันนักเพราะมีนักโทษหลายคนบาดเจ็บอยู่ที่นั่นเต็มไปหมด แต่ยามาชิตะไปนะ ชั้นไม่เห็นเขาในนั้นหรอก แต่ก็ไม่เห็นอยู่ที่ฝั่งตะวันออกด้วย นากายามะ ที่เป็นพยาบาล...ไม่ใช่สิ เขาเป็นหมอนี่น่า นากายามะบอกชั้นเองว่าเขาเป็นคนรักษาอาการบาดเจ็บของยามาชิตะ”
“ห้องขังของนิวส์อยู่ในฝั่งตะวันออกด้วยนี่ ที่นั่นก็เสียหายไปหมดเลย ว่าแต่พวกเขาโดนลูกหลงอะไรบ้างไหม?” อุเอดะถามออกมาด้วยความกังวลนิดๆ เพราะเมื่อตอนที่เขาช่วยให้ทุกคนอยู่ในความสงบและกลับเข้าไปในห้องขังนั้น เขาได้พบเห็นพวกนักโทษหลายคนแทบจะวิ่งชนหรือแทบจะวิ่งเหยียบกันไปมา มันทำให้เขารู้สึกกลัวที่จะไปคิดเองไปว่าพวกนิวส์อาจได้เจอะเจอชะตากรรมเช่นนั้นด้วย
“ชั้นไม่รู้รายละเอียดมากนัก แต่ดูเหมือนพวกนิวส์จะไปชกต่อยกับใครมาน่ะ นากายามะบอกเองว่ารอยแผลของยามาชิตะบ่งบอกได้เลยว่าคงไปมีเรื่องชกต่อยมา” โคอิจิกล่าว
“ชกต่อยเหรอ? ถ้างั้นพวกนิวส์ก็เป็นเหยื่อในความวุ่นวายครั้งนี้ด้วยน่ะสิ?” ยูอิจิถาม
“แต่พวกนักโทษเองต่างก็พากันเริ่มชกต่อยกับคนนั้นคนนี้ในตอนที่พวกเขาอยู่ในอาการแตกตื่นกันน่ะ ที่ทำไปก็คงเพราะไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่อยู่ฝ่ายเดียวกับเขา หรือใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายศัตรู หรืออาจจะไม่รู้แม้กระทั่งว่ามาสู้กันด้วยเรื่องอะไรกันแน่ เมื่อคนเราถูกผลักให้อยู่ในเหตุการณ์จราจลแบบนั้นพวกเขาก็ต้องเริ่มออกอาการปกป้องตัวเองในทันทีอยู่แล้ว” อุเอดะพูด
“นิวส์ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องชกต่อยแบบนั้นหรอก” โคอิจิพูดขึ้น “ตามที่ยูคุงบอกมาน่ะ มีคนเห็นพวกนิวส์อยู่กับแก๊งรุ่นพี่ไม่กี่นาทีก่อนที่จะเกิดเรื่องขึ้น”
“นายสงสัยว่าพวกนั้นจะเกี่ยวอะไรกับเรื่องครั้งนี้ด้วยเหรอ?” โคคิยังยิงคำถามมากมายใส่ผู้คุมหนุ่ม
“ชั้นก็ไม่อยากจะคิดว่ามันเป็นความจริง แต่พวกเขาไปทำอะไรที่ฝั่งเหนือกันล่ะ?” โคอิจิพึมพำ
“พวกเขาไปก็เพราะคาเมะจังไงล่ะ” อุเอดะเอ่ยขึ้นมา “คาเมะจังไปตกลงกับพวกรุ่นพี่ นิวส์ก็โผล่ไปที่นั่นด้วย ตอนที่คาเมะจังมาหาพวกเราตอนหลังอาหารเที่ยงนั้นนะ คาเมะจังบอกกับเราว่าพวกนิวส์ก็ยืนอยู่ข้างเราด้วย....คิดว่าประมาณนั้นน่ะนะ”
“แก๊งรุ่นพี่ของพวกนายน่ะหนีไปแล้ว” โคอิจิพูดขึ้น
“เราก็พอจะเดารูปการณ์ได้บ้าง...” โคอิจิถอนหายใจ “แต่พวกเราก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี เพราะพวกรุ่นพี่คงจะไม่วางแผนหลบหนีออกไปแล้วทำให้ใครหลายคนต้องบาดเจ็บแบบนี้หรอก ไม่รู้อะไรมันจะเกิดขึ้นบ้าง?”
“ชั้นรู้มาว่าพวกเดอร์ ออง เกรย์ ก็เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย”
“นั่นก็คงพอจะอธิบายได้ว่าทำไมพวกนักโทษถึงได้แตกตื่นกันขึ้นมา” อุเอดะพูดเสริม เดอร์ ออง เกรย์ เป็นแก๊งที่ได้รับความเคารพจากผู้คนมากและก็ทำให้ผู้คนหวาดกลัวมากที่สุดในนี้เลยก็ว่าได้
“เท่าที่ชั้นรู้มาก็คือพวกรุ่นพี่ตกลงที่จะแหกคุกหนีออกไปด้วยกันตอนนั้นนั่นเอง ซึ่งก็คงจะเป็นวันนี้ตอนหลังเที่ยง เดอร์ ออง เกรย์ จู่ๆก็โผล่ไปร่วมด้วยและทำให้นักโทษกลัวกันน่ะสิ พวกรุ่นพี่ก็เหมือนจะแปลกใจเหมือนกันที่พวกนั้นโผล่ไปร่วมด้วย” โคอิจิพูดทวนถึงสิ่งที่ได้พูดคุยกับยูมาก่อน
“พวกเดอร์ ออง เกรย์ก็หนีไปด้วยใช่ไหม” โคคิเดา
“ใช่แล้ว พวกนั้นหนีไปกับแก๊งรุ่นพี่” โคอิจิตอบ “ชั้นไปตรวจที่ห้องขังของแก๊งรุ่นพี่ทั้งสามแก๊ง แล้วก็ห้องของพวกเดอร์ ออง เกรย์ มาด้วย ห้องของพวกเขาว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่เลย”
“แต่ห้องของนิวส์ไม่ว่างนี่น่า...” ยูอิจิพูดเสริม
“พวกรุ่นพี่หลอกใช้พวกเรา พวกเขาใช้เราเป็นที่อำพรางแผนของพวกเขา การที่เข้ามาขู่จะทำร้ายคาเมะจังกับจินน่ะก็คงทำไปเพื่อจะให้พวกเราพุ่งความสนใจไปที่เรื่องนั้น เพื่อที่เราจะได้ไม่สังเกตเห็นว่าพวกเขากำลังพยายามแหกคุกหนีออกไปน่ะเอง” โคคิถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง “จินเป็นคนพูดออกมาเองเลยว่า ในการที่พวกเราพุ่งความสนใจไปที่คาเมะจังนั้น ก็เหมือนพวกเรากำลังเปิดช่องว่างขึ้นที่ไหนสักแห่ง เราเคยคิดไปว่าเรื่องมันอาจจะกลับกลายเป็นแย่ขึ้นมา ด้วยการที่พวกรุ่นพี่จะไปจับตัวคาเมะจังแล้วบังคับให้จินต้องยกอำนาจควบคุมคุกนี้ให้พวกรุ่นพี่ต่อหน้าต่อตาคนอื่นๆ แต่จริงๆแล้วพวกรุ่นพี่ไม่เคยสนใจเรื่องอำนาจนั่นเลย”
“เมื่อมาคิดทวนเรื่องนี้แล้ว ตอนนั้นพวกเราเองก็มัวแต่ยุ่งคอยระแวดระวังความปลอดภัยให้ตัวเองและคาเมะจังมากจนไม่สังเกตเห็นเลยว่าพวกรุ่นพี่กำลังคิดทำอะไรกันอยู่” จุนโนะพูดขึ้น “มันน่าตลกจริงๆ เพราะพวกเราเองน่าจะน่าตื่นตัวกันสักหน่อยว่าพวกเขาจะทำอะไร แต่เราก็ไม่ได้ทำอะไรเลย ชั้นหมายถึงว่าพวกนั้นเข้ามาข่มขู่ทำร้ายเรา เราก็น่าจะคอยจับตาดูพวกเขาถึงสัญญาณอะไรสักอย่างที่ว่าพวกเขาจะเริ่มทำอะไรต่อไป”
“พวกรุ่นพี่รู้น่ะสิว่าถ้าประกาศสงครามกับอคานิชิโต้งๆแล้ว พวกผู้คุมที่เป็นพรรคพวกของเราก็จะเริ่มเฝ้าดูความปลอดภัยให้เรา แล้วพวกผู้คุมที่เป็นพรรคพวกของรุ่นพี่ก็จะคอยดูไม่ให้เราเข้าใกล้พวกรุ่นพี่ได้ มันเลยทำให้เกิดความสับสนระหว่างพวกผู้คุมด้วยกันเอง พวกผู้คุมก็จะเฝ้าดูกันไปมามากกว่าที่จะมาเฝ้าตามพวกนักโทษเสียอีก พวกรุ่นพี่ก็เลยมีโอกาสที่จะได้แหกคุกหนี” อุเอดะอธิบาย “พวกรุ่นพี่ไม่ต้องทำอะไรมากเลย ..จะทำก็แค่เข้ามาข่มขู่ๆงี่เง่าๆอะไรสักอย่างสองอย่าง ก็จะทำให้เกิดความแตกแยกระหว่างเราและระหว่างพวกเขาขึ้นมาได้...”
“แต่แก๊งรุ่นพี่ก็เคยพยายามที่จะหนีมาก่อน แล้วทำไมครั้งนี้ถึงได้ดูราบรื่นนักล่ะ?” ยูอิจิถาม
“พวกเขาเคยพยายามจะหนีไปหลายครั้งหลายคราแล้วล่ะ แต่ไม่ใช่หนีไปด้วยกันแบบนี้” โคอิจิอธิบายให้ฟัง
“ก่อนหน้านั้นพวกเขาต่างก็พากันอยู่แบบแยกๆ แต่หลังจากที่พวกเราเข้ามา และจินเข้ามาสวมตำแหน่งหัวหน้าคุกของพวกเขาแล้ว มันทำให้พวกเขามีบางอย่างที่ต่างก็สนใจร่วมกันนั่นก็คือเรื่องของเราไงล่ะ พวกเขาเริ่มจะเข้ากันได้ดีก็หลังจากที่เราเข้ามาที่นี่และทำเรื่องยุ่งๆให้พวกเขา เดาได้เลยว่าไอ้งานต่างๆที่พวกรุ่นพี่ทำกันมาอย่างหนักน่ะ สุดท้ายมันก็ได้ผลแล้วในตอนนี้” อุเอดะพูดขึ้น “ถ้าพวกรุ่นน้องของเราเข้ามาที่นี่แล้วมาขโมยตำแหน่งของเราไป เราเองก็คงจะเริ่มเข้าไปทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับพวกนิวส์และคันจานิ 8 ด้วยเหมือนกัน”
“จริงๆแล้วพวกรุ่นพี่ไม่คิดสนใจที่จะทำอะไรคาเมะจังเลยสักนิด แต่ถ้าคาเมะจังไม่เดินเข้ามาในคุกนี้แล้วได้มาสนิทกับจินมากแล้วล่ะก็ พวกเขาก็คงจะไม่สามารถหาเป้าอย่างดีเอาไว้ใช้ขู่พวกเราได้หรอก พวกเขาเหมือนกับได้รับโอกาสที่ไม่เคยได้รับมาก่อน คาเมะจังสำคัญกับจินมากน่ะสิ” จุนโนะพูดเสริม
“ชั้นว่าเรื่องที่คาเมะจังสำคัญกับจินหรือไม่..วันนี้ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นกันแล้วนะ” โคคิพึมพำ
“ทุกคนฟังนะ ชั้นต้องกลับไปแล้วล่ะ ยังมีงานต้องทำอีกเยอะเลย ชั้นอยากจะช่วยหมอให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้” โคอิจิพูดขึ้นพลางรีบขอตัวเดินกลับไปยังทางเดิน
“ช่วยมาบอกข่าวคืบหน้าอาการของจินให้ฟังด้วยนะ” อุเอดะร้องเรียกตามหลังของผู้คุมหนุ่ม
“แล้วจะมาบอก” โคอิจิตะโกนตอบ ก่อนที่จะหายลับไปจากสายตาของพวกเขา
โคคิถอนหายใจพลางเอนตัวพิงอยู่กับลูกกรง นี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่ดีเลย คาเมะจังบาดเจ็บและจิน....จินนั้นเคยตกอยู่ในสภาพที่ร้ายแรงมาก่อนแต่...โคคิส่ายหัวนิดๆ ไม่นะ จินเข้มแข็งมาก จินเป็นนักสู้ที่เก่งกาจที่สุดในแก๊ง แล้วการที่ไอ้บ้าจินนั่นตกลงมาจากชั้นที่สูงขึ้นไปจากชั้นแรกแค่เพียงชั้นเดียวแบบนั้น..มันเทียบไม่ได้กับทุกสิ่งทุกอย่างที่ยามะพีเคยทำกับจินเมื่อตอนที่สองหัวหน้าแก๊งมีเรื่องกันมาก่อนเลยสักนิด
โคคิพยายามที่จะแอบมองเข้าไปยังห้องขังที่ติดอยู่ข้างๆ
“คาเมะจัง?” ชายหนุ่มนักแร๊บร้องเรียกเบาๆ แต่ก็ไร้เสียงตอบกลับ “คาเมะจัง?”
ห้องขังห้องนั้นยังคงเงียบสนิท โคคิถอนหายใจอีกครั้ง ยูอิจิก็ผงกหัวขึ้นมา
“คาเมะจัง?” หนุ่มนักบีท บ๊อกซิ่งพยายามร้องเรียกด้วยคน แต่ก็ไร้เสียงตอบเช่นเดิม
“คาเมะจัง?” จู่ๆก็มีเสียงดังแว่วมาจากห้องของจุนโนะและอุเอดะด้วยเช่นกัน
“คาเมะจัง?”
“คาเมะจัง?”
“คาเมะจัง?”
ทั้งสี่หนุ่มต่างก็พากันถอนหายใจมาเฮือกหนึ่ง แต่ก็พากันร้องเรียกชื่อนั้นอยู่ซ้ำไปซ้ำมา แต่ก็ยังไร้โชคเหมือนเช่นเคย
“ทัตจัง นายช่วยสะเดาะกุญแจเพื่อเปิดห้องให้เราได้เข้าไปดูคาเมะจังในนั้นได้ไหม?” โคคิคร่ำครวญขอร้อง
“ชั้นพยายามแล้ว แต่ประตูไม่เปิดเลย” อุเอดะบ่นพึมพำ ชายหนุ่มอยู่วุ่นอยู่กับการหมุนสายสร้อยคอเพื่อสอดเข้าไปในช่องกุญแจในห้องของเขาและจุนโนะ
“นายหมายความว่ายังไง?” ยูอิจิถาม อุเอดะไม่เคยล้มเหลวในเรื่องการสะเดาะกุญแจเลยนี่น่า
“จอห์นนี่คงจะวางโปรแกรมไว้ว่าถึงจะเปิดล๊อคได้ แต่ประตูห้องขังก็จะยังปิดอยู่น่ะสิ” อุเอดะตอบ
“นายคิดว่าผู้คุมจะพอเปิดได้ไหม?” จุนโนะถาม
“พวกผู้คุมก็เพิ่งจะเปิดห้องของจินและคาเมะไปเมื่อไม่นานมาเอง” อุเอดะพูดขึ้น ก่อนจะยอมแพ้แล้วสวมสร้อยคอกลับเข้าไปที่รอบคอดังเดิม “ชั้นว่าพวกเขาคงจะมีระบบอะไรบางอย่างที่ใช้เปิดประตูห้องน่ะนะ เพราะถ้าไม่มีเลยมันก็ดูจะงี่เง่าเกินไป เพราะพวกเขาคงจะทำอะไรไม่ได้เลยในตอนที่เกิดเรื่องด่วนขึ้นมาในห้องขังห้องใดห้องหนึ่ง”
“บ้าเอ๊ย ถ้าชั้นเดาได้ถูก ชั้นว่าจอห์นนี่คงจะปิดห้องขังไว้แบบนี้จนกว่าจะจัดการเรื่องวุ่นๆทั้งหลายในคุกนี้ได้แล้วแน่ เราคงไม่มีโอกาสจะได้ไปหาคาเมะจังน่ะสิ” โคคิสบถ
“คาเมะจัง?” ยูอิจิพยายามเรียกอีกครั้ง
“คาเมะจัง ได้โปรดพูดอะไรสักอย่างสิ” จุนโนะพยายามด้วยคน
“นายเป็นไรไหม คาเมะจัง?” ยูอิจิพูดขึ้น แต่โคคิก็รีบมาจับแขนของเขาเสียก่อน
“เอาน่า กลับไปที่เตียงเหมือนที่นายบอกเถอะ ตอนนี้เราคงจะติดต่อคาเมะจังไม่ได้หรอก" ยูอิจิค่อยๆพยักหน้าอย่างช้าๆ ก่อนจะล้มตัวลงนอนที่เตียงล่างพร้อมกับแฟนหนุ่ม ถึงจะบอกไปเช่นนั้นก็ตาม แต่โคคิก็พบว่ามันยากเหลือเกินที่จะข่มตาให้หลับลงได้ ยูอิจิ ผล็อยหลับอยู่ในอ้อมกอดของเขาหลังจากที่ต้องตื่นกันอยู่นานเท่าไหร่ก็ไม่มีใครรู้ได้ โคคิเดาว่าจุนโนะและอุเอดะก็คงจะไม่ได้มีค่ำคืนที่ดีไปกว่าเขาแน่
จู่ๆเสียงหายใจหอบก็ดังก้องมาจากห้องขังที่ติดกับห้องของเขา โคคิรีบเปิดเปลือกตาขึ้นมาทันใด ใช่คาเมะจังไหม? นาทีต่อมาชายหนุ่มนักแร๊บก็ได้ยินเสียงหายใจหอบดังก้องมาอีก ผสมกลมกลืนไปกับเสียงสะอื้นไห้ คาเมะร้องไห้... เสียงร่ำไห้เริ่มดังขึ้นและดังขึ้น โคคิค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงนอน เพราะเขาไม่อยากทำให้ยูอิจิต้องตื่นจากการนอนหลับสบาย ชายหนุ่มเดินเลาะเข้าไปที่ลูกกรงประตูห้องและร้องเรียกชื่อของอีกฝ่ายออกไปอย่างแผ่วเบา “คาเมะจัง”
บางทีคนตัวเล็กอาจจะเริ่มรับรู้ถึงความเป็นจริงที่อยู่รอบตัว .... แต่คาเมะก็ยังคงร่ำไห้ต่อ
“คาเมะจัง ได้ยินชั้นไหม?” โคคิพยายามเรียกอีกครั้ง “ไม่มีอะไรแล้วนะ คาเมะจัง”
โคคิมองลงไปที่ทางเดินเพื่อสังเกตถึงสัญญาณการเคลื่อนไหวอะไรสักอย่าง แต่เขาก็มองไม่เห็นผู้คุมสักคนที่พอจะเข้ามาช่วยได้ หลังจากที่ได้มายืนเรียกอีกฝ่ายอยู่เป็นนานสองนาน แต่ก็ไม่สามารถทำให้คนตัวเล็กสงบลงได้ หรือแม้แต่จะติดต่ออะไรได้เลยสักอย่าง โคคิเดินกลับไปที่เตียงด้วยความผิดหวัง
“เกิดอะไรขึ้น?” ยูอิจิอู้อี้ครึ่งหลับครึ่งตื่นเมื่ออีกฝ่ายได้ลงมานอนเคียงข้างและใช้สองแขนโอบรอบเขา
“ชั้นคิดว่าคาเมะจังหายช็อคแล้ว แต่ชั้นก็เข้าถึงตัวคาเมะไม่ได้เลย” โคคิตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย ยูอิจิหันเข้ามาหาเพื่อนร่วมห้อง ก่อนจะอิงศีรษะเล็กๆวางแนบอกอีกฝ่าย ยูอิจิรู้สึกอบอุ่นยิ่งนักที่ได้มานอนอยู่ในอ้อมกอดคนรักเช่นนี้ โคคิเองก็รีบโน้มจูบลงไปที่หน้าผากของแฟนหนุ่มทันที
“อืมม ...จูบนั้นเพื่ออะไรเหรอ.. ?” นั่นคือคำถามจากคนที่กำลังสะลึมสะลือ
“ไม่มีอะไรหรอก” โคคิพึมพำตอบ ก่อนจะกอดรัดร่างที่อยู่ในวงแขนอย่างแน่นหนา “ชั้นแค่ดีใจที่นายไม่ได้บาดเจ็บน่ะ” เขาก็ไม่แน่ใจว่ายูอิจิได้ยินคำที่เพิ่งบอกออกไปหรือเปล่า เพราะเขาสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายได้ผล็อยหลับไปอีกรอบแล้ว “ชั้นหวังว่าจินกับคาเมะจังจะโชคดีแบบนี้บ้าง”
เมื่อทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง โคคิมองเห็นชิ้นส่วนเศษกระดาษ หรือชิ้นส่วนของเสื้อผ้า ที่เป็นชิ้นเล็กๆหลายชิ้นได้ถูกจุดด้วยไฟแล้วปล่อยให้ลอยล่องลงมาท่ามกลางราตรีกาลที่มืดมิด ชิ้นส่วนเล็กๆหลายชิ้นนั้นได้เกิดการเผาไหม้เป็นจุลก่อนที่จะลงมากระทบกับพื้น เจ้าชิ้นส่วนเล็กๆได้ถูกปล่อยลงมาจากทั่วทุกหนทุกแห่งจากคุกในส่วนที่นักโทษอยู่ แสงไฟเล็กๆนั้นต่างก็พากันส่องแสงสว่างเหมือนดั่งดวงดาราที่ประดับอยู่บนฟากฟ้า ...เหมือนดั่งสายฝนแห่งพระเพลิงที่หลั่งรินลงมา
ยามะพีเบี่ยงสายตาออกมาจากชิ้นส่วนชิ้นเล็กๆที่กำลังเกิดไฟลุกไหม้นั้นเสีย..ดูเหมือนว่ามันจะถูกเขวี้ยงลงมาจากหน้าต่างของคุกในส่วนที่นักโทษอยู่นั่นเอง หัวหน้าแก๊งนิวส์เดินเร้นกายผ่านห้องขังห้องสุดท้าย แล้วตามด้วยการปิดประตูตามหลัง
“พระเจ้าช่วยจิน...” ชายหนุ่มกระซิบเรียกอีกฝ่าย เมื่อได้มองจ้องไปยังเตียงที่ตั้งอยู่กลางห้องขนาดย่อม หนึ่งในคนที่เขารักอย่างมากกำลังนอนหลับไหลอยู่ตรงนั้นนั่นเอง “ไอ้บ้าจิน ครั้งนี้นายไปทำอะไรมาล่ะ?”
ชั้นเคยกลัวมาตลอดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น อย่างที่เห็นๆกันอยู่ก็คือคาเมะจังมักจะเก่งในเรื่องเอาตัวไปมีเรื่องในวันธรรมดาๆได้เลยล่ะ อย่างวันนี้คนตัวเล็กก็ต้องการการช่วยเหลือด้วยเหมือนกัน แล้วก็เป็นจินนั่นเองที่ต้องเป็นคนจ่ายให้กับความผิดพลาดนั้นมาโดยตลอด
มือหนาหยาบลูบผ่านแขนข้างขวาที่เหมือนจะออกอาการบวมเปล่งของร่างที่นอนไม่ไหวติง จินดูแย่กว่าเขาเสียอีก ยามะพีเองก็เพิ่งจะถูกพวกรุ่นพี่ซ้อมมา..หรือแทบจะเรียกได้ว่าเขาได้ถูกพวกรุ่นพี่หลายคนหรือแม้แต่โทชิยะที่มาจาก เดอร์ ออง เกรย์ ...หมอนั่นเข้ามาร่วมตะลุมบอนด้วยในนาทีสุดท้ายเพื่อที่จะ ‘ช่วยหัวหน้าแก๊งแสนสวย’ แต่อย่างน้อยการต่อสู้ในครั้งนี้ก็ช่วยให้เขามีเหตุผลดีๆสักข้อในการเข้ามาในห้องพยาบาลเพื่อที่จะ ‘รักษาตัว’ และเพื่อจะได้แอบออกไปมองหาเพื่อนรักของเขาเองนั่นเอง
“ชั้นจะทำยังไงล่ะถ้านายไม่รอดน่ะฮึ?” ชายหนุ่มบ่นพึมพำกับตัวเอง มือหนาควานหามือจินจนเจอแล้วบีบมือข้างนั้นเอาไว้แน่น มืออีกข้างได้ถูกยกขึ้นไปยังใบหน้าของจิน นิ้วเรียวยาวลูบคลำตรงรอยแตกของริมฝีปากอิ่ม
พวกรุ่นพี่ได้หนีไปแล้ว นั่นคือจุดประสงค์ที่แท้จริงของพวกเขามาโดยตลอด
หลังจากที่คาเมะได้ออกไปนั้น เคียวได้เดินมาถึงห้องขังที่พวกสแมปจับกลุ่มกันอยู่ นิวส์ก็เกือบจะเข้ากันได้ดีกับพวกรุ่นพี่ผู้ที่น่านับถือพวกนี้เพราะด้วยความที่อยากจะร่วมมือกันทำให้พวก AT-TUN เหนื่อยหน่ายรำคาญใจเล่นนั่นเอง แต่การมาเยือนของเคียวทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปบ้างเล็กน้อย
“ชั้นอยากร่วมด้วย” เคียวเอ่ยออกมาทันทีทันใด “ชั้นรู้มาว่าพวกนายจะหนีออกไปจากคุกเก่าครึนี้ และชั้นก็รู้มาว่าพวกนายจะทำเดี๋ยวนี้ด้วย ชั้นและก็แก๊งของชั้น...พวกเราอยากจะร่วมด้วย”
สิ่งนั้นเองที่เหมือนได้เผยแผนการณ์ทั้งหมดของพวกรุ่นพี่ให้วางแผ่อยู่ตรงหน้าของยามะพีและเพื่อนร่วมแก๊งของเขาทั้งแก๊ง ถ้าพวกรุ่นพี่จะยังติดใจสงสัยอยู่ว่าจริงๆแล้วคนที่อยู่ในทางลับกับพวกเขาอยู่นับครั้งได้นั้นคืออคานิชิและเด็กของเล่นคนนั้น... หรือจะเป็นพวกรุ่นน้องที่บังเอิญล่วงรู้ถึงแผนแหกคุกนี้ มาถึงตอนนี้พวกรุ่นพี่ก็คงไม่ต้องติดใจสงสัยอะไรอีกต่อไปเพราะความจริงก็ได้เปิดเผยออกมาแล้ว
นิวส์ตัดสินใจในวินาทีนั่นเองว่าถ้าจะมีคนแหกคุกไปล่ะก็ พวกเขาก็อยากจะตามไปด้วย แต่พวกรุ่นพี่ไม่ยินยอมและเห็นดีเห็นงามไปด้วย พวกเขาอยากจะพากันหายออกจากคุกไปให้น้อยคนเท่าที่จะพอทำได้ เพราะถ้ามีใครหลายคนตามไปด้วย ก็จะก่อให้เกิดเสียงดัง มันคงจะไม่เหมาะกับสถานการณ์เช่นนั้นแน่นอน
ดังนั้นการต่อสู้จึงได้เริ่มขึ้น ส่วนมากก็จะเป็นการต่อสู้ระหว่างนิวส์และสแมป แต่เคียวก็ยังอุตส่าห์เอาตัวมาร่วมตะลุมบอนด้วย ถึงยามะพีจะไม่แน่ใจนักว่าหมอนั่นอยู่ข้างใครกันแน่ บางทีอาจจะไม่อยู่ข้างพวกเขาคนใดคนหนึ่งหรอก ในวินาทีเฉียดฉิวนั่นเองที่จู่ๆโทชิยะก็เข้ามาร่วมด้วยเพื่อจะช่วยหัวหน้าของตน ..ซึ่งก็เหมือนเป็นการเข้าตะลุมบอนด้วยอีกคน
โชคร้ายที่มันจบลงด้วยการที่พวกรุ่นพี่เอาชนะและพากันหนีออกไปได้ ตอนนั้นเองที่ยามะพีเพิ่งจะได้เข้าใจว่าพวกเขาได้ก่อให้เกิดความแตกตื่นให้กับทางเดินที่ปกติจะเงียบเชียบและน่าสยดสยองแห่งนี้เพียงไร
“ชั้นก็ว่าแล้วว่าที่นายอยากจะเข้ามาให้หมอตรวจดูอาการนั่นต้องมีเหตุผลแฝงไว้แน่ๆ” คุณหมอที่ยามะพีรู้จักเพียงชื่อที่เรียกว่า ตุ๊ตี้ได้พูดออกมาจากตรงบานประตู ยามะพีรีบหมุนตัวเพื่อไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายทันที “นายผ่านผู้คุมและล๊อคที่ปิดอยู่ระหว่างทางจนเข้ามาในนี้ได้ยังไง..แล้วยังจะมาในสภาพแบบนั้นด้วย?”
ดวงตาของคุณหมอหนุ่มได้มองสำรวจไปรอบๆรอยฟกช้ำดำเขียวที่อยู่บนร่างของเขา ไม่ว่าจะกี่ครั้งกี่คราที่เขาได้เข้าชกต่อยกับอคานิชิมามากมายเพียงไร บาดแผลพวกนั้นก็เทียบไม่ได้เลยกับบาดแผลที่เขาได้รับในตอนนี้....มันเหมือนเป็นคำสอนที่ว่า...ไม่ควรจะประมาทกำลังพวกรุ่นพี่เลยสักนิด
“ตอนที่เกิดเรื่องขึ้นนั้น ชั้นได้ยินพวกนักโทษคุยกันว่าอคานิชิบาดเจ็บ ชั้นก็เลยต้องมาดูให้เห็นกับตา” ยามะพีตอบ ก่อนจะทอดสายตามองกลับไปที่จิน “จินจะเป็นอะไรมากไหม?”
“ชั้นก็...หวังว่าชั้นจะสามารถให้คำตอบในคำถามครั้งนี้ได้ อาการของอคานิชิน่ะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตหรอก แต่เราก็จะต้องรอดูไปก่อนว่าอาการเจ็บในครั้งนี้จะมีผลกระทบอะไรกับเขาบ้าง” ตุ๊ตี้ตอบ แต่ยามะพีก็ไม่ได้มองกลับมาที่คุณหมอหนุ่มเลย
“พวกในแก๊งของเขาล่ะ เป็นไงมั่ง?” ยามะพีถาม “คาเมะจัง...เป็นยังไงบ้าง?”
“คนในแก๊งของอคานิชิไม่ได้ถูกพามาที่นี่หรอกนะ ส่วนคาเมะจัง เราเป็นฝ่ายตรวจดูอาการเขาเอง และก็พากลับไปที่ห้องแล้วล่ะ” ตุ๊ตี้ตอบ ส่วนหนึ่งของยามะพีนึกสงสัยอยู่ลึกๆว่าทำไมคุณหมอหนุ่มถึงไม่ร้องเรียกให้ใครมาช่วยและพยายามที่จะพาเขากลับเข้าไปที่ฝั่งตะวันออกเสียล่ะ
“คาเมะจังบาดเจ็บเหรอ?” ยามะพีถามแต่ก็ไม่ยอมเคลื่อนสายตาห่างจากเพื่อนของเขาเลยสักนิด
“ใช่แล้ว ...เขาน่ะ...เขาตกลงมาจากชั้นสองและอคานิชิก็เป็นคนที่กระโดดตามไปช่วยเขา” ตุ๊ตี้สารภาพออกมา คุณหมอผู้แก่วัยกว่าสามารถที่จะมองเห็นได้ว่าอีกฝ่ายนั้นได้นิ่งตัวแข็งอยู่เล็กน้อยเมื่อได้ยิน “นี่ก็ดึกมากแล้วนะ นายอยากให้ชั้นช่วยพากลับเข้าไปที่ฝั่งหรือเปล่า? ชั้นสามารถช่วยพากลับเข้าไปโดยที่จะไม่มีเรื่องตามมาได้เลยนะ”
“ชั้นจะอยู่ที่นี่” ยามะพีตอบด้วยทีท่าจริงจัง อีกฝ่ายก็ดูช็อคที่ได้ยิน “ชั้นไม่สนหรอกว่าจอห์นนี่จะรู้หรือเปล่า คืนนี้ชั้นจะอยู่ข้างๆเพื่อนรักของชั้น”
คุณหมอหนุ่มดูจะผงะนิดๆเมื่อได้ยินคำพูดของยามะพี เพื่อนรักเหรอ? ไม่ใช่ว่าอคานิชิกับยามาชิตะสาบานเป็นศัตรูคู่แค้นกันหรอกเหรอ?
“พวกผู้คุมจะลองเข้ามาพาชั้นไปให้ห่างจากหมอนี่ก็ได้นะ...” ยามะพีพูดเสริมด้วยเสียงพึมพำ
รอยยิ้มนิดๆผุดขึ้นบนเรียวปากของตุ๊ตี้ “ชั้นจะมาพบนายพรุ่งนี้ก็แล้วกันนะ” คุณหมอหนุ่มพูดขึ้นก่อนที่จะรีบหายออกไปจากห้อง
“ชั้นนึกไว้แล้วเชียว” เมื่อได้ถูกทิ้งให้อยู่กันตามลำพัง ...ยามะพีก็พึมพำขึ้นมา “ชั้นรู้ว่านายจะต้องทำเพื่อเขา” หัวหน้าแก๊งนิวส์ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ที่วางอยู่ข้างเตียง
“มันจะต้องเกี่ยวกับเขาตลอดสินะ..ไม่ว่านายกับชั้นจะนั่งพูดคุยกันเรื่องข้าวปั้นหรือไม่ก็เรื่องงานที่เยี่ยมที่สุดที่เราเคยทำด้วยกันมา นายก็จะคิดถึงเขาตลอด บอกชั้นมาสักครั้งสิว่า อะไรที่ทำให้เขาแตกต่างไปจากคนอื่นๆล่ะฮึ? หรือเพราะคาเมะจังเป็นคนที่นายไม่สามารถจะคาดเดาอะไรได้เลย? หรือเพราะว่าเขาดูซื่อไร้เดียงสาดี? หรือว่าน่ารัก?” ยามะพียิ้ม มืออีกข้างยังคงลูบไล้ที่เส้นผมจินอยู่อย่างแผ่วเบา “นายควรจะเริ่มย้ายก้นลุกจากเตียงมาซะ ก่อนที่ชั้นจะไปค้นหาคำตอบนั้นด้วยตัวของชั้นเอง ก่อนที่ชั้นจะเอาอำนาจคุมคุกเก่าๆนี้มา แล้วก็เอาคาเมะจังมาเป็นเด็กของชั้นซะเลย นั่นมันคงจะะเป็นแรงกระตุ้นอย่างดีให้นายเปิดตาและฟื้นตัวได้เร็วมากเลยล่ะ”
ภายในห้องได้เกิดความเงียบงันเข้ามาครอบคลุมอยู่ชั่วขณะ
“จิน?”
ความเงียบได้เข้ามาปกคลุมยิ่งกว่าเดิม
“นายไม่ฟังที่ชั้นบอกออกไปแม้แต่คำเดียวใช่ไหม?” ยามะพีหัวเราะหึๆ ก่อนจะแนบคางลงบนแขนที่เหยียดไปวางไว้ข้างๆหัวหน้าแก๊งอีกคน “นายคงกำลังฝันถึงเขาอยู่ล่ะสิ นายคงจะกำลังอยู่ในไอ้ฝันหื่นๆลามกๆของนายอยู่ล่ะสิ ใช่ไหมว่ะ? ตอนที่ชั้นได้ไปอยู่ห้องนายและเป็นเจ้านายของเคย์ตะจังมาหนึ่งคืนนั่นน่ะ หมอนั่นบอกชั้นเรื่องความฝันของนายมาด้วยล่ะ”
หัวหน้าแก๊งนิวส์โน้มตัวเข้าหาอีกฝ่าย “ชั้นรู้จักนายดีนะ นายคงไม่พอใจอยู่แค่ในฝันหรอก ภายในใจของนายน่ะรู้ดีว่ามีเจ้าสิ่งเล็กๆที่เขาเรียกกันว่าความเป็นจริง แล้วสิ่งนั้นก็มีรสมีชาติมากกว่าความฝันแบบไหนๆของนายเสียอีก”
ยามะพีวางหัวลงข้างๆจิน ก่อนจะกระซิบถ้อยคำบางอย่าง “พักผ่อนเถอะนะ อย่าแม้แต่คิดจะยอมแพ้ล่ะ ชั้นจะไม่ยอมให้นายทิ้งชั้นไว้ด้านหลังหรอก....”
๐๐++๐๐++๐๐++๐๐++๐๐++๐๐
continue here ยังไม่จบคะ อ่านต่อตรงนี้คะ