เมื่อยามเช้ามาเยือนนั้นโคคิไม่ได้หลับเลยสักนิด แต่เขาก็ไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าคาเมะได้หยุดร้องไห้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ชายหนุ่มเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อให้เสียงเปิดประตูที่คุ้นเคยได้ดังขึ้น แต่เมื่ออาหารเช้าได้ถูกผลักเข้ามาด้านในห้องขังผ่านประตูลูกกรงเข้ามานั้น โคคิก็แทบจะสติแตกขึ้นมาทันที ชายหนุ่มรีบร้อนเดินตัวลอยออกจากเตียงมารวดเร็ว
“โธ่โว๊ย! เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ!” หนุ่มนักแร๊บร้องตะโกนใส่ผู้คุมคนที่เพิ่งจะเอาอาหารเช้ามาเสิร์ฟให้พวกเขา
“ขอโทษทีนะ แต่เราเปิดให้ไม่ได้หรอก จอห์นนี่สั่งลงมาอย่างเข้มงวดเลยล่ะ” ผู้คุมตอบออกมาด้วยท่าทีขอโทษขอโพย โคคิก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าผู้คุมคนนี้เป็นพรรคพวกกับเขาด้วยหรือไม่
“คาเมะจังบาดเจ็บอยู่นะ” โคคิพูดต่อ สังเกตเห็นแล้วว่าตอนนี้ยูอิจิได้ลุกมายืนข้างๆเขา เมื่อตอนที่โคคิกระโจนลงจากเตียงนั้นได้ทำให้ยูอิจิผู้น่าสงสารแทบจะกลิ้งหล่นตุ๊บลงมาจากเตียงเลยเทียว “ให้ชั้นเข้าไปในห้องของเขาที”
“เกรงว่าจะให้ทำแบบนั้นไม่ได้หรอก” ผู้คุมอีกนายตอบกลับ
“ฟังนะ คาเมะจังร้องไห้อย่างหนักอยู่ทั้งคืน ให้ชั้นเข้าไปดูเขาหน่อยเถอะ รับรองว่าจะเข้าไปดูไม่นาน” โคคิยังพยายามตื้อไม่เลิก ผู้คุมสองนายก็เริ่มเหลือบมองกันและกัน
“เรากำลังจะเอาอาหารเช้าไปให้เขาอยู่พอดี เอางี้ดีไหม เราจะกลับมาบอกนายแล้วกันว่าเห็นอะไรบ้าง?” พวกผู้คุมก็พากันพยายามปฏิเสธเหมือนเช่นเดิม โคคิจึงได้แต่ถอดใจ
“งั้นก็ได้” หนุ่มนักแร๊บตอบรับเสียงอู้อี้เมื่อผู้คุมเดินไปยังห้องขังที่อยู่ข้างๆ
“ดูเหมือนว่าเขาจะหลับอยู่” หนึ่งในนั้นพูดขึ้น “นอนขดตัวเหมือนลูกบอลเลย”
ผู้คุมได้พากันผลักจานข้าวแทรกเข้าไปในห้องขังนั้นด้วย
“ติดต่อคาเมะจังได้บ้างไหม?” โคคิถาม “ตื่นๆได้แล้วนะ คาเมะจัง!”
“เขาไม่ขยับตัวเลย” ผู้คุมอีกนายพูดขึ้น โคคิก็ได้แต่ถอนหายใจ
“ถ้านายบอกว่าเขาตื่นอยู่ทั้งคืนแล้วล่ะก็ เราก็น่าจะปล่อยให้เขาได้นอนพักนะ เขาต้องการเรี่ยวแรงมากที่สุดเท่าที่จะมีได้เพื่อช่วยในการฟื้นตัว” ผู้คุมนายแรกเป็นคนเอ่ยขึ้นมา “เราต้องไปแล้วล่ะ คุกนี้เกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โตมากเลยจริงๆ เราต้องไปจัดการเคลียร์พื้นที่ก่อน ตอนนี้ทุกคนต่างก็ต้องทำงานล่วงเวลากันเลยทีเดียว”
ในเรือนจำยังคงเกิดเรื่องวุ่นๆอยู่บ้างจริงๆ เพราะเหล่าผู้คุมนอกจากจะต้องคอยเสิร์ฟอาหารส่งตรงให้นักโทษวันละสามครั้งแล้ว ขณะเดียวกันพวกเขาก็ยังคงต้องทำหน้าที่ตรวจยามตามปกติ เข้าไปช่วยงานที่ห้องพยาบาล แล้วยังต้องไปเก็บกวาดทำความสะอาดในโรงอาหารและในบางส่วนของทางเดินฝั่งเหนือและฝั่งตะวันออกด้วยเช่นกัน
ในเช้าของวันที่สองนั้นดูเหมือนจะเป็นวันที่ดีขึ้นมาบ้างสำหรับพวก AT-TUN พวกเขาดีใจอย่างมากที่ได้เห็นร่างคุ้นตาของผู้คุมอันเป็นที่รักกำลังเดินลงมาตามทางเดิน
“รุ่นพี่โคอิจิ” โคคิร้องอุทานขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น “ชั้นดีใจที่เจอรุ่นพี่จริงๆ!”
“ชั้นได้ยินพวกผู้คุมพูดกันว่าเด็กของอคานิชิแยกตัวอยู่แต่ในห้องขังเหรอ..?” โคอิจิถามเมื่อได้มาหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องขังของโคคิและยูอิจิ
“ชั้นเลยคิดว่าชั้นคงต้องลงมาดูให้เห็นกับตาสักหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่”
“แล้วรุ่นพี่ก็มา” ยูอิจิพูดด้วยความโล่งอก “ได้โปรดให้พวกเราเข้าไปดูคาเมะจังหน่อยเถอะ”
“เราเป็นห่วงมาก เราติดต่ออะไรคาเมะจังไม่ได้เลย” จุนโนะพูดออกมาจากห้องข้างๆ
“ได้สิ รอเดี๋ยวนะ” โคอิจิพูดพลางใช้ลูกกุญแจไขล๊อคด้วยความเงอะงะ เพียงไม่นานผู้คุมหนุ่มก็ช่วยไขล๊อคเพื่อปล่อยให้สี่หนุ่มได้ออกจากห้องขัง “ประตูห้องขังถูกล๊อคด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์น่ะ ถ้าเราโชคดีอีกไม่นานก็คงจะกลับไปใช้ระบบเก่าได้ในเร็วๆนี้แหล่ะ ถ้าไม่มีคอมพิวเตอร์มาช่วยน่ะนะชั้นก็ไขห้องพวกนายไม่ได้เลยล่ะ แต่ก่อนจะมาที่นี่ชั้นก็ได้ไปบอกผู้คุมคนที่เข้าเวรไว้แล้วว่าชั้นอยากจะไขห้องขังสามห้องสุดท้ายที่อยู่ในฝั่งตะวันตกหน่อย พวกเขาก็ไม่ได้ค้านอะไรมากนัก ชั้นจะพยายามมาปล่อยพวกนายออกจากห้องเพื่อพวกนายจะได้ไปอยู่เป็นเพื่อนคาเมะจังทุกวันจนกว่าอคานิชิจะกลับมานะ”
“นั่นก็พอจะอธิบายได้ว่าทำไมชั้นถึงเปิดล๊อคประตูห้องไม่ได้เลย” อุเอดะพูดขึ้น “ชั้นไขล๊อคได้แล้วแต่ประตูห้องกลับไม่เปิดออก”
“เปิดไม่ได้อยู่แล้วล่ะ เพราะถึงประตูจะถูกไขล๊อคออกมาได้ แต่คอมพิวเตอร์นั่นเองที่กันไม่ให้ประตูเปิดออก” โคอิจิตอบ
“ดูเหมือนว่าไอ้ระบบนั่นเป็นเพียงเทคโนโลยีใหม่อย่างเดียวที่จอห์นนี่มีไว้ใช้ในคุกนะ ..ยกเว้นแต่ก็ไอ้พวกกล้องที่เอาไว้ส่องนั้นน่ะ” โคคิพึมพำ
“ไม่มีอะไรใหม่เลย” โคอิจิถอนหายใจ ก่อนจะลงมือเปิดห้องของจินเป็นลำดับต่อไป “อคานิชิยังไม่ฟื้นเลย แต่ชั้นได้ยินมาจากหมอว่ายามาชิตะ...” โคอิจิพูดเมื่อได้เปิดประตูห้องนั้นออกจนได้ ผู้คุมหนุ่มเพ่งสายตามองเข้าไปด้านในห้องทันที “เตียงว่างอยู่นี่น่า...”
โคคิเดินผ่านผู้คุมผู้คุมหนุ่ม ก่อนจะเดินผ่านไปที่เตียงทั้งสองอัน “อยู่บนเตียงจิน” หนุ่มนักแร๊บพูดพลางแอบมองขึ้นไปยังเตียงบน โคอิจิมองตามไปเพื่อจะเห็นร่างเล็กๆนอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ใต้ผ้าห่ม
“รุ่นพี่พูดอะไรเกี่ยวกับพีนะ?” ยูอิจิถาม
“ชั้นคุยกับสมาชิกในแก๊งนิวส์มา ยามาชิตะไม่ได้อยู่ที่ห้องตัวเอง ดูเหมือนว่าหมอนั่นจะไปอยู่ที่ห้องพยาบาลมาทั้งคืนเลย”
“ขอบคุณมากนะรุ่นพี่โคอิจิ เราจะไม่รบกวนเวลาแล้วล่ะ เรารู้ว่ารุ่นพี่ต้องกลับไปแล้ว” อุเอดะกล่าว ด้านโคอิจิก็พยักหน้ารับเล็กน้อย
“ไม่ต้องขอบใจอะไรมากหรอก ถ้ามีใครมาก็ให้รีบกลับไปที่ห้องก็แล้วกัน” ผู้คุมหนุ่มพูดขึ้น ก่อนที่จะจากไปและทิ้งพวกเขาให้อยู่ตามลำพังกับคาเมะ
ชายหนุ่มทั้งสี่ต่างก็พากันมายืนรวมตัวกันอยู่ที่เตียงของจิน พยายามที่จะดึงผ้าห่มออกอย่างแผ่วเบาที่สุด จวบจนได้เห็นร่างของคนตัวเล็กที่นอนม้วนขดตัวพันอยู่กับผ้าห่ม
“คาเมะจัง” โคคิเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่คาเมะก็ไม่ขยับตัว อุเอดะปีนขึ้นไปนั่งอยู่ตรงขอบเตียงของจิน แล้วแอบมองยังร่างบาง
“เขาตื่นแล้ว” อุเอดะบอกพวกเพื่อนๆ ก่อนที่จะเอื้อมมือไปคว้าใต้แขนของคาเมะขึ้นมาเบาๆ ร่างของคาเมะอ่อนปวกเปียก แต่คนตัวเล็กก็ไม่ได้ต่อต้านอะไรเมื่อทั้งสี่หนุ่มได้นำตัวเขาลงจากเตียงของจิน แล้วพาลงมานั่งยังเตียงล่าง ณ ที่ตรงนั้นเองยูอิจิได้ถืออาหารเช้าไว้รอรับ
“เอาน่า นายต้องกินอะไรหน่อยนะ” ยูอิจิพูดขึ้น พยายามที่จะป้อนข้าวปั้นให้ร่างบาง “นายกินข้าวครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่กันนี่?”
“ไม่ใช่เมื่อวานแน่ ผู้คุมบอกว่าอาหารที่เอามาให้น่ะไม่ถูกแตะเลย แล้วก็ไม่ใช่วันก่อนหน้านั้นด้วย...”อุเอดะกล่าว พลางเกลี่ยเส้นผมไปทัดที่ข้างหูของร่างบาง “แต่คาเมะอยู่กับจินตอนอาหารเที่ยงนี่น่า จินก็เลยลงมากินข้าวเที่ยวสายไปหน่อย จำได้ไหม? จากนั้นเราก็ไม่ได้กินข้าวเย็นกันเลย..”
“คาเมะจังลงมากินข้าวเช้านะ ก็ตอนที่จินย่องตามคาเมะจังในแถวตอนข้าวเช้านั่นไงล่ะ” โคคิพูดแจง
“เอ่อใช่แล้ว” อุเอดะพึมพำ “ถ้างั้น อย่างน้อยคาเมะจังก็ได้กินข้าวเช้า...แต่นั่นมันก็สองวันมาแล้วนะ”
“เฮ้ ไม่เป็นไรแล้วนะ” จุนโนะพูดพลางย่อตัวลงนั่งอยู่ด้านหน้าเด็กหนุ่มผู้ยังคงนิ่งเงียบ “จินก็จะไม่เป็นอะไรด้วย”
“นายจำได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?” โคคิพยายามชวนคุย แต่ก็ยังคงไร้ซึ่งคำตอบ
“นี่ เราน่าจะปล่อยให้คามะจังอยู่คนเดียวสักครู่นะ” ยูอิจิแนะ
“เมื่อวานนี้เขาอยู่คนเดียวมาตลอดวัน มันคงไม่ทำให้คาเมะดีขึ้นได้หรอก” อุเอดะตอบ
“คาเมะจัง” โคคิพยายามอีกครั้ง “นายทำให้พวกเรากลัวมากนะ ตื่นจากอาการช๊อคได้แล้ว”
แต่คาเมะก็ไม่ได้เอ่ยถ้อยคำอะไรออกมาสักคำแม้พวกเขาจะพากันพูดเย้าแหย่คนตัวเล็กอยู่ทั้งวันก็เถอะ ร่างบางปล่อยให้พวกเขาทำอะไรก็ได้ตามที่พวกเขาจะอยากทำ ไม่มีอาการโต้ตอบหรือขัดขืนใดๆทั้งสิ้น แม้เมื่อตอนที่ TTUN จะพยายามให้คาเมะกินอะไรสักอย่างบ้างก็ตาม
คาเมะ..คนที่เพิ่งจะเริ่มออกมาจากเปลือกที่คอยห่อหุ้มตัวอยู่ และเริ่มจะเปิดเผยตัวตนกับพวกเขามากขึ้น แต่มาบัดนี้เหมือนว่าคนตัวเล็กจะดึงตัวกลับเข้าไปอยู่แบบเดิมแล้วสิ ตลอดทั้งวันคาเมะไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยสักคำ พวกแก๊งเองก็พากันเป็นห่วงมาก ไม่ว่าพวกเขาจะพากันทำอะไร เพื่อเป็นการสร้างเสียงหัวเราะให้อีกฝ่าย ทั้งร้องแร๊บ ทั้งบีทบ๊อกซิ่ง ทั้งพูดเรื่องขำขัน... พยายามที่จะสอนให้สะเดาะกุญแจ แล้วก็อะไรอย่างอื่น แต่คนตัวเล็กก็เอาแต่นิ่งเงียบ...ทำอะไรก็ด้วยจิตใจที่เลื่อนลอย มันเหมือนกับว่าคาเมะได้ยอมแพ้ไปแล้วจริงๆ
ชายหนุ่มทั้งสี่จำต้องถอนทัพกลับไปที่ห้องเมื่อทำให้คาเมะพูดออกมาไม่ได้แม้แต่คำเดียว พวกเขาเกลียดที่จะทิ้งให้อีกฝ่ายต้องอยู่เพียงลำพังในยามค่ำคืนยิ่งนัก เมื่อโคคิลงนอนอยู่ข้างๆยูอิจิที่กำลังนอนหลับอยู่ในอ้อมแขนของเขานั่นเอง...โคคิก็ได้ยินเสียงร่ำไห้ของคาเมะลอยล่องมาอีกครั้ง แม้ในครั้งนี้จะไม่ได้ร้องออกมาอย่างหนักก็ตาม
ในวันถัดมานั้น พวกเขาได้ให้สัญญากับตัวเองไว้ว่าจะต้องทำให้สำเร็จ แต่พวกเขาก็ต้องผิดหวังมากเมื่อไม่เห็นโคอิจิปรากฏตัวขึ้นในตอนอาหารเช้าเลย พวกTTUNไม่มีโชคที่จะได้เข้าไปในห้องจินอีกครั้ง
“คาเมะจัง” โคคิเฝ้าเฝ้าถอนหายใจมาจากห้อง “คาเมะจัง!”
“คาเมะจัง” ยูอิจิพยายามร้องเรียกอีกแรง แต่ก็ไม่มีใครได้รับคำตอบ
“ชั้นหวังว่ารุ่นพี่จะอยู่ที่นี่จริงๆ..” ยูอิจิเอ่ยขึ้น “เขาสามารถที่จะไขล๊อคพวกนั้นได้”
“ก็อาจจะยุ่งอยู่..” โคคิบ่นอู้อี้
“ยุ่งอยู่กับซึโยชิน่ะเหรอ?” ยูอิจิถามพลางยักคิ้วเป็นเชิงถาม
“เรื่องงานน่ะ” โคคิบอก
“ชั้นหวังว่าจินจะอยู่ที่นี่” อุเอดะถอนหายใจออกมาจากห้องขังที่อยู่ข้างๆ “หมอนั่นรู้ดีว่าต้องทำยังไง หรือจะทำให้คาเมะจังพูดออกมาได้ยังไง”
“คาเมะจัง~” จุนโนะร้องเรียกด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“ถ้านายไม่ตอบจุนโนะจะเริ่มเล่าเรื่องโจ๊กแล้วน้า” โคคิพูดขู่ ก่อนจะได้ยินเสียง ‘ฮึ่ม’ ดังมาจากจุนโนะ
“ไอ้บ้าเอ๊ย!” เสียงจุนโนะร้องก้องอยู่ตามทางเดิน “อุเอดะชอบออกน่ะเฟ้ย”
“ก็เพราะว่าอุเอดะชอบนายน่ะสิ!” โคคิตะโกนกลับ จุนโนะก็กำลังจะพูดอะไรออกมาสักอย่าง ต่อเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามายังทิศทางที่พวกเขาอยู่
“เอาล่ะทุกคน พวกนายจะได้ไปพบอคานิชิแล้วนะ” หนึ่งในผู้คุมที่เดินเข้ามาหาแจ้งข่าวบอกพวกเขา ก่อนที่จะเข้าไปไขล๊อคห้องของอุเอดะและจุนโนะ ส่วนผู้คุมอีกนายก็เข้าไปเปิดห้องของโคคิและยูอิจิ
“อาการของจินมีอะไรเปลี่ยนไปบ้างไหม?” ยูอิจิถามเมื่อถูกปล่อยตัวออกมา
“เกรงว่าจะไม่นะ แต่ยังไงพวกนายก็ได้พบเขาอยู่ดี” ผู้คุมนายหนึ่งตอบ ก่อนจะหมุนตัวเพื่อเดินนำพวกเขาออกไป แต่โคคิก็หยุดนิ่ง
“เดี๋ยวสิ แล้วคาเมะจังล่ะ?” หนุ่มนักแร๊บถาม
“คาเมนาชิจังเหรอ?” ผู้คุมถาม “เขาทำไมล่ะ?”
“พวกนายจะไม่ไปเปิดประตูห้องเขาด้วยเหรอ?” โคคิพูดขึ้น พร้อมกับชี้ข้ามไหล่ออกไปยังห้องของจิน
“ขอโทษที่ถามนะ แต่หมอนั่นเป็นเด็กของเล่นไม่ใช่เหรอ? มันเร็วไปมั้งที่จะพาไปหาอคานิชิซังน่ะ ใช่ไหม?” เมื่อผู้คุมพูดจบโคคิก็เดินก้าวออกไปด้านหน้าทันที แต่ยูอิจิก็รีบกระโดดเข้ามาขวางเสียก่อน
“คาเมะจังควรจะได้ไปที่นั่นด้วย อย่างน้อยเขาก็เป็นเพื่อนร่วมห้องของจินนะ” ยูอิจิรีบร้อนบอก ก่อนที่สถานการณ์ในตอนนี้จะเปลี่ยนเป็นรุนแรง จากทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ทำให้พักหลังๆโคคิแทบจะสติแตกได้ง่าย
“แต่หมอนั่นก็ไม่ใช่คนในแก๊งนายนี่น่า? ชั้นได้รับคำสั่งมาว่าให้พาคนที่ใกล้ชิดกับอคานิชิไปเท่านั้น” ผู้คุมนายเดิมยังพูดต่อ
“นั่นก็ต้องรวมถึงคาเมะจังด้วย...” อุเอดะแจกแจง
“แล้วเขาจะไปช่วยทำอะไรให้อคานิชิในตอนนี้ได้? ยิ่งกว่านั้นเขาก็บาดเจ็บด้วยไม่ใช่เหรอ? มันเร็วไปที่จะพาเขาไปไหนต่อไหน รีบๆเถอะ เราไม่มีเวลาให้กับเรื่องนี้มากนักหรอกนะ จอห์นนี่โมโหในเรื่องพวกนี้มากเลยล่ะ” ผู้คุมอีกคนกล่าวพร้อมกับเริ่มออกเดินอีกครั้ง
“เถอะนะ อย่ามายืนเถียงอยู่ตรงนี้เลย ชั้นอยากจะพบจิน” อุเอดะพูดพลางถอนหายใจ อีกสามคนก็จำต้องยอมปล่อยหัวข้อนี้ไปอย่างไม่เสียไม่ได้ พวกเขาเดินตามผู้คุมออกจากคุกในส่วนที่พวกเขาอยู่ เข้าไปสู่พื้นที่ที่พวกหมอพากันปรับเปลี่ยนให้ดูคล้ายกับโรงพยาบาล
“รุ่นพี่โคอิจิ พวกเรารักนายจริงๆ!” TTUN ร้องอุทานขึ้นมาเมื่อพบผู้คุมหนุ่มยืนอยู่นอกห้อง “รุ่นพี่เป็นคนอนุญาตให้เราได้พบจินใช่ไหม?”
“ว่าไง....เอ่อ ....แล้วคาเมะจังล่ะ?” โคอิจิถามพลางมองไล่พวกเขาทีละคน
“พวกนั้นไม่ยอมให้มาด้วย” โคคิบ่น
“เมื่อตอนที่ชั้นส่งผู้คุมให้ไปพาพวกนายมานั้นชั้นก็ได้พูดเจาะจงแล้วนะว่าให้พาคนที่ใกล้ชิดกับอคานิชิมา” โคอิจิตอบ
“พวกเขาไม่นับคาเมะจังรวมอยู่ด้วยน่ะสิ” ยูอิจิพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขมขื่น
“ครั้งหน้าชั้นจะพูดเจาะจงไปมากกว่านี้นะ ไปเถอะอคานิชิอยู่ที่นี่แหล่ะ” โคอิจิเอ่ยขึ้น ก่อนจะผลักประตูห้องที่เขากำลังยืนขวางอยู่ด้านหน้า เมื่อประตูได้เปิดกว้างออกมานั้น ได้เผยให้เห็นห้องขนาดเล็ก ณ ที่ตรงนั้นมีจินนอนอยู่บนเตียงและคุณหมอที่ยืนอยู่ข้างตัว
“มากันแล้วเหรอ ชั้นเข้ามาดูอาการอคานิชิซังหน่อยน่ะ" ตุ๊ตี้พูดขึ้นเมื่อเห็นคนในแก๊งเดินเรียงเข้ามาในห้อง
“คุณหมอเป็นคนดูแลหมอนี่เหรอ?” อุเอดะถาม
“ใช่แล้ว ชั้นชื่อซึชิยะ ยูอิจิ ชั้นทำงานร่วมกับผู้ช่วยของชั้น นากายาม่า ทากาชิ” คุณหมอตอบ
“จินเป็นยังไงบ้างน่ะหมอ?” อุเอดะถาม
“ถ้าว่าตามหลักการและเหตุผลแล้ว อคานิชิไม่น่าจะอยู่ในสภาพที่ดีได้เลยนะ แค่ตกอย่างเดียวก็เป็นอันตรายมากแล้ว นักโทษที่ตกมาจากระเบียงหลายคนก็ไม่รอด” ตุ๊ตี้บอก “แต่ชั้นก็ต้องแปลกใจเลยล่ะที่เห็นอคานิชิซังไม่ได้เจ็บมากอย่างที่ควรจะเป็น ทั้งๆที่ตกมาจากชั้นสองแท้ๆ ชั้นได้ยินมาว่าเขาใช้ตัวคุ้มกันอดีตเพื่อนร่วมห้องนี่ มีเพียงสิ่งเดียวที่ฟังดูเข้าท่าหน่อยก็คืออคานิชิรู้ว่าจะตกลงมาแบบไหนถึงจะไม่เป็นอันตราย”
“ใช่แล้วล่ะ เราเคยมีประสบการณ์ในเรื่องนี้มาบ้าง” เพื่อนในแก๊งยอมรับ
“อคานิชิใช้ตัวป้องกันบางส่วนของร่างกายที่อาจจะได้รับอันตรายได้ง่าย ถ้าเขาฟื้นขึ้นมาได้แล้วชั้นแน่ใจได้เลยว่าบาดแผลของเขาจะต้องหายในเร็วๆนี้แน่” คุณหมอหนุ่มพูดต่อ “ชั้นไปล่ะนะ พวกนายจะได้อยู่กันตามลำพัง เพื่อนร่วมงานของชั้นจะเข้ามาดูอาการเขาทีหลังแล้วกัน”
“ขอบคุณมากนะหมอ” ทั้งสี่หนุ่มเอ่ยขึ้น
“ชั้นก็คงต้องไปด้วย” โคอิจิกล่าวก่อนจะออกไปจากห้องและปิดประตูตามหลัง ดวงตาทั้งสี่คู่ต่างก็พากันจ้องไปยังร่างที่นอนอย่างไม่ไหวติงของอคานิชิ
“ไอ้บ้าจินเอ๊ย” นั่นคือคำพูดคำแรกที่หนึ่งในสมาชิกได้พูดออกมาเพื่อทำลายความเงียบ “นายทำให้พวกชั้นกลัวมากจริงๆ ก็นะ นายเคยทำอะไรบ้าๆแบบนี้มาก่อน แต่-“
“ได้โปรดเถอะ โคคิ” ยูอิจิพูดขัดขึ้น
“นี่จิน เราดีใจนะที่นายยังคงดื้อด้านอยู่เหมือนเคยน่ะ” จุนโนะพูดอย่างร่าเริง “นายไม่ผิดหรอกที่ทำไปแบบนั้น นายช่วยชีวิตคาเมะจังไว้”
“คาเมะจังจะต้องสบายดี จิน... นายก็ตื่นมาได้แล้ว และนายก็จะต้องอาการดีขึ้นด้วย” ยูอิจิพูดต่อว่า “แต่เขาท่าทางจะตกใจและดูจะสะเทือนใจมาก ปัญหาในตอนนี้ก็คือคาเมะเอาแต่ปิดกั้นตัวเอง เขาไม่ยอมพูดกับพวกเราเลยสักคำเดียว แต่เราแน่ใจว่าเขาต้องพูดกับนายแน่”
“เอาน่าจิน เลิกเป็นเจ้าชายนิทราแล้วตื่นมาได้แล้ว” อุเอดะบ่นอู้อี้
“นี่มันเทียบไม่ได้กับตอนที่นายหล่นลงมากจากหลังคาในตอนที่เราไปทำงานใหญ่ด้วยกันเลยนี่ จำได้ไหม? นั่นมันสูงกว่าครั้งนี้ตั้งสองชั้นแต่นายก็เดินออกมาได้ด้วยรอยข่วนสองรอยและรอยช้ำที่ดูน่าเกลียดๆนั่น” โคคิพูดเตือนคนที่ยังนอนหลับไหล
“หรือจะครั้งนั้นที่นายอยากจะลองเล่นสายไฟอันใหม่ที่เราขโมยมาในคืนก่อน แล้วนายก็ถูกมันพันเอาอยู่ตั้งชั่วโมงก่อนที่เราจะไปเจอนายและช่วยนายลงมาไงล่ะ” ยูอิจิหัวเราะหึๆ
“นี่ยังไม่ได้รวมถึงตอนที่นายถูกไอ้หมาบ้าเลือดของพวกตำรวจไล่ล่าอยู่ตั้งหลายช่วงตึกแถวด้วยนะ” จุนโนะพูดเพิ่ม
“จิน คาเมะต้องการนาย เราไม่รู้ว่าจะทำยังไงถึงจะเข้าถึงตัวเขาได้แล้ว นายได้ยินพวกชั้นไหม? คาเมะจังต้องการนาย! ได้โปรดตื่นขึ้นมาดูแลเขาด้วย” อุเอดะพยายามที่จะหว่านล้อม
“นายต้องกลับมาหาพวกเราเร็วๆนะ” โคคิพึมพำ แต่แล้วจู่ๆก็มีเสียงเคาะที่ประตูดังขึ้นมา
โคอิจิโผล่หัวเข้ามาในห้อง “ขอโทษที่รบกวนนะ แต่มีโทรศัพท์ถึงพวกนายน่ะ”
“มีคนโทรหาเราเหรอ?” ยูอิจิถาม อุเอดะเดินผ่านยูอิจิเพื่อเดินตามหลังโคอิจิออกไป โคอิจิเดินนำอุเอดะไปยังตู้โทรศัพท์ที่ตั้งอยู่ในทางเดินที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้
อุเอดะยกโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู “ฮัลโหล?”
“โย่ AT-TUN”
“มัสสุโมโตะ?” อุเอดะพูดขึ้นด้วยความแปลกใจ
“อ่ะ ทัตจัง! นายได้กลิ่นของอากาศที่แสนจะสดชื่นและสัมผัสได้ถึงแสงอาทิตย์ที่ส่องมากระทบผิวนายบ้างไหม รสชาติของเสรีภาพยังไงล่ะ~” เสียงของมัสสุโมโตะลอยล่องมาจากปลายสาย
“นายแหกคุกหนีไปเหรอ?” อุเอดะถาม
“อะไรกันว่ะ! นี่นายหมายความว่านายไม่สังเกตเห็นเลยเหรอ!? เราอยู่ห้องข้างๆกับนายน่ะ พุธโธ่เว้ย!” มัสสุโมโตะแทบจะตะโกนเข้าใส่อีกฝ่าย แต่ก็พยายามที่จะสงบสติอารมณ์ ก่อนจะกระแอมไอนิดๆ “ยังไงก็เถอะ ขอสายอคานิชิด้วย ชั้นอยากจะส่งสารให้หมอนั่นตัวต่อตัวหน่อย”
อุเอดะนิ่งเงียบไม่ตอบ
“เป็นอะไร?” มัสุโมโตะถามเมื่อมีแต่ความเงียบตอบกลับมาจากปลายสาย “มีอะไร?”
“จริงๆแล้วจิน....” อุเอดะเริ่มเล่าเรื่อง แล้วในครั้งนี้ก็เป็นคราวของมัสสุโมโตะที่ตกอยู่ในความเงียบเมื่อได้ยินเรื่องเล่า บทสนทนาที่เหลือนั้นไม่ได้มีการคุยโวโอ้อวดอะไรอีกมากนัก
“ใครโทรมาเหรอ?” จุนโนะถามเมื่ออุเอดะวางหูลง แล้วหันไปหาเพื่อนๆที่มารวมตัวกันอยู่ด้านหลังของเขา
“พวกอาราชิ” อุเอดะตอบ
“อาราชิเหรอ?” ทั้งสามดูเหมือนจะไม่เข้าใจว่าทำไมอาราชิถึงสามารถโทรมาหาได้ ก็ในเมื่อการที่ได้อยู่ในคุกนั้นทำให้ไม่มีทางที่จะเข้าถึงโทรศัพท์ได้นี่น่า
“พวกนั้นหนีไปแล้ว” อุเอดะพูดเสริม
“จริงเหรอ? เมื่อไหร่กันล่ะ?” ยูอิจิถาม ค่อนข้างจะแปลกใจอยู่ลึกๆ
“ดูเหมือนว่าจะหนีตามพวกรุ่นพี่ไปตามทางลับนั่น มัสสุโมโตะเล่าว่าเห็นรุ่นพี่โจชิม่ากับมิยาบิ พวกนั้นก็เลยตามพวกเขาออกไปตามทางลับนั่น”
“โอ้ งั้นพวกนั้นก็หนีไปได้พักหนึ่งแล้วสิ เราเริ่มจะขาดแคลนพรรคพวกในนี้แล้วนะ” ยูอิจิพูดต่อ แต่โคคิก็ขัดขึ้น
“พวกนั้นเป็นพรรคพวกเราตั้งแต่เมื่อไหร่กันล่ะ?”
“ก็จริง...เรากลับไปบอกคาเมะจังเกี่ยวกับอาการของจินดีกว่านะ เดี๋ยวลองดูหน่อยว่าจะทำให้คาเมะจังได้หัวเราะออกมาบ้างกับเรื่องโจ๊กขำขันของจุนโนะบ้างได้ไหม” ยูอิจิพูดแนะ
“มันก็ดูจะเป็นการพยายามทำให้คาเมะจังร่าเริงขึ้นในแบบที่สิ้นหวังไปหน่อยนะ แต่เราก็ไม่มีทางเลือกอื่นนี่ใช่ไหม?” โคคิเห็นด้วย ก่อนจะใช้แขนโอบรอบไหล่ของเพื่อนร่วมห้อง
“ไอ้เวรเอ๊ย อย่างน้อยเรื่องโจ๊กของชั้นก็ดีกว่าของนายแล้วกัน ของนายน่ะมันมุกเก่ากึ๊กจะตายไป!” จุนโนะพูดปกป้องตนเองเมื่อพวกเขาทั้งสี่ต่างก็พากันเดินกลับเข้าไปยังส่วนที่พวกเขาอยู่
Continue chapter 33
มาต่อแล้วค้า ตอนนี้รู้สึกจะเศร้าไม่หายเลยเนาะ
สงสารน้อง โฮกกกกเลย พี่จินฟื้นเร็วๆน้า
แต่เรื่องทุกอย่างคลี่คลายแล้วซะที ช่วงนี้พวก TTUN เด่น
แต่แอบหยองคู่พี่คิกะพี่ยู กั๊กกกกกกกกกก แปลไปก็แบบเฮ้อออ 55555 +
ตอนหน้าจะเป็นยังไงจะมาต่อให้เร็วที่สุดนะคะ
ขอบคุณทุกคอมเมนส์นะค้า ขอบคุณมากๆๆเลย
ปล ตอนนี้แอบโลภอยากแปลอีกเรื่อง กั๊กกก แค่นี้ยังช้าไม่พออีกเหรองายยยยย