In His care 28 continue

Sep 15, 2008 23:05



จินรับรู้ได้ถึงรอยยิ้มของเพื่อนร่วมแก๊งที่ส่งตรงมาให้แทบจะทันที แล้วรู้ดีว่ายามะพี มัสสุโมโตะ เรียว แล้วเหล่าผองเพื่อนคนอื่นๆก็กำลังทำแบบเดียวกัน ..ยกเว้นก็แต่จิมมี่ แม๊กกี้ ผู้ซึ่งไม่หวังอื่นใดมากไปกว่าการที่จะได้เขวี้ยงก้อนข้าวปั้นใส่ร่างบางอีกสักครั้งสองครั้ง

เมื่อได้เห็นบรรดานักโทษคนอื่นๆ ไม่มายุ่งเกี่ยวอะไรกับเขาแล้ว...คาเมะก็ได้แต่เหลียวมองรอบตัวอย่างุนงง พวกเขาเหล่านั้นต่างก็พากันหันไปจัดการอาหารที่หลงเหลืออยู่ในจานและพยายามเลี่ยงที่จะมองมายังคนตัวเล็ก

ร่างบางคงต้องหาเวลาเหมาะๆวันอื่นเพื่อที่จะพูดเปิดอกกับจิน

คาเมะค่อยๆสั่งให้เท้าที่กำลังสั่นนิดๆเคลื่อนที่ออกไปอย่างช้าๆ แต่ก่อนที่จะหันหลังแล้วเดินออกไปนั้น เสียงของจินก็ร้องเรียกตามหลังจนทำให้หัวใจของคนตัวเล็กเต้นเสียงดังจนเกือบทะลุถึงคอหอย

“เดี๋ยวก่อน” เสียงที่ร้องสั่งทำให้ร่างบางต้องค่อยๆหันกลับมาเผชิญหน้ากับร่างสูงที่ยังคงนั่งรวมกับเพื่อนในแก๊งพร้อมด้วยเคย์ตะที่ยังนั่งอยู่ข้างกาย เพียงแต่ครั้งนี้สองแขนของจินไม่ได้โอบอีกฝ่ายแต่อย่างไร “อย่าเพิ่งไปไหนไกล ชั้นยังมีเรื่องต้องคุยกับนาย”

เป็นครั้งแรกนับจากวันที่ร่างบางถูกโยนออกมาจากห้องเลยก็ว่าได้ที่จินอยากจะพูดกับเขา คาเมะเหลือบมองอีกฝ่ายอยู่แวบเดียว ตอนนี้ร่างกายของเขาเลอะไปด้วยเศษข้าว ..ดูสกปรกมอมแมมยิ่งนัก

“นายไปล้างเนื้อล้างตัวก่อนก็ได้ แต่ชั้นอยากจะเจอนายทันทีหลังจากที่ชั้นกินข้าวเสร็จแล้ว” น้ำเสียงที่บอกเหมือนจะไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายปฏิเสธได้เลย คาเมะจึงได้แต่พยักหน้ารับจนแทบจะโค้งก้มเลยทีเดียว

เมื่อร่างบางเดินอย่างเร่งรีบหายลับเข้าไปยังฝั่งเหนือ จินจึงหันเหความสนใจทั้งหมดมายังจานข้าวที่วางอยู่ตรงหน้า

“ชั้นภูมิใจในตัวนายมากนะจิน” อุเอดะพูดทำลายความเงียบที่จินเป็นผู้ก่อขึ้นมาโดยรอบบริเวณโต๊ะอาหาร หัวหน้าแก๊งจ้องเพื่อนร่วมแก๊งด้วยท่าทีเกรี้ยวกราด รู้สึกได้เลยล่ะว่าต้องมีความหมายแฝงในคำพูดนั้นแน่ “ชั้นภูมิใจจริงๆนะ นายเพิ่งปล่อยคาเมะจังไป มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำเลยในเมื่อทุกคนก็หวังจะให้นายยกนิ้วโป้งลง”

“เขาไม่ได้ทำอะไรผิดนี่นา ทัตจัง” จินพูดพึมพำ ก่อนจะยกข้าวปั้นป้อนเข้าปาก

“จิน พวกรุ่นพี่กำลังมองอยู่นะ แต่นายก็ยังเลือกที่ช่วยคาเมะจัง น่าชื่นชมมาก” ยูอิจิพูดชมเชยแต่ด้วยน้ำเสียงหวานแหววที่เปล่งออกมานั้นทำให้จินจ้องมองอีกฝ่ายอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ โคคิเองก็พยักเพยิกหน้าพึมพำวลีที่ว่า “เป็นครั้งแรกสำหรับนายเลยนะนี่”

จินก็ได้แต่หวังว่าเขาจะมองเรื่องนี้ว่ามันเป็นแค่เรื่องง่ายๆได้เหมือนที่เพื่อนร่วมแก๊งคิด แต่เขาก็ไม่แน่ใจว่าเขาได้ช่วยคนตัวเล็กจากการที่จะถูกพวกนักโทษรุมกลั่นแกล้งหรือว่าเขากำลังทำให้คนตัวเล็กอยู่ในอันตรายจากพวกรุ่นพี่มากขึ้นกันแน่

เมื่อได้ยกหัวขึ้นมองยังผู้ที่เดินเฉียดมายังโต๊ะพวกเขา อารมณ์ของชายหนุ่มก็เริ่มขุ่นมัวขึ้นมาทันที “อย่าโว๊ย! อย่าเริ่มเรื่องเชียว.....” จินคร่ำครวญ ยามะพีรีบแสยะยิ้มออกกว้าง ก่อนจะยอมฟังคำเพื่อนรักสักครั้งด้วยการเดินผ่านเลยโต๊ะไป จินถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่อย่างน้อยก็ไม่ต้องมาจัดการกับเรื่องของยามะพีในตอนนี้

อุเอดะโน้มตัวมาหาร่างสูงที่กำลังซุกซบหัวลงไปกับโต๊ะทานข้าว หรือแทบจะเรียกได้ว่าแทบจะเอาหน้าจมอยู่กับอาหารในจาน

“นายรู้ไหมว่า มันไม่เป็นไรหรอกน้าที่จะตกหลุมรักเด็กของนายเอง...” อุเอดะบ่นพึมพำใส่จิน “แล้วมันก็ไม่สายเกินไปที่จะบอกเขาด้วย”

จินยังไม่ยอมเงบหน้าขึ้นมองสบตาอีกฝ่าย ถ้าเขาปิดเปลือกตาให้แน่นสนิทเสียแล้วล่ะก็...โลกที่อยู่ล้อมรอบตัวในขณะนี้ก็อาจจะหายวับไปสักนาทีสองนาทีก็ยังดี

~*~*~*~*

สิบห้านาทีต่อมา...ชายหนุ่มทุกคนในแก๊งก็พากันเดินลัดเลาะกลับเข้าไปยังฝั่งตะวันตก แต่ก่อนที่จะถึงยังจุดหมายก็พบร่างเล็กขาวบางที่เนื้อตัวดูสะอาดสะอ้านกำลังยืนอยู่หน้าห้องขังของจิน

สายตาของคนตัวเล็กจ้องมองยังพื้นที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่ไหวติง บรรยากาศที่รายรอบอดีตเพื่อนร่วมห้องก็ดูแปลกออกไปเสียด้วย ร่างสูงนึกคิดอยู่ในใจเมื่อได้เดินผ่านคนตัวเล็กเข้าไปข้างในห้องขัง คาเมะรอจนเมื่อสมาชิกทุกคนของแก๊งได้เดินเข้าไปจนครบถึงค่อยๆก้าวเท้าตามเข้าไปข้างใน สมาชิกทั้งสี่คนต่างก็มารวมตัวกันอยู่ที่เตียงล่างดังเดิมเหมือนครั้งสุดท้ายที่พวกเขาทั้งหกคนเผชิญหน้าพูดคุยกันอยู่ในฝั่งนี้เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา เห็นได้อย่างชัดว่าสมาชิกที่เหลือต่างก็ปล่อยให้หัวหน้าแก๊งเป็นคนดำเนินเรื่องในวันนี้เองด้วย

“นายไม่เป็นไรนะ” จินถามแต่คาเมะก็เลี่ยงที่จะสบตา

“ชั้นไม่ได้ทรยศนาย” คนตัวเล็กตอบคำนี้ขึ้นมาแทน ร่างสูงก็แอบอมยิ้มนิดๆ ซึ่งเขาก็นึกเดาได้เลยว่าคนตัวเล็กก็คงจะคิดตีความผิดๆไปเองว่านี่คือการยิ้มเยาะ

“นั่นไม่ใช่ที่ชั้นถามนะ” ร่างสูงค้าน คนตัวเล็กก็นิ่งงันอยู่ชั่วอึดใจ คาเมะไม่มีทีท่าดื้อรั้นเหมือนวันที่ได้พบกันครั้งสุดท้ายเลยสักนิด จินนึกสงสัยขึ้นมาทันทีว่าอากัปกิริยาของคาเมะในตอนนี้มันเป็นผลต่อเนื่องมาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงอาหารเมื่อเช้านี้.. หรือจะมาจากการที่วันนั้นเขาได้เข้าไปข่มขู่คนตัวเล็กให้อยู่ห่างๆ กันแน่

ร่างบางสังเกตสังกาคนตรงหน้าอย่างงุนงง แต่ก็ยังตั้งป้อมกันตัวอยู่นิดๆ “ใบแดงคืออะไรเหรอ?”

จินตัดสินใจที่จะไม่ถามคำถามที่ได้เอ่ยออกไปก่อนหน้านี้อีกแล้ว เพราะเหมือนว่าอีกฝ่ายคงจะไม่ตอบคำใดออกมาแน่ๆ อีกอย่างคาเมะก็จะต้องนึกสงสัยเป็นแน่ถ้าเขายังวนเวียนถามย้ำอยู่อย่างนั้นจนกว่าจะได้ยินคำว่า ‘ใช่ ชั้นสบายดี’ หรือไม่ก็ ‘ไม่ ชั้นไม่ค่อยสบาย’จากอีกฝ่าย เพราะอย่างไรเสียเขาก็ต้องแกล้งทำคล้ายกับว่าไม่สนใจไยดี..แต่มันก็ยากที่จะทำยิ่งนักในเมื่อเขาก็ได้เห็นแล้วว่าการเผชิญหน้าครั้งล่าสุดของพวกเขาทั้งสองได้ส่งผลกระทบโดยตรงกับอดีตเด็กของเล่นคนนี้มากเพียงไร ...เขายิ่งนึกห่วงไปอีกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนเช้าของวันนี้จะส่งผลกระทบกับคาเมะในรูปแบบใด ทุกวินาทีที่ผ่านพ้นไปมากเท่าไหร่...ส่วนลึกๆในใจของเขาก็อยากที่จะทำตามคำเตือนของโคคิและบรรดาพ้องเพื่อนที่ให้บอกทุกอย่างกับคาเมะเสีย

“ใบแดงก็คือสิ่งที่มัสสุโมโตะและพวกอาราชิใช้เป็นบทลงโทษตอนที่อยู่ ม ปลาย เมื่อตอนที่พวกเขาเข้ามาที่นี่ใหม่ๆ พวกรุ่นพี่ยังคงคุมคุกนี้อยู่ พวกอาราชิคอยช่วยดูแลพวกรุ่นน้องอยู่เสมอแต่ก็ไม่มีใครให้เครดิตพวกเขามากนัก เพราะเหตุนี้เองมัสสุโมโตะก็เลยเอาแผนเก่ามาใช้ หมอนั่นจะเอาแผ่นกระดาษสีแดงไปแขวนไว้ที่หน้าเตียงหรือไม่ก็หน้าห้องขังของเป้าหมาย หรือไม่งั้น หมอนั่นก็จะพูดประกาศใบแดงใส่คนๆนั้นต่อหน้าทุกคนในห้องขัง นักโทษคนที่ตกเป็นเป้าหมายจะถูกทุกคนรุมกลั่นแกล้ง บางทีก็มีพวกผู้คุมมาร่วมเล่นด้วยอีกต่างหาก” จินอธิบาย ดวงตาของคาเมะก็เบิกกว้างเมื่อได้ยิน “พวกรุ่นพี่ไม่สนหรอกว่าหมอนั่นจะเอาอะไรมาใช้ในคุกนี้ ตราบใดที่มันไม่เกี่ยวพันถึงพรรคพวกของพวกเขา พวกเขาไม่สนหรอกว่าใครจะถูกแกล้งยังไง”

คาเมะเหมือนจะออกอาการพูดไม่ออก แต่จินก็โล่งอกที่อย่างน้อยก็ยังได้รับอาการสนองตอบจากคนตัวเล็ก ช่วงเวลานั้นเองที่เขานึกกลัวเหลือเกินว่าคาเมะจะเริ่มกลับไปเป็นคนเดิมเหมือนเมื่อตอนที่พวกเขาเริ่มมีความสัมพันธ์กันใหม่ๆ .....ในตอนนั้นคาเมะได้ออกอาการขัดขืนเขาอย่างเห็นได้ชัด ต่อจากนั้นไม่นานอีกฝ่ายจึงเริ่มยอมให้เขาพร้อมกับเริ่มเชื่อฟังคำสั่ง แต่ก็แทบจะปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอกเสียเลยทีเดียว เขาไม่อยากให้คาเมะกลับไปเป็นเช่นนั้นอีกแล้ว...ในตอนนั้นเองที่จินไม่อยากให้เด็กหนุ่มคนที่นอนอยู่ใต้ร่างเขาต้องอยู่อย่างไร้ชีวิตชีวา เขาอยากจะเห็นอาการสนองตอบและสีหน้าอารมณ์ที่อีกฝ่ายจะแสดงออกมา..เขาจึงเริ่มต้นเค้นอารมณ์ให้ออกมาจากร่างบาง... แล้วผลที่ได้รับก็คือ..คาเมะเริ่มชอบที่จะมีเซ็กส์กับเขา ไม่ใช่แค่การมีความสุขทางด้านร่างกายเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึงการเปิดใจไม่ต่อต้านมันอีกด้วย สุดท้ายแล้ว...คาเมะก็คงเฝ้าหว่านล้อมใจตัวเองให้ชอบเขาด้วย... มันไม่ใช่ความจริง ..ความรู้สึกที่อีกฝ่ายมีให้เขาก็คงจะไม่ใช่ความรู้สึกจากใจจริงเช่นกัน

“มันก็นานมากแล้วนะที่เทคนิคนั้นไม่ได้ถูกนำมาใช้อีก นับเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่มันเกิดขึ้นในตอนที่ชั้นอยู่ที่นี่” จินยังคงพูดต่อพลางจ้องกลับไปที่คาเมะอีกครั้ง “ถ้าตอนนั้นชั้นยกนิ้วโป้งลงแล้วล่ะก็ พวกนักโทษทั้งหมดก็จะเข้าจู่โจมนายทันที การที่ชั้นยกนิ้วโป้งขึ้นก็หมายความว่าชั้นช่วยนายเอาไว้ด้วยการบอกให้พวกนั้นปล่อยนายไปยังไงล่ะ”

ร่างบางก้มมองต่ำไปที่พื้น เลี่ยงที่จะสบตากับเขาอีกต่อไป ..จินก็รู้สึกผิดหวังยิ่งนักเพราะปกติในช่วงเวลาอย่างนี้แล้ว คาเมะจะต้องถามออกมาว่า แล้วทำไมนายไม่คว่ำนิ้วโป้งลงล่ะ หรือไม่ก็กล่าวขอบคุณที่เขาไม่ทำเช่นนั้น แต่คนตัวเล็กกลับเอาแต่นิ่งเงียบ

“พอทักกี้และซึบาสะเข้ามาในคุกอีกครั้งเทคนิคนั้นก็ถูกยกเลิกไป” จินพูดเสริมก่อนจะเดินหน้าเข้าไปหาเด็กหนุ่มผู้ซึ่งยังปักหลักยืนอยู่อย่างไม่ยอมขยับตัวออกห่างแม้เมื่อจินได้มาหยุดอยู่ตรงหน้าแล้วก็ตาม “ถึงจะมีเทคนิคอื่นที่ดูจะโหดร้ายมากกว่าได้ถูกเอามาใช้กันอยู่ในคุกนี้ก็เถอะ แต่เทคนิคอันนี้ก็ดูจะน่ากลัวมากจนฝังติดในหัวของนักโทษคนที่ได้อยู่ที่นั่นในเวลานั้น มันจึงได้กลายเป็นเรื่องเล่าที่เป็นตำนานเล่าสืบต่อกันมารุ่นแล้วรุ่นเล่า”

ร่างบางพยักหน้ารับนิดๆ จินจึงได้ยกมือหนาขึ้นแทรกเข้าไปในกลุ่มปอยผมสีทองสว่างตา “ถ้าชั้นไม่ช่วยนายเอาไว้ วันนี้นายก็คงไม่สามารถกลับไปได้ถึงฝั่งเหนือแน่” ร่างสูงพูดพึมพำพลางเกลี่ยเศษข้าวให้หลุดออกจากกลุ่มผมนุ่มสลวยของคนตัวเล็ก ..เป็นเศษข้าวที่อีกฝ่ายคงจะเกลี่ยออกไปไม่หมดในตอนที่ทำความสะอาดร่างกายเป็นแน่

“แล้วทำไมนายถึงมาช่วยชั้นไว้ล่ะ?” สุดท้ายคาเมะก็ถามออกมาเสียงเบาคล้ายเสียงกระซิบ แต่ก็ดังมากพอที่จินจะได้ยินแล้วเรียกอีกหนึ่งรอยยิ้มจากร่างสูงได้ “ชั้นรู้สึกยินดีในความเมตตาที่นายมีให้ แต่ชั้นก็ไม่คิดว่านายจะเข้ามากั้นกลางในเรื่องแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว”

“นายไม่คิดเหรอ?” พยายามข่มน้ำเสียงให้ฟังดูจริงจัง ร่างบางส่ายหัวนิดๆ ทำให้มือหนาที่คอยเกลี่ยอยู่บนผมนุ่มต้องคลาดจากเม็ดข้าวเม็ดเล็กๆที่พบซุกซ่อนอยู่ในกลุ่มผมสีอ่อนนั้น “ชั้นไม่มีหลักฐานอะไรมาค้านนาย ชั้นไม่รู้หรอกว่านายจะไปนัดหมายกับมาสะจังเพื่อเล่าความลับของพวกเราให้หมอนั่นฟังแล้วค่อยทำตัวหายลับออกไปอย่างเป็นปริศนาหรือเปล่า..แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าชั้นจะปล่อยให้นายทำอย่างนั้นเสียหน่อยนี่น่า”

ร่างบางช้อนตาขึ้นสบกับคนตรงหน้า ร่อยรอยแห่งความหวาดกลัวแฝงอยู่ในเรียวตาสีน้ำตาลอ่อน...แววตาที่ทำให้ชายหนุ่มร่างสูงต้องพยายามอย่างยิ่งในการควบคุมน้ำเสียงที่เปล่งออกมา “ชั้นจะทำทุกวิถีทางให้นายเปิดปากพูด ถ้าอย่างนั้นชั้นขอแนะให้นายพูดออกมาซะ ถึงแม้ความจริงจะไม่ใช่สิ่งที่ชั้นอยากฟังก็เถอะ”

“นะ นายเชื่อว่าชั้นจะบอกความลับทุกอย่างกับเขาเหรอ?” คาเมะถามขึ้นมา

“นายไปพบกับมาสะมากี่ครั้งแล้ว?” จินเอ่ยถามออกมาตรงๆ ส่งผลให้คนตัวเล็กผงะแทบจะถอยหลัง

“ไม่เคยเลยสักครั้ง ชั้นไม่เคยไปพบเขา... จะมีก็แต่ครั้งนั้นครั้งเดียว..ตอนที่ชั้นมีเรื่องกับจิมมี่ แม๊กกี้แล้วถูกพาตัวไปที่ห้องทำงานของจอห์นนี่ แต่มันไม่ใช่ตอนที่ชั้นอยู่ในฝั่งเหนือแน่ ตั้งแต่ที่นายบอกมาว่าไม่อยากจะพบชั้นอีกแล้ว ชั้นก็ไม่เคยออกจากห้องอีกเลย สาบานได้ ถ้าไม่เชื่อก็ลองถามกัคคุโตะดูสิ” ร่างบางรีบร้อนตอบ

“ถ้าอย่างนั้นทำไมมาสะต้องบอกให้นายไปพบด้วย” จินยังป้อนคำถามต่อ ในครั้งนี้คาเมะก็ต้องถอยหลังออกไปจริงๆ

“ชั้นไม่รู้-“

“มาสะไม่ยอมมาที่นี่ให้เสียเที่ยวหรอก หมอนั่นแทบจะไม่มาเหยียบคุกนี้เลยด้วยซ้ำ นอกเสียจากว่าจะมีเรื่องจำเป็นจริงๆ ปกติแล้วถ้าพวกนักโทษมีเรื่องอะไรที่อยากบอกหมอนั่น พวกเขาก็จะติดต่อไปเองไม่ใช่ในทางกลับกันแบบนี้ หมอนั่นรู้ตัวดีว่ามีศัตรูอยู่ที่นี่มากมาย ถ้าไม่มีเหตุสำคัญแล้วล่ะก็มาสะไม่ยอมมาเหยียบถิ่นเราหรอก” จินพูดเน้น

“ชั้นไม่รู้จริงๆ ตั้งแต่ครั้นนั้นชั้นก็ไม่ได้ยินข่าวอะไรจากเขาเลย ชั้นไม่เคยไปนัดหมายอะไรกับมาสะแล้วชั้นก็ไม่คิดจะพูดเรื่องนั้นกับคนอื่นๆด้วย” คาเมะค้าน..ก่อนจะพูดเสริมอย่างอับอายนิดๆ “แล้วที่สำคัญ ชะ..ชั้นไม่รู้ว่าจะติดต่อเขาได้อย่างไรด้วยซ้ำ...ติดต่อผ่านผู้คุมน่ะเหรอ? ผู้คุมตั้งกว่าครึ่งของที่นี่ก็เป็นพวกของนายนี่ แล้วผู้คุมคนเดียวที่ไปถึงฝั่งเหนือได้..ชั้นก็รู้เลยว่าเขาคงไม่ยอมให้ชั้นเจอกับมาสะแน่ แล้วถ้าชั้นพยายามแม้แต่จะเอ่ยเรื่องแบบนั้นออกมาล่ะก็..เขาคงรีบเข้าไปถือหางนายแน่”

ในครั้งนี้เขาได้ทำอะไรลงไปล่ะเนี่ย? ขนาดว่านอนนิ่งเฉยไม่ไหวติงอยู่เป็นวันเป็นคืนที่ฝั่งเหนือก็ยังไปมีเรื่องได้งั้นเหรอเนี่ย?

จินไม่ยอมให้ร่างบางเลี่ยงที่จะสบตากับเขาออกไปได้ง่ายๆ คาเมะถอยร่นออกมาเรื่อยๆ ..เพียงไม่นานแผ่นหลังบางก็สัมผัสได้ถึงผนังห้องที่เบียดเสียดอยู่ด้านหลัง ส่วนจินเองก็ยืนคร่อมอยู่ไม่ห่างมากนัก เขาจะทำอย่างไรเพื่อให้ทุกคนในแก๊งเข้าใจได้ว่าเขายอมที่จะถูกจำคุกต่อไปในนี้อีกสองปีมากกว่าที่จะถูกปล่อยตัวออกไปสี่เดือนก่อนเวลาเพราะเรื่องแบบนั้น

ร่างบางข่มลมหายใจจนแทบจะตีบตื้ออยู่ภายในหลอดลมเมื่อรับรู้ว่าอีกฝ่ายได้วางมือหนาลงบนศีรษะเล็กของเขา ..เขาไม่ควรจะออกจากห้องในตอนเช้านี้เลย ส่วนหนึ่งลึกๆในใจก็นึกอยากโทษมิยาบิที่เป็นฝ่ายมาปลุกกระตุ้นความรั้นที่อยู่ภายในตัว..ความสงสัยใคร่รู้ที่อยากจะรู้ลึกถึงเรื่องราวทุกอย่าง ..แต่อีกด้านหนึ่งก็อยากจะหยุดเรื่องราวทุกอย่างไปเสีย เพราะเขาได้ประจักษ์แก่ใจแล้วว่าจินยอมที่จะผลักเขาไปให้ห่างมากกว่าที่จะยอมให้เขารู้ถึงตื้นลึกหนาบางในเรื่องนี้เสียอีก

“ชั้น ชั้นสาบาน ชั้นไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆนะ” คาเมะตัดสินใจที่จะพูดออกมาเมื่อเห็นจินไม่ยอมตอบอะไรออกมาสักคำ..อีกฝ่ายยังคงจ้องมองมาเหมือนจะรู้ว่าต้องทำอย่างไรถึงจะทำให้เขาพูดออกมาได้โดยที่จินไม่ต้องเอื้อนเอ่ยคำใด....แต่จะว่ากันตามตรง..จินก็รู้วิธีทำให้เขาพูดออกมาได้จริงๆเสียด้วย “นะ นายจะทำอะไรกับชั้นก็ได้ แต่ชั้นก็ไม่รู้จะอธิบายให้นายฟังได้ยังไงว่ามาสะมาทำอะไรที่นี่แล้วทำไมเขาถึงอยากพบชั้น”

ร่างบางนึกหวังว่าจินจะพูดอะไรออกมาบ้างสักคำ คาเมะเดาท่าทีลักษณะนี้ของจินไม่ออกเลยสักนิด เขาคิดถึงช่วงเวลาที่เขาสามารถจะเอ่ยชื่อของจินออกมาได้ยิ่งนัก ...เอ่ยชื่อแรกของจิน.... หลังจากนั้นร่างสูงก็จะใช้สองแขนขึ้นมาโอบรอบตัวเขาเพื่อให้เขารู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย หลังจากนั้นจินก็จะบอกกับเขาว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเรียบร้อยดี ไม่มีอะไรให้ต้องห่วง แต่ทว่าในตอนนี้เขาไม่ได้รับการดูแลพิเศษแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว....ถ้าเขาเข้าใกล้ไปเพียงนิด อีกฝ่ายก็จะรีบผลักเขาออกไปให้ห่างเป็นแน่...

“เขาพูดความจริงนะจิน” ร่างบางผงกหัวขึ้นมองไปยังประตูห้องขังที่เปิดอ้า ณ ที่ ตรงนั้นยามะพียืนส่งยิ้มพลางพยักหน้าเป็นการทักทาย..นับเป็นครั้งแรกในชีวิตก็ว่าได้ที่คาเมะอยากจะวิ่งเข้าไปกอดหัวหน้าแก๊งนิวส์ ..เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่ายามะพีจะทำอะไรสักอย่างเพื่อช่วยเขาจริงๆ!

“ชั้นรู้” จินตอบกลับ คาเมะหันไปมองจินด้วยความแปลกใจ...แต่อีกฝ่ายก็ยังคงจ้องเพื่อนรักอย่างไม่วางตา “แล้วนายมาที่นี่ต้องการอะไรกันแน่?”

“ชั้นมาที่นี่ก็เพื่อจะมาทรมานคาเมะจังน่ะสิ” ยามะพีกล่าว เมื่อได้ยินคำนั้นคาเมะก็รีบหลบไปอีกฝั่งโดยสัญชาติญาณ นั่นก็คือเข้าไปหาจินน่ะเอง ร่างบางรู้อยู่แล้วล่ะว่าต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างที่ทำเขาให้เกลียดคนๆนี้! หัวหน้าแก๊งนิวส์แสยะยิ้มออกกว้างเมื่อได้ย่างเท้าเข้ามาภายในแล้วตรงดิ่งเข้ามาหาพวกเขา คนตัวเล็กพยายามขยับเข้าใกล้จินทีละนิดๆอย่างไม่ให้อีกฝ่ายได้รู้ตัว...อย่างไรเสียอยู่ใกล้จินก็ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยอยู่ดี

จินจะหมดความเมตตาสงสารที่มีต่อเขาในเช้าของวันนี้ไปแล้วหรือยัง? หรือว่าในครั้งนี้จินจะเป็นคนที่ลงไม้ลงมือทำอะไรที่โหดร้ายป่าเถื่อนกับเขาเสียเอง?

คาเมะรู้สึกได้ถึงเสียงเต้นของหัวใจที่ดังปะทุอยู่ภายในอกเมื่อยามะพีมาหยุดยืนอยู่ข้างจิน ก่อนจะพาตัวมายืนคร่อมเหนือร่างบาง แขนข้างหนึ่งก็วางบนไหล่กว้างของจิน

“ว่าไงล่ะ เราจะทำยังไงกับเขาดีฮึ?” ยามะพีส่งเสียงหัวเราะคิกคัก ก่อนที่จะถูกจินถองศอกใส่สีข้างไปหนึ่งที

“พอแล้ว นี่ไม่ใช่เกมนะ” จินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “มาสะจังขยับตัวต่อต้านเราแล้ว เราน่าจะมาช่วยกันคิดหาวิธีว่าจะจู่โจมกลับไปแบบไหนมากกว่า"

“อืมมม ถ้ายังงั้นข่าวลือที่ว่าคาเมะจังถูกคนอื่นมาแทนที่ก็ได้ลอยไปเข้าหูมาสะจังแล้วสิเนี่ย?” ยามะพีบ่นพึมพำ “มาสะจังคงคิดว่าได้โอกาสทองของชีวิตที่จะมาซักถามเด็กของเล่นคนนี้ ก็เลยติดต่อคาเมะจังด้วยตัวเองเสียเลย...หมอนั่นไม่เคยทำแบบนี้บ่อยนักหรอก”

“ก็ไม่เคยทำน่ะสิ แต่ก็อย่างว่าล่ะ..ไม่มีเด็กของเล่นคนไหนที่จะรู้มากเท่ากับที่คาเมะจังรู้นี่น่า” โคคิพูดเสริมลอยมาจากเตียงที่อยู่ข้างๆสองหัวหน้าแก๊ง จากคำพูดที่ได้ยินนี้เสมือนได้ปลุกอีกหนึ่งความเป็นไปได้ที่ร่างบางไม่เคยได้ตระหนักมาก่อน เหตุผลที่เขาถูกเก็บตัวไว้ในฝั่งเหนือ ไม่ยอมให้ได้ออกมาข้างนอกเลยก็เพราะมาสะเป็นต้นเหตุหรือเปล่า? พวกคนในแก๊งคงไม่อยากเสี่ยงให้คาเมะแอบไปหามาสะ....หรือไม่อยากให้มาสะติดต่อเขาได้สำเร็จจึงได้นำตัวเขาไปอยู่กับชายหนุ่มคนที่มาสะไม่อยากเจอมากที่สุด?

ถ้าเป็นเพราะเหตุนั้นแล้วล่ะก็..จินก็ไม่ได้นำเขาไปไว้ยังที่ๆไม่มีใครสามารถแตะต้องทำอะไรเขาได้เพราะเกิดนึกห่วงใยในตัวเขาน่ะสิ... แต่ทำไมตลอดเวลาที่เขาเข้ามาหา จินถึงต้องคอยทำร้ายเขาด้วยล่ะ? จะว่ากันตามจริงแล้ว จินต้องทำให้เขาอยู่ข้างเดียวกับจิน เพื่อป้องกันไม่ให้เขาจะคิดล้างแค้นจินไม่ใช่เหรอ? ..เขาไม่ควรจะสับสนมากไปกว่านี้แล้ว แต่จะว่าไปเขาก็ถนัดแต่เรื่องทำให้ตัวเองสับสนนี่น่า

“ถ้าอย่างนั้นเราจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร?” ยามะพีถามพลางพยักเพยิดหน้าไปทางร่างบาง “นายก็รู้ว่าเขาเป็นภัยกับพวกเรา แล้วที่สำคัญชั้นไม่อยากให้เขาไปเปิดเผยเรื่องที่เกี่ยวกับโทมะ....”

“มันจะไม่เกิดเรื่องแบบนั้นแน่” จินตอบ คาเมะได้แต่มองสองหัวหน้าแก๊งสลับไปมา..จินกับยามะพีคิดจะทำอะไรกับเขากันแน่?

“จะต้องให้ชั้นพูดซ้ำอีกกี่ครั้งพวกนายถึงจะเชื่อว่า ชั้นจะไม่พูดเรื่องความลับที่พวกนายเคยบอกชั้นออกไปแม้แต่คำเดียว?” ร่างบางกล้าที่จะถามออกมา หัวหน้าแก๊งทั้งสองคนก็เหลือบมองมาที่เขา

“ก็อย่างแรกเลยนะ นายไม่มีเครดิตอะไรในหมู่พวกเราเลย” ยามะพีตอบ คาเมะรับรู้ได้ถึงเม็ดเหงื่อที่เปียกชุมอยู่ทั่วมือบางเพราะความที่เขาจำต้องกำมือไว้แน่นเพื่อข่มตัวไม่ให้สั่นอยู่ภายใต้สายตาคมกริบของคนทั้งคู่ “อย่าหวังให้พวกชั้นเชื่อในคำพูดของนาย นายไปหาจินทั้งๆที่พวกเราสั่งไม่ให้นายไป”

คาเมะอยากที่จะเลี่ยงสบตากับสองหนุ่มตรงหน้ายิ่งนัก แต่เขาก็ไม่กล้าจะทำเช่นนั้น

“มะ..มันก็จริง แต่..ชั้นไม่ทำอะไรที่จะทำให้พวกนายต้องตกอยู่ในอันตรายแน่” คาเมะพูดเสริมอย่างระมัดระวัง ยามะพีเปิดยิ้มทั่วใบหน้า ชายหนุ่มจากฝั่งตะวันออกยกมือข้างที่ว่างอีกข้างหนึ่งเพื่อวางไปที่ข้างฝาข้างๆศีรษะเล็ก คนละด้านกับที่จินเอามือวางที่ข้างฝาไว้เช่นกัน...

“เพื่อตัวของนายเอง..ชั้นก็หวังว่านายจะไม่ทำเรื่องงี่เง่าพวกนั้นออกมา แต่ถึงอย่างไรพวกเราก็ต้องคอยจับตาดูนายอย่างใกล้ชิด” ชายหนุ่มจากแก๊งนิวส์พูดขึ้น “เอาล่ะร้องออกมาได้แล้ว”

“อะ อะไรนะ?” คาเมะถามก่อนจะผงะนิดๆ

“กรีดร้องออกมาสิ” จินทวนคำ ร่างบางก็มองจินเป็นลำดับต่อไป

“อ่ะ ทำไมล่ะ?” คนตัวเล็กจำเป็นต้องถาม จากนั้นมือแกร่งของหัวหน้าแก๊งทั้งสองคนก็ได้ตรงเข้าฉุดคอเสื้อของเขาขึ้นจนต้องเผลอร้องอุทานออกมา...

“ร้องให้ดังเหมือนเมื่อครั้งที่นายไปห้องชั้น” ยามะพีพูดต่ออย่างไม่คิดจะตอบคำถามใดๆทั้งสิ้น

“แต่-“ คาเมะเริ่มเรื่องแต่จินก็ขัดขึ้นเสียก่อน

“ไม่มีแต่..แค่ทำตามที่พวกชั้นสั่งก็พอ” อดีตเพื่อนร่วมห้องพูดค้าน...ไม่ใช่ว่าเขาอยากที่จะขัดคำสั่งจริงๆหรอกนะ แต่มันดูงี่เง่าไปหน่อยที่จู่ๆจะให้เริ่มแหกปากร้องเสียงดัง...ให้เหมือนกับว่าตัวเขากำลังกรีดร้องออกมาจริงๆ ไม่ใช่ใครที่ไหนสั่งให้ทำ เขาไม่เชื่อว่าน้ำเสียงของเขาจะไม่ทรยศตัวเขาเองด้วยการทำเช่นนั้นออกมาได้...แล้วถ้าเป็นแบบนั้นมันก็ยิ่งทำให้สองหัวหน้าแก๊งโกรธมากกว่าเดิม

“เดี๋ยวก่อน ชั้นรู้แล้วว่าทำยังไงถึงจะได้ผล..” ยามะพีกล่าวพลางผละมือออกจากคอเสื้อของร่างบาง แล้วปล่อยให้จินเป็นคนจับคอเสื้อขึ้นแต่เพียงผู้เดียว ส่วนมืออีกข้างของยามะพีก็หันไปจับเรียวมือข้างซ้ายของคนตัวเล็กขึ้นมาแทน ดวงตารีเล็กของคาเมะเบิกกว้างเมื่อรู้ว่ายามะพีพยายามเอื้อมมือไปจับแหวนที่สวมติดอยู่ที่นิ้วของเขาอยู่นั่นเอง

“ชั้นก็แค่จะเอาไอ้จิวเวอร์รี่ปลอมอันนี้ไปหลอมทำเป็นลูกกระสุนแล้วเอามายิงพวกผู้คุมซะเลย....” ยามะพีพูดล้อเลียน พยายามถอดแหวนที่อยู่บนนิ้วก้อยของคาเมะออกมาให้ได้

“อย่า หยุดนะ!!” ร่างบางมีปฏิกิริยาโต้ตอบอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพยายามดึงมือให้ออกห่างเพราะไม่มีวิธีอื่นใดที่จะขัดขืนได้

“มันไม่ใช่ของปลอมสักหน่อย” จินบอกหัวหน้าของอีกแก๊ง “เกรย์ทำให้เชียวนะ”

“เกรย์ทำจิวเวอร์รี่ปลอมนายก็รู้" ยามะพีพูดชี้แจง

“ก็ใช่ แต่อันนี้ไม่ใช่ของปลอม..” จินรีบบอก “พวกเขาพูดออกมาเองว่ามันไม่ใช่ของปลอม”

ยามะพีได้แต่เกลือกตาอยู่ไปมาไม่คิดที่จะโต้ตอบอื่นใด เสมือนบอกให้อีกฝ่ายรู้อย่างแจ่มแจ้งว่าตัวเขานั้นเชื่อไปสนิทใจแล้วล่ะว่ามันเป็นของปลอม

จินหรี่ตาลงนิดๆ “ไม่ปลอมโว้ย” ร่างสูงยังบ่นพึมพำ

“เอาล่ะถ้าอย่างนั้นล่ะก็ ชั้นก็จะเอาแหวนของ พวกนายไปทำลูกกระสุนสีเงินกับลูกกระสุนสีทองซะเลย” ยามะพีตอบ รู้ดีว่าไม่ควรจะไปโต้เถียงใดๆกับเพื่อนรักในเรื่องที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไรเลยสักนิด จะเป็นแหวนปลอมหรือไม่ปลอม...แหวนวงนี้ก็คือโลกทั้งใบของคาเมะ แล้วก็เป็นโลกทั้งใบของจินด้วย..ถึงอีกฝ่ายจะทำปากแข็งไม่ยอมรับมันออกมาก็เถอะ “ชั้นจะได้เอาไปยิงมนุษย์หมาป่าแล้วก็ผู้คุมซะ”

“ที่นายพูดออกมาว่าแหวนของพวกนายน่ะ....นายหมายความว่าอย่างไงฮึ ?” จินอยากที่จะรู้

“ก็แหวนของนายมันสีเงินใช่ไหมล่ะ?” ยามะพีตอบด้วยรอยยิ้มยียวน ก่อนจะเหลือบตามองลงไปยังเสื้อด้านหน้าของจิน แล้วเหลือบตาขึ้นไปมองสบตากับหัวหน้าแก๊ง AT-TUN อีกครั้ง “ถึงนายจะโยนมันทิ้งไปแล้วในเช้าวันนั้น แต่ชั้นก็พอจะเดาได้ว่าจะไปหาแหวนสีเงินนั่นได้จากที่ไหน”

จินจำต้องกัดฟันกรอดๆ ยามะพีผู้เหมือนจะเพิ่งได้รับชัยชนะไปหมาดๆก็รีบหันเหความสนใจกลับมาที่คนตัวเล็กคนที่พวกเขาต้องร่วมมือกันทรมาน ไม่ใช่หันมาทรมานกันเองแบบนี้

แรงบีบแน่นที่บีบอยู่บนมือบางนั้นทำให้คาเมะจำต้องปล่อยเสียงออกมา จากนั้นยามะพีจึงใช้มืออีกข้างวางทับบนจิวเวอร์รี่ชิ้นเล็กๆที่ส่องแสงประกายวูบวาบ “ชั้นจะเอาแหวนสีทองของนายไปหลอมเพื่อทำลูกกระสุนสีทองอันเล็กๆซะ ต่อจากนั้นก็เอาแหวนของจินไปหลอมด้วย..ก็ไอ้วงที่ทำมาจากของปลอมเหมือนๆกันนั่นแหล่ะ” หัวหน้าแก๊งจากฝั่งตะวันออกยังคงพูดต่อ ทำเฉยกับคำเตือนครั้งที่สองของจินที่เหมือนจะบอกว่า ‘มันไม่ปลอมสักหน่อย’...

“ไม่นะ ได้โปรดเถอะ อย่าเอาไปเลย” คาเมะพยายามร้องขอ

“ซินญอริต้า ชั้นเป็นหัวขโมยนะ นายจะไม่ได้เห็นมันอีกแล้ว จำแหวนอีกวงที่ชั้นมีได้ไหม?” ยามะพีตอบพลางใช้มือป้องไม่ให้คาเมะสามารถใช้นิ้วเรียวขึ้นมาปิดเหนือแหวนล้ำค่าวงนี้ได้

“อะ อันเดียวกับที่นายใส่อยู่ที่คอเหรอ?” ร่างบางถามขึ้นมา ..จากคำถามที่แสนซื่อนี้ทำให้จินต้องเปิดปากหัวเราะออกมาเสียงดัง เพราะร่างสูงรู้ดีว่าคาเมะกำลังพูดถึงอะไร..ในขณะที่คนตัวเล็กไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิดว่าพูดอะไรออกไป

สีหน้าของยามะพีแปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูในช่วงพริบตา “ไม่ใช่” ชายหนุ่มตอบ “อีกอันหนึ่ง แหวนที่ทุกๆคนอยากได้ไงล่ะ”

“นายจะไม่ได้ครองแหวนวงนั้นนานนักหรอก”จินเคลื่อนตัวออกนิดๆเมื่อยามะพีพยายามจะเหยียดนิ้วของคาเมะให้แบออกมา

“หยุดนะ! อย่านะ!” ร่างบางส่งเสียงร้องขึ้นมาอย่างสิ้นหวังท้อแท้เมื่อหัวหน้าแก๊งจากฝั่งตะวันออกยังแกล้งเขาอยู่อย่างไม่หยุด

“ดังกว่านี้อีก!” จินร้องสั่ง..ยามะพีจัดการถอดแหวนออกมาจากนิ้วเรียวได้เป็นผลสำเร็จ ก่อนที่จะทำขู่ด้วยการเอาใส่เข้าไปในนิ้วของตนเอง

“หยุดนะ! ได้โปรด! อย่าเอาแหวนนี้ไปจากชั้นเลย!” คาเมะไม่แน่ใจว่าที่เขากรีดร้องออกมาเสียงดังนั้นเป็นเพราะถูกสั่งให้ทำ หรือเพราะกลัวจิตใจด้านมืดที่มีอยู่ในตัวของยามะพี ที่ขู่ว่าจะถอดแหวนของเขาไปเก็บไว้กับตัวแล้วเอาไปทำลูกกระสุนเงินลูกกระสุนทองเพื่อใช้ยิงมนุษย์หมาป่ากับผู้คุมกันแน่ ...มันช่างเป็นโชคของเขาเสียจริง

“เห็นไหม วิธีของชั้นได้ผลดีชะมัดเลย...” ชายหนุ่มจากแก๊งนิวส์ส่งเสียงหัวเราะคิกคักให้เพื่อนรัก “เดี๋ยวคอยดูนี่นะ.....”

คาเมะบิดตัวหนีเมื่อมือข้างหนึ่งกำลังสอดเข้าไประหว่างเม็ดกระดุมสองเม็ด จนได้สัมผัสโดยตรงกับผิวเนื้อนวลเนียน ร่างบางแน่ใจอย่างแน่แท้ว่าไม่ใช่มือของจินแน่เพราะมือของร่างสูงนั้นกำลังจับตัวเขาให้ยืนอยู่ต่างหาก

“หยุดนะ! อย่าแตะต้องชั้น!"

“ชั้นชอบที่เขายังดูใสซื่อบริสุทธิ์ดีจริงๆ” ยามะพีเปิดปากหัวเราะร่าขณะที่คาเมะพยายามทำให้อีกฝ่ายหยุดการกระทำจวบจ้วงนั้นเสียที ด้านจินเองก็กัดฟันเอาไว้แน่น ถึงแม้ความคิดของยามะพีจะได้ผลเป็นอย่างดี แต่เขาก็ไม่ยอมที่จะยืนมองอยู่ตรงนี้แน่

หัวหน้าแก๊ง AT-TUN ปล่อยมือจากคาเมะแล้วหันไปคว้าข้อมือของยามะพีขึ้นมาทันที จัดการดึงมือที่กำลังรุกรานภายใต้ร่มผ้าของคนตัวเล็กให้ออกไปจากเสื้อบางเสีย “เก็บมือของนายไว้กับตัวซะ” จินพึมพำเสมือนเป็นคำเตือน

ร่างบางถอนใจด้วยความโล่งอกเมื่อถูกช่วยเอาไว้ ยามะพีจ้องจินก่อนจะออกอาการผิดหวังนิดๆ “อ่ะ แต่ไอ้บ้าจินเอ๊ย วิธีของชั้นมันได้ผลดีนะ~”

“รู้ลิมิตของนายบ้างสิ” จินคำรามเข้าใส่

“ก็ได้” ยามะพีจ้องกลับไป ก่อนจะหันไปคว้ายังคอเสื้อของร่างบางเพื่อรั้งตัวอีกฝ่ายขึ้นมาอีกครั้ง “งั้นนายก็ทำอะไรสักอย่างที่จะทำให้คาเมะส่งเสียงร้องออกมาเองก็แล้วกัน”

ร่างสูงนิ่งคิดอยู่เพียงชั่วครู่ “เอาล่ะ ก็ได้ ที่เหลือชั้นจะจัดการเอง แต่ไอ้การแสดงโชว์แบบนี้ไม่ใช่ของถนัดชั้นด้วยสิ ถ้างั้นทำไมนายไม่ย้ายก้นกลับไปที่ฝั่งนายล่ะ แล้วถ้าจะให้ดีเอาพวก TTUN ไปกับนายด้วยแล้วกัน?”

ใบหน้าของคาเมะแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มเมื่อตระหนักถึงความหมายในคำพูดของจิน ยามะพีก็ดูเหมือนอยากจะเอาหัวโขกไปกับผนังห้องที่ร่างบางได้ถูกขึงตัวไว้อยู่จริงๆ

continue here ยังไม่จบคะ อ่านต่อตรงนี้คะ
Previous post Next post
Up