[Fiction] Arashi : Ohmiya - Slide Slide Side :: Part 1 - 2

Sep 05, 2016 23:14




[*-Slide Slide Side-* ] OHMIYA
Author  MiracleHaya
Part 1-2
มันจะเป็นฟ้ารั่ว เทวดารดน้ำโลก หรือกดความกดอากาศ อะไรก็ช่าง!!! แต่อะไรคือความหมายของการที่ท่านคาซึนาริเดอะแชมป์เปี้ยนคนนี้ต้องมาติดแหงกอยู่ที่ร้านขายขนมปังกับพี่หน้ามึนคนนี้!!!!
“งืม....เมื่อไหร่ฝนจะหยุด” ปากก็บ่น คางก็เกยเข้าไปกับกระเป๋า ไม่วายกอดถุงขนมปังไว้ด้วย ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วพี่มืดแกดูหันมองฝนบ้างกลับมานั่งก้มหน้าบ้างแต่ไม่ยักกะหันมามองกันเลยแหะ...ไอ้เราก็อุตส่าห์ส่งสายตาเว้าวอน ช่วยเปิดประเด็นคุยทีเถอะขอร้อง มันอึดอัดเบาๆนะ หรือจริงๆแล้วเขาจะแอบไม่ชอบหน้าเราเพราะเราเต๊าะแม่เขาไว้เยอะวะ? ไม่น่าจะนะแถมขนมปังให้เยอะขนาดนี้น่าจะมีความรู้สึกเชิงบวกมากกว่า?
“เข้ามานั่งในในหน่อยสิ โดนละอองฝนเดี๋ยวเป็นหวัด” ไม่พูดเปล่า คนใจดีเดินเข้าไปเอาเก้าอี้มาให้นั่งหลังตู้กระจกขายขนมปัง พร้อมเดินไปลดบังเกอร์หน้าร้านให้ลดระดับลงมา เพื่อไม่ให้ละอองฝนสาดเข้ามาในร้านมากนัก ทั้งนี้นอกจากจะเพื่อป้องกันคนตัวเล็กแล้วยังป้องกันขนมปังด้วย
“อ่า ขอบใจนะ” เขายื่นไมตรีมา นิโนะมิยะก็ไม่ปฏิเสธอีกทั้งยินดีจะย้ายก้นไปนั่งตามคำเชิญไวไว เพราะจริงๆละอองฝนมันก็เย็นบาดผิวอยู่เหมือนกัน เป็นครั้งแรกที่นิโนะได้มีโอกาสเพ่งพินิจคุณพี่โอโนะคนนี้ให้ชัดๆ จะว่าไปก็หล่อนี่หว่า!!!
“นายนี่....หล่อนะ” คิดอะไรก็พูด นิโนะแค่คิดอย่างนั้นแต่...
เคร้ง!!
“ห๊ะ?!” คนถูกชมนี่สิ ทำเหล็กม้วนผ้าใบบังเกอร์หล่นเสียงดัง ตกใจอะไรหรือเมื่อกี้มีสาวเสื้อบางวิ่งผ่าน?  เห็นเขาหันกลับมามองหน้าเหรอหราเหมือนให้พูดอีกรอบ เอ้าพูดก็ได้ไม่กระทบถึงเงินในกระเป๋านิโนะมิยะเดอะแชมเปี้ยนผู้นี้ไม่ใช่คนงกอะไรอยู่แล้ว
“ป่าว..แค่บอกว่านายหล่อน่ะ” คนถูกชมรีบกันกลับไปลดบังเกอร์ต่อ ไม่สนใจอะไรอีกนั่นทำให้คนที่อุตส่าห์เอ่ยปากชมเบ้หน้า คนอะไรวะเล่นตัวจริง!
“เน่ๆ เป็นลูกชายร้านขายขนมปังเนี่ย ไม่มีขนมปังที่ชอบบ้างเหรอ?” พ่อค้าสุดหล่อของนิโนะเขาลดบังเกอร์เสร็จแล้วแต่ยังไม่ยอมหันมา นิโนะนับได้ประมาณ 6 วินาทีก่อนคำถามตัวเองจะได้รับการตอบรับเสียที
“เมล่อนน่ะ” อะไร...มันยากขนาดนั้นเลยอ่อ  คนอะไรอ่านยากชะมัดตกลงจะไม่ชอบหน้าเขาหรือแค่ไม่อยากคุยด้วย? หรืออยากไล่เค้าไปให้พ้นๆร้านก่อนแม่กลับกันแน่?  นิโนะมิยะชักสงสัยและความสงสัยมักไม่เคยจะเก็บได้มิดชิด ตาใสเอาแต่จ้อง จ้อง จ้อง จ้อง จ้องและจ้อง คุณพ่อค้า ถ้าส่งกระแสจิตเหล่าประโยคคำถามในใจได้ นิโนะทำแล้วจริงๆ
“ม..มีอะไร?” ดูเหมือนคลื่นความสงสัยจะส่งถึง อย่างน้อยคนถูกจ้องก็เงยหน้าจากนิตยสารตกปลาที่นั่งก้มหน้าอ่านอยู่ก็เงยหน้ามาสบตาเขาแว่บนึงแล้วถามกลับ ไม่รู้ว่าไอ้ที่เปิดอ่านนิตยสารนั่นจงใจจะหาที่วางสายตา หลบสายตาเขา หรืออ่านจริงๆกันแน่....
“ป่าว” เอาสิ! นิโนะไม่ชอบแพ้ ถ้าอีกคนคิดอะไรแล้วนิโนะไม่รู้ ทำไมนิโนะจะต้องให้รู้ล่ะว่านิโนะคิดอะไร! ไม่อย่างนั้นก็เหมือนตัวเองแพ้อยู่ร่ำไป แบบนี้นิโนะมิยะเดอะแชมป์เปี้ยนไม่โอเค!
เป็นอีกครั้งที่ความเงียบโรยตัวมาเงียบๆ มีแต่เพียงสายฝนกระหน่ำด้านนอก นี่มันนอกจากจะฝนหลงฤดูแล้วมันเรียกว่าพายุฤดูใบไม่ผลิรึไง!!! แบบนี้ซากุระก็ร่วงหมดน่ะสิ! แล้วเขาก็ไม่ได้เอาเสื้อคลุมมาด้วย อากาศมันเย็นกระทันแบบนี้ก็ชักจะไม่ไหวเหมือนกันนะ
“ฮัดชิ้ว!” โอ่ย...คาซึนาริเอ้ย...แทนที่จะได้กลับไปนอนกลิ้งบนฝูกเล่นวีที่หอพัก กลับต้องมาติดแหงกที่ร้านขนมปังเนี่ย! หางตาเหลือบไปเห็นคุณพ่อค้าท่านเดินหายกลับเข้าไปในร้านทิ้งไว้แต่ลูกค้าหน้าตาน่ารักตาใสๆ นั่งทนอากาศเย็นอยู่หน้าร้านต่อไป จะว่าไปกินขนมปังหน่อยดีกว่า...
ก่อนที่จะได้หยิบขนมปังขึ้นมากินอะไรสักอย่างอุ่นจนเกือบร้อนก็มาแต่ที่แก้มของคนตัวเล็กไวไว
“เห๊ะ?”
“ชาน่ะ...อากาศมันเย็น ดื่มอะไรอุ่นๆหน่อยแล้วกัน” โอโนะหายเข้าไปเอาชามาให้นี่เอง ของตัวเองก็มี  ก็ไม่ได้เฉื่อยชาเฉยเมยอย่างที่เห็น...อย่างน้อยก็สังเกตว่าอากาศมันเย็นและเขากำลังหนาว นิโนะรับชามาพูดขอบคุณเบาๆก่อนจะรีบซดเพิ่มอุณหภูมิให้ร่างกายเย็นๆของตัวเองทันที
“ฮ่า...ดีจัง ชาเนี่ย..ดีนะ” พยายามจะชวนอีกคนคุย แต่พ่อคนไม่ค่อยจ้อก็ทำเพียงช้อนตาจากนิตยสารขึ้นมา อือออในคอพยักหน้าพอเป็นพิธีรับรู้ จะพูดสักหน่อยนิโนะก็ไม่ล้อว่าปากมีกลิ่นหรอกนะ! รู้ไหมว่านิโนะไม่ชอบบรรยกาศเงียบๆน่ะ!

“..........................................มีแฟนยัง?”
“พรวดดดดด”
“เอ้า! สกปรกหมดแล้ว โอโนะคุง” เห็นอีกคนสำลักชา ไอดังค่อกๆ แค่กๆ นิโนะมิยะก็มีน้ำใจมากพอจะช่วยเดินไปหยิบทิชชู่ที่อยู่บนชั้นวางไม่ไกลให้มาช่วยเช็ด กว่าจะรู้ตัวอีกทีมือป้อมก็ไปบรรจงเช็ดแก้มให้อีกคนที่มองคนเช็ดหน้าเหรอหรา
“อายุเท่าไหร่แล้ว? กินเลอะเทอะจริง  ห๊ะ? มีอะไร?” พอรู้ตัวว่าถูกจ้องก็ถามออกไปไม่ได้คิดอะไร คนตัวเล็กขมวดคิ้วไม่เข้าใจก่อนจะเดินเอาทิชชู่ไปทิ้งกลับมานั่งประจำที่มองหน้าคุณพ่อค้าที่รีบยกชามาซดไวไว หนีสายตาคนอยากรู้อยากเห็นทันที
“เอ้า! ตกลงมีแฟนยัง? โอโนะคุงจยังไม่ได้ตอบเลย” คนถูกถามกลืนชาลงคอดังเอื้อก ก่อนจะวางแก้วลงกลับไปสนใจนิตยสารตกปลาต่อ “ไม่มี” ตอบมาแค่นั้นทำเอาคนรอจิ๊ปากขัดใจ...อะไรของเขาวะ? แค่บอกว่าไม่มีทำไมต้องเล่นตัวด้วย ชักจะหงุดหงิดขึ้นมานิดๆแล้วนะ!
“เห....ทำไมหน้าตาดีอย่างโอโนะคุงถึงไม่มีแฟนล่ะ”
พรึ่บ! เสียงหน้ากระดาษอาร์ตมันของนิตยสารประกบกันอย่างไว คนถูกไล่ต้อนนั่งตัวตรงแด่วพาลทำให้คนที่นั่งกอดกระเป๋าเอาคางเกยตกใจไปด้วย “โว้ว..มีอะไรอ่ะ!”
“ม..ไม่มี ชั้นจะไปเอาชามาเพิ่มนะ!” หยิบถ้วยชาของตัวเองเสร็จก็ลุกไปคว้าเอาถ้วยชาของอีกคนมาด้วยแล้วหายเข้าไปในบ้านอีกหน ทิ้งให้นิโนะนั่งตาใสหน้าร้านอีกแล้ว...
“ฝนยังไม่ซาเลยน้า..” มองลอดออกไปจากบังเกอร์ฝนยังคงเทลงมาเรื่อยๆ ลงอีหรอบคงไม่หยุดตกง่ายๆ เผลอต้องติดอยู่ที่นี่เป็นนชั่วโมงๆแน่เลย “เฮ้อ...”

RRrrr RRrr RRrr

“ไฮ้ มัสซึจุนว่าไง?...ห๊ะ อะไรนะ?  ทุ่มตรง!? ชิบหายล่ะ ขอบใจมากนะ”

“ชาได้แล้ว..หือ?” ยันไม่ทันที่จะได้ยื่นชาให้คุณลูกค้าตัวเล็กที่มาติดฝนอยู่ที่ร้าน ภาพที่เห็นตรงหน้าก็แทบจะทำเอาโอโนะโยนชาทิ้งแล้วรีบไปดึงแขนคนที่กำลังจะมุดบังเกอร์ออกไปเสียนี่! โชคดีที่สติยังพอมี เลยรีบวางถ้วยชาแล้วไปคว้าไหล่คนทำท่าจะหนีมาแทน “จะไปไหนน่ะ! ฝนยังไม่ซาเลยนะ!”
“มีสอบ ตอนทุ่มตรงผ่านระบบติวเตอร์ ถ้าไม่รีบล่ะก็ไม่ทันแน่” คนตัวเล็กสรุปใจความสำคัญออกมาทีเดียว มองหน้าคุณเจ้าของร้านท่าทางตื่นไม่น้อย
“ถ้าจะใช้คอมล่ะก็ ใช้คอมชั้นก็ได้”
“จำรหัสไม่ได้” คำตอบนี้ทำเอาโอโนะแทบทรุด...ให้ฟ้าผ่าตาย เรียนมาจนปีสองยังจำรหัสไม่ได้อีก!! สงสัยจะแสดงออกทางสีหน้ามากไปหน่อย คนที่โดนจับไหล่อยู่ถึงยู่หน้าแหวเสียงเบาออกมา
“ก็ให้เบราวเซอร์มันจำเอาไว้ เข้าแล้วล็อคอินเลย เลยไม่ได้จำ ผิดด้วยรึไง!”
โอโนะไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่ชักสีหน้ากลับมาแต่ยังไม่คลายกังวล ขืนปล่อยให้วิ่งฝ่าฝนที่เกือบจะเป็นพายุไปแบบนี้มีหวังได้กลายเป็นลูกหมาคาซึตกน้ำโซกก่อนถึงที่หมายแน่ๆ เผลอๆพรุ่งนี้จะไม่มีหน้าหวานๆโผล่มาซื้อขนมปังอีก คิดได้แบบนั้นก็ถอนหายใจหนักทีนึงก่อนจะปล่อยมือจากนิโนะ “รอตรงนี้นะ”
เป็นอีกครั้งที่โอโนะหายกลับเข้าไปในบ้าน เพียงแปปเดียวก็ออกมาในสภาพใส่เสื้อคลุมตัวใหญ่กับร่มคันขนาดสองคนไปด้วยกันได้
“เดี๋ยววิ่งไปส่ง” ท่านพูดแค่นั้นก่อนจัดแจงเขียนข้อความอะไรสักอย่างแล้ววางมันไว้บนตู้กระจกขายขนมปัง ก่อนจะหันมาทางคนตัวเล็ก “เอ้ามาสิ ทุ่มตรงไม่ใช่เหรอ? เดี๋ยวไม่ทันนะ”
สติสตังนิโนะกลับมาแล้ว แค่นี้ไม่ต้องวุ่นวายไปส่งแค่ฝ่าฝนนิโนะไม่เป็นไร แต่นิโนะห่วงขนมปังไส้ครีมเท่านั้นเอง เป็นไปได้นิโนะยืมร่มอย่างเดียวก็พอ “ไม่เป็นไรๆ ขอยืมร่มก็พอ เดี๋ยวพรุ่งนี้เอามาคืน”
“มัวแต่พูดเมื่อไหร่จะได้ไป มาเร็ว” นอกจากจะไม่ฟังแล้ว พ่อคนดียังคว้าเอามือป้องของนิโนะดึงให้ตามออกมาด้วยกันอีก งานนี้คงไม่อยากต่อล้อให้เสียเวลาแล้วในเมื่อเหลืออีกไม่กี่สิบนาทีก็ต้องไปพร้อมประจำหน้าคอมแล้ว นาทีนี้คงต้องไหลตามพ่อคนดีเขาไปก่อน

ฝนตกบ้าคลั่งราวกลับพายุเข้า สองร่างพากันค่อยๆเลาะไปตามตึกบ้างต้นไม้บ้างถึงจะอันตรายแต่ต้องไปส่งเจ้าตัวเล็กให้ทันสอบหน้าคอมก่อนทุ่มตรง ร่มดูเหมือนจะไม่ค่อยช่วยอะไรเท่าที่ควร เมื่อฝนไม่ได้เทสาดลงมาตรงๆ แต่พร้อมจะสาดเข้าหาจากทุกทิศทาง
“ตกแรงแบบนี้สงสัยพายุจะเข้าจริงๆ”
“ห๊ะว่าอะไรนะ!!” แค่มีสมาธิกับการวิ่งไปข้างหน้าก็ว่ายากแล้ว ยิ่งนิโนะเป็นคนตัวเล็ก ทั้งยังต้องคอยตามก้าวยาวๆของคนถือร่มให้ทัน เสียงฝนก็ดังยังจะมาพูดอะไรอีกนิโนะตามไม่ทัน! ไม่ได้ยิน!
ตอนนี้แค่พยายามตามให้ทันคนนำหน้าก็ยากแล้ว จนโทรศัพท์เจ้ากรรมมันสั่นอย่างบ้าคลั่งขึ้นมาก่อน

“โอ๊ะ...โอโนะคุง โอโนะคุง โอโนะคุง”
“ห๊ะ??”  จู่ๆคนตัวเล็กก็ดึงแขนคนถือร่มให้วิ่งพรวดกระโดดเข้าไปในตู้โทรศัพท์ไม่ไกลมากนัก พอจัดแจงหุบร่มปิดประตูตู้โทรศัพท์แล้วคนที่อุตส่าห์มาส่งคนรีบถึงกับต้องหันมองคนที่เหมือนจะเถลไถลขอคำตอบทันที มาหยุดเอากลางทางแบบนี้เดี๋ยวก็ไม่ทันสอบพอดี!
“โทษทีนะ คือโทรศัพท์น่ะ” โถ...ที่รักสถานการณ์แบบนี้ยังห่วงรับโทรศัพท์อีก ควรห่วงข้อสอบที่จะต้องเจอในอีกสิบนาทีก่อนดีไหม
“ว่าไงมัสซึจุนกำลังรีบกลับน่ะ........ห๊ะ!ว่าไงนะ!...อ่า..อ่าขอบใจนะ อือ...ไม่เป็นไรๆ อือ เจอกัน”
คนฟังก้มมองขอความเห็นว่าจะวิ่งกันต่อไหมแต่คำตอบที่ได้มากลับเป็นรอยยิ้มแหยๆแทนซะนี่
“คือว่า...เพราะฝนตกหนักแบบนี้ ดูเหมือนอินเตอร์เน็ทที่บ้านของอาจารย์จะมีปัญหาเลยยกเลิกการสอบน่ะ หัวหน้าเซคโทรมาบอก” นิโนะสาบานว่าไม่ได้คาดฝันเหมือนกัน ก็ตอนแรกเพื่อนบอกจะมีสอบ แต่ตอนนี้โทรมายกเลิก ก็ทำไงได้เรียนดนตรีมีอาจารย์อาร์ตยากจะหยั่งถึง นอนๆอยู่ตีสองโดนโทรปลุกตื่นมารับข้อสอบส่งตอนแปดโมงยังโดนมาแล้ว ประสาอะไรกับอีแค่โทรมานัดสอบและยกเลิกสอบในเวลาติดๆกันล่ะ
“.....เอาจริง?”
“อือ...” ได้ยินแบบนั้นเหมือนชะตาเล่นตลก สุดท้ายจากที่ติดแหงกอยู่ที่ร้านดีดีต้องมาติดแหงกกันในตู้โทรศัพท์แทนซะนี่ เห็นพ่อคนดีเขาถอนหายใจเอาลิ้นดุ้นแก้มหันมองพายุนอกตู้โทรศัพท์ก็นึกหมั่นไส้ เอาจริงๆไหมครับผมว่าผมไม่ผิดนะ...ก็คุณเขาเสนอมาส่งผมเอง ผมไม่ได้อยากจะให้ใครมาติดพายุฝนในตู้โทรศัพท์แคบๆกับผมแบบนี้หรอก! อากาศก็เย็น ตัวก็เปียก! แถมไม่ได้นั่งอีก เวลาแบบนี้...ผมยังมีขนมปังไส้ครีมนี่นา!!!
คิดได้นิโนะก็รีบก้มมองถุงในมือ โอเคเซฟ! ขนมปังปลอดภัย
“ทำอะไรน่ะ?” สงสัยคุณท่านเขาได้ยินเสียงก๊อปแก๊ปเลยเปลี่ยนความสนใจจากฝนมาเป็นผมแทน ถามมาก็ตอบไป
“จะกินขนมปังน่ะ หิว” มือป้อมล้วงขนมปังเอาเข้าปากเคี้ยวตุ่ยๆ โอโนะเห็นแบบนั้นก็ได้แต่ยิ้มกึ่งขำเบาๆออกมา เหลือเชื่อกับคนข้างๆ สถานการณ์แบบนี้ยังมีอารมณ์กินอีก...
“อร่อย! อ่า..ไอ้นี่น่ะนะ จะกินที่ไหนก็อร่อยสุดยอดอ่ะ ไส้ครีมนี่มันอร่อยจริงๆนะ” เหลือบขึ้นมองพ่อคนขาย เห็นคุณเขายกมือขึ้นปิดปาก แล้วเอาหลังมือซับๆหยดน้ำตามไรผม แต่นิโนะก็สาบานว่าเห็นแวบๆว่าท่านเขาแอบยิ้มออกมา
“ดีใจเหรอ?” และแน่นอนระดับเดอะแชมป์เปี้ยนแล้ว ไม่ปล่อยให้ความสงสัยลอยนวล ยิงคำถามไปเลยตรงๆ ถึงพี่แกจะปฏิเสธกลับมานิโนะก็จะเถียงทันทีว่าเห็นนะว่าแอบยิ้ม!
“ก็ไส้นั่นน่ะ ชั้นทำเอง” ท่านไม่พูดเปล่า ยังส่งยิ้มพาลทำคนมองอดอิจฉาความหล่อไม่ได้มาให้ด้วย และครั้งนี้เป็นนิโนะเสียเองที่ต้องหลบตาไม่รู้สาเหตุ
“ง..งั้นเหรอ?” รีบเอาขนมปังเข้าปาก เพราะไม่คิดว่าไอ้คนทำไส้จะเห็นโต้งๆว่าเขาชอบมันมากแค่ไหน แต่เหมือนร่างกายไม่เป็นใจเท่าไหร่ ไอ้อะไรที่ทนอยู่ดูเหมือนมันจะเริ่มประท้วง มือป้อมค่อยๆเปลี่ยนจากถือกระเป๋ากับถุงขนมปังมาเป็นกอดทุกอย่างเอาไว้ก่อนจะค่อยๆยกมือขึ้นจรดริมฝีปาก ให้ไออุ่นจากลมให้ใจช่วยบรรเทาความเย็นที่มือ
เพราะวันนี้ไม่คิดว่าจะต้องมาวิ่งฝ่าพายุฝนหลงฤดูนิโนะเลยไม่ได้เอาเสื้อผ้าหนาๆมา มีเพียงสเว็ตเตอร์เท่านั้นที่ที่ทับอยู่บนเสื้อเชิ๊ดแขนสั้น  ปากที่เคยเป็นสีชมพูใสเริ่มซีดและคงเพราะฟันที่กระทบกันดังกึกๆ ไอ้คนข้างๆมันคงได้ยินถึงหันมาเห็น ให้ตายสิ! ไม่ได้อยากให้เห็นสภาพน่าอนาจแบบนี้เลย!
“หนาวเหรอ?” เห็นพ่อคนทนอากาศหันมาถามตาตื่น นิโนะก็คร้านจะตอบให้อนาถตัวเอง นอกจะพยักหน้าส่งๆหันหนีออกข้างนอกเท่านั้น รู้สึกตัวอีกทีเสื้อโค้ทอุ่นๆของคนข้างก็มาคลุมทับบนบ่าเขาเสียแล้ว
“โทษที ไม่น่าพานายฝ่าฝนมาแบบนี้เลย”
“ขอบใจนะ” ผมกระชับเสื้อให้คลุมดีดี ก่อนจะต้องสะดุ้งสุดตัว ด้วยเพราะสติสตังไม่ได้อยู่กับตัวตอนที่ฟ้ามันผ่าเปรี้ยงลงมาสนั่นหวั่นไหวจนกระจกตู้โทรศัพท์สั่นกึกๆ  ผมใจสั่นลืมหนาว ตกใจจนลืมหายใจไป ทำให้ต้องมายืนหอบมองฟ้าอย่างระแวงก่อนจะรู้สึกตัวว่าตัวเองอยู่ในตำแหน่งไหน...
“เอ่อ...ไม่เป็นไรนะ?” คนที่โดนผมเบียดไปซุกถามออกมา พอรู้ตัวว่าตัวเองสะดุ้งโหยงไปซบเบียดพี่เขา ผมแทบลืมหนาวผละตัวเองออกมาไวไวปั้นหน้าไม่ถูกทีเดียว “ขอโทษที”
“กลัวเหรอ?”
“ป่าว แค่ตกใจน่ะ”

วินาทีที่ผมปั้นสีหน้าไม่ถูก คนที่น่าจะตกใจเพราะโดนผมลวนลาม(?)โดยบังเอิญกลับยกยิ้มมุมปากจนเห็นเขี้ยวเสน่ห์  เขามองผมด้วยสายตากึ่งขัน ทั้งๆที่ผมอายแทบแทรกแผ่นดินหนี...

ตอนนั้นเองที่จู่ๆผมก็รู้สึกเหมือน ผม...อยากจะเล่นเกมส์กับคนคนนี้  ผมไม่รู้ว่าทำไมแต่มันอาจจะเพราะผมกำลังเดาไม่ถูกว่าคนตรงหน้าเป็นยังไงกันแน่ รู้สึกยังไง คิดอะไรอยู่ ผมอยากจะรู้...อยากจะรู้จริงๆ เป็นครั้งแรกที่หัวใจของผมเต้นรัวด้วยความตื่นเต้น ตื่นเต้นที่จะได้ลิ้มลองความสนุกตรงหน้า มันจะท้าทายสักแค่ไหนกันนะ...คนคนนี้...
To be continued….

fiction, ohmiya, slide slide side

Previous post Next post
Up