เป็น report ที่ late มากๆๆๆ เพื่อนๆคงเขียนกันไปหมดแล้ว พอดีกลับมาแล้วยุ่งมาก ลองมาทบทวนความทรงจำการเดินทางดีกว่า
ออกเดินทางไปสุวรรณภูมิ โดย นัดไปรับน้อง Alasthyst ไว้ตอน 0345 ไปถึงสุวรรณภูมิ เร็วกว่าที่คิดคือ ตีสี่ครึ่ง เลยไปนอนรอเพื่อนๆที่เดินทางไปพร้อมกัน กว่าจะมากันครบ ราวๆตีห้าครึ่ง เดินทางไปด้วยกัน 10 คน
อาหารบนเครื่อง แอบไม่อร่อยเลยละ ผัดไทยหวานมาก แต่เพื่อนบางคนก้ชอบ
อันนี้ของRen เลยแย่งมะเขือเทศไปหม่ำชิ้นนึง
หันไปหันมา เอ๊ นั่นอะไร ที่ผนังเครื่องบิน เลยให้นางแบบช่วยชี้
นั่งเล่นเบื่อๆ ถ่ายรูปโทรศัพท์เล่นดีกว่า
นั่งๆนอนๆ คุยๆกินๆ ได้ฟังเพลง ของ the Killers บนเครื่องด้วย
เดินทางมาถึงละ
มารอรถเมล์ตรงนี้ เพื่อเดินทางเข้าเมือง
บนรถเมล์ ต้องนั่งแยกๆกัน เห็นมีการก่อสร้างมากมาย ถ้าเดินทางมาอีกครั้ง ต้องจำไม่ได้แน่ๆ
รถเมล์ มาส่งเราที่ central station
งง กับทางไปโรงแรม เพราะ สองคนกับ Ren ที่แยกจากชาวคณะมาพักโรงแรม มี Ren ที่พอพูดจีนได้ ไปถามทาง
พยายามเรียก taxi แต่ไม่มีใครยอมไป แง่ว เดินอ้อมมาทางด้านหลัง ไปเจอคุณลุง taxi ใจดี ยอมไปส่งเรา เย้ๆ แถมชวนคุย แต่คุยได้กับ Ren เพราะเรานี่ไม่กระดิกซักตัว 55 ได้ยินแต่ ไท้กั๋ว แปลว่าคนไทย ภาษาจีนวันละคำ คิดราคาค่ารถ ร้อยกว่าบาท จริงๆแล้วก็ไม่ไกลมากจากโรงแรม แต่พอดีเราไม่ร้ทาง ก็โอเคละ
โรงแรมดูข้างนอกดูเก่าๆ ลิฟต์ก็เก่าๆ ไม่เป็นไร เราทำใจกันไว้แล้ว แต่พอขึ้นลิฟต์ไปถึง ก็งง เพราะ อ้าว ห้องเรา ยังไม่ได้ทำเลย แถม ที่จองไป ก็ ไม่ตรงกับที่เราจอง Ren ผู้รู้ภาษาจีน เลยวิ่งลงไปเจรจา เลยได้แต่นั่งเงียบๆ บนกระเป๋าเดินทาง แล้ว Maid ก็ลากสิ่งนึงผ่านหน้าเราไป น่ารักมากๆเลย สิ่งนั้นคือ Henry เครื่องดูดฝุ่นน่ารัก กำลังไปทำความสะอาดห้องเราให้ แต่พอดีตอนนั้นยังไม่ทันได้ถ่ายรูปไว้ เลยมาตามหา แล้วถ่ายรูปไว้วันหลัง เพราะเห็นแอบอยู่ข้างๆลิฟต์นี่เอง
ห้องของเราเลยเป็นแบบนี้ เพราะถ้าสองเตียง ต้องจ่ายตังค์ เพิ่ม ไม่เป็นไร กว้างกว่าเตียงที่ญี่ปุ่นตั้งเยอะ
แต่ห้องก็กว้าง และสวยใช้ได้เลย
หน้าโรงแรม
เราสองคนเดินทางไปรวมกับเพื่อนๆ ไปทานอาหารกันก่อน แล้วก็ตัดสินใจว่า เราจะไปดูสนามกีฬากันก่อน เอ X จะมีซ้อมกันมั๊ยนะ
ข้าวต้มเกี๊ยว
ทายกันเสร็จแล้ว เดินทางไปสนามกีฬากันดีกว่า พอเราเดินทางมาตามถนน ก็พบนักดนตรีข้างถนน เล่นเพลง Do Re Me ด้วย
ต้องซื้อ easy card
เดินไปตามถนน
เอ๊ เสียงดนตรีนี่ ทุกคนรีบวิ่งไปทันที X มาซ้อมจริงๆด้วย ต้องปีนดู ปีนได้พักนึง มีคุณป้าทำความสะอาด มาส่งเสียงดัง ถึงแปลไม่อก ก็ เดาได้ว่า ไล่ให้ไปซะ คงกลั้วประตูจะพัง
มองลอดไปก็ไม่เห็น มีผ้าดำมาบังอีก แป่ว
หาทางใหม่ดีกว่า เราเดินต่อไปอีกนิดก็เจอ แฟนๆ ปีนอยู่บนกำแพง คุณ Note ถามว่าขึ้นไปกันได้ยังไง มีหนุ่มญี่ปุ่นใจดี ช่วยฉุดมือเราขึ้นไป มีคุณ Note น้อง Alasthyst และเรา รวมเป็นสามคนที่กล้าปีนขึ้นไป กำแพงสูงมากๆ ท่วมหัวเลย
พอปีนขึ้นไปถึง กรี๊ด Yoshiki นี่นา กำลังซ้อมเพลง Art of Life
ตากล้อง X Japan oficial มาถ่ายรูปพวกแฟนๆที่มาปีนแอบดู
อยู่ๆ แฟนๆ สลายตัวอย่างรวดเร็ว แล้วรีบวิ่งไปทางนึง เราเลยต้องกระดดลง โดยความช่วยเหลือของ สองหนุ่มญี่ปุ่นใจดีเช่นเคย เค้าวิ่งไปไหนกันนะ ต้องไปตามดูใครแน่ๆ
เจ้าหน้าที่มาจับมือกั้นอย่างนี้ ใครกันนะ
Yoshiki in car ไม่ทันได้เห็นเลย เสียงกรี๊ดสนั่น
เราเลรอๆอยู่แถวๆนั้นก่อน
รูปนี้ยืมจากคุณ Boxboo
และแล้ว เจ้าหน้าที่ก็มาจับมือกันอีก ใครกันนะ
กรี๊ด Yoshiki นั่นเอง กลับเข้าไปใน stadium ดบกมือให้แฟนๆด้วย กรี๊ดกันจนรูปสั่นอย่างที่เห็น
ขยายให้ดูค่ะ Yoshiki