ฟิคแปล Amore Primaverile - Love in Spring [Final] - Yabu Kota x Inoo Kei

Sep 18, 2015 13:48

Amore Primaverile -Love in Spring [15 - จบ]
Title: Stagione degli amori - ฤดูแห่งความรัก
Author: nihartsmile
Fandom: Hey!Say!JUMP
Pairing: Yabu Kota x Inoo Kei
Rating: PG
Prompt: Stagione degli amori
Disclaimer: The story belongs to
nihartsmile I just translated into Thai language.



“นายเป็น...วิญญาณเหรอ?” ผมถามอย่างสงสัยระคนหวาดกลัว
“ใช่...” โคตะตอบเบาๆ
“ยังไง...ทำไม...อะไร...เมื่อไหร่...ฉันไม่เข้าใจ! ทำไมสองชั่วโมงก่อนนายยังมีร่างกายเลือดเนื้ออยู่เลย แต่ตอนนี้นายโปร่งแสง!” ผมร้อง ไม่รู้ว่าจะถามอะไร หรือควรทำอย่างไรดี
“ที่ฉันโปร่งแสงก็เพราะว่าฉันกำลังจะหายไป”
หายไป
คำๆ นั้นทำให้ผมแทบสิ้นสติ
“หมายความว่าไง”
“สาเหตุที่ทำให้ฉันยังยืนอยู่ตรงนี้ได้...ก็เพื่อทำตามสัญญา...” โคตะตอบ แต่ก็ยังไม่กระจ่าง
“ฉันจะอธิบายให้นายฟัง” เขาสังเกตเห็นสีหน้าแสดงความไม่เข้าใจของผม
“หลังจากวันที่เราได้พบกันเป็นครั้งที่สอง... ฉันตายไปก่อน โดยที่ทำตามคำสัญญาของเราสองคนไว้ไม่ได้ เพื่อให้ได้พบนายอีกครั้ง ฉันตื่นขึ้นมาอีกครั้งในโลกนี้ หลังจากประสบอุบัติเหตุเมื่อสิบสามปีก่อน ฉันไม่อยากให้เวลาเสียเปล่าอีก ฉันตามหานาย ตอนแรกฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่านายเป็นใคร แต่พอฉันรู้ ฉันก็กลัวว่าฉันจะต้องจากนายไปทันทีอีก ฉันจึงไม่ได้บอกชื่อฉัน และนายก็ยังจำฉันไม่ได้ บางทีนี่คงเป็นโชคชะตา...”
เขาอธิบาย ยิ้มอย่างรักใคร่เอ็นดู
“แต่ตอนที่ฉันจำนายได้แล้ว นายก็ยังอยู่นี่...”
“ที่ฉันยังอยู่กับนาย ก็เพราะความปรารถนาสุดท้ายของฉัน... คือการได้บอกรักกับคนที่ฉันรัก...และคนคนนั้นก็คือ....เคย์...”
แล้วผมก็เข้าใจในสิ่งที่เข้าพูด โดยไม่รู้สึกตัวเลยว่าน้ำตาไหลลงมารดแก้ม
“สาเหตุที่นายใส่เสื้อแขนยาวทั้งๆ ที่อากาศร้อน...”
“ก็เพราะว่าร่างกายของฉันเริ่มจางหายไป” เขาก้าวเข้ามาใกล้ผม
“แล้วโทรศัพท์นั่น”
“เป็นสัญญาณเตือนไม่ให้ฉันเข้าใกล้นายมากเกินไป”
โคตะยื่นมือมาเช็ดน้ำตาที่แก้มผม แต่กลับทะลุผ่านไป โดยที่ไม่สามารถสัมผัสผมได้

จะไม่ได้สัมผัสอีกแล้ว

“เกิดอะไรขึ้น” ผมถามเขา ตัวสั่น เมื่อคิดว่าจะไม่ได้พบเขาอีก
“เราต้องบอกลากันแล้วล่ะ...” นั่นคือคำตอบ

เขาจะไม่อยู่ใกล้ๆ ผมอีกแล้ว

“เรายังมีวิธีอื่นอีกมั้ย นายอธิษฐานหรือสัญญาอีกได้หรือเปล่า” ผมถาม ทั้งๆ ที่ความหวังเริ่มพังทลาย
“ต้องเป็นสัญญาจากนาย สิ่งที่ฉันต้องการมากที่สุดคือได้อยู่กับนายไปชั่วนิรันดร์...”

เขาจะไม่อยู่ใกล้ๆ ผมอีกแล้ว

“งั้นก็สัญญาเลยสิ? ฉันสัญญา ว่าฉันจะอยู่กับนาย! ฉันจะอยู่กับนายไปชั่วนิรันดร์! จนตาย! ตลอดกาล! ฉันสาบาน!” ผมร้องไห้ตรงร่างนั้น ร่างที่ค่อยๆ จางหายไป

ผมไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นอีกแล้ว

“มันสายไปแล้วเคย์ แต่ฉันขอยืนยัน ว่าฉันรักนายด้วยทั้งหัวใจของฉัน...” โคตะบอก โน้มร่างเข้ามาใกล้ผม ที่คุกข่า ร้องไห้เสียสติ
“ฤดูใบไม้ผลิเต็มไปด้วยความรัก...ชื่อ ฤดูแห่งความรัก เหมาะมากเลย!” โคตะมองไปรอบๆ ดอกไม้ที่กำลังค่อยๆ ผลิบาน
“งี่เง่า! ฤดูใบไม้ผลิเพิ่งมาถึงเอง” ผมบอกด้วยรอยยิ้ม ทั้งน้ำตา

จะไม่มีอีกแล้ว

“ฉันขออะไรสักอย่างจากนาย ที่อาจฟังดูเห็นแก่ตัว และทำให้นายต้องเจ็บปวดได้หรือเปล่า” เขายิ้มน้อยๆ “เล่นเปียโนอีกครั้งได้มั้ย รอยแผลนั้นห้ามนายไม่ให้เล่นเปียโนไม่ได้หรอก ใช่มั้ย ฉันชอบท่วงทำนองที่นายเล่น...” เขาหยุดพูดไป เมื่อผมเริ่มสะอื้นดึงขึ้นมาอีก
“ไม่มีอะไรจะทำให้ฉันเจ็บปวดไปมากกว่าการที่นายต้องบอกลาฉันหรอก!” ผมร้อง รู้สึกผิดหวัง สิ้นหวัง โกรธ และเหนื่อยเหลือเกิน
โคตะยังคงยิ้มให้ผม ประทับริมฝีปากลงมา มอบจูบสุดท้ายที่ผมไม่รู้สึกถึงริมฝีปากคู่นั้นเลย และจากนั้น เขาก็หายไปจากชีวิตของผม

13 ปีต่อมา

“นี่เป็นการแสดงที่เยี่ยมยอดมาก!”
“ฝีมือระดับเทพ!”
“บอกได้เลยว่าไพเราะราวกับดนตรีแห่งสวรรค์! ประทับใจทุกคน...”
คำชื่นชมที่ฟังไปทำนองเดียวกันดังไปทั่ว หลังจากจบการแสดงคอนเสิร์ต

“เคย์!” เสียงสตรีคนหนึ่งดังขึ้น
ผมหันไปมองทางนั้น แม่ส่งยิ้มให้ผมเดินไปหาเธอ
“อะไรเหรอครับ แม่” ผมยิ้มให้เธอ
“ลูกแสดงได้ดีมาก ลูกแม่ แม่ภูมิใจที่ลูกเป็นลูกของแม่!” แม่สวมกอดผม
“ผมขอตัวไปทักทายแขกก่อนนะ...” ผมยิ้มให้ ก่อนจะทิ้งเธอไว้ลำพัง
“เคย์!” แม่ตะโกนเรียก ทำให้ผมชะงักฝีเท้า
“แม่ยังไม่เคยบอกลูกเลย ว่าขอบใจนะ ที่กลับมาบ้านเรา...” แม่ยิ้ม เมื่อนึกถึงวันที่ผมกลับมา “และแม่ก็ยังไม่ได้ขอโทษลูก ที่แม่ใจร้ายกับลูกเหลือเกิน”
ผมเดินไปหาแม่ กอดแม่เบาๆ “ผมรักแม่ครับ” ผมจูบแก้มแม่ แล้วเดินไปหาแขกเหรื่อ

สิบสามปีที่แล้วผมรีบกลับไปที่บ้านของแม่ ยังคงมีน้ำตาและคับข้องใจ แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่อยู่ในหัวของผมตอนนั้น คือเล่นเปียโน
ชีวิตของผมมีแค่เล่นดนตรี เรียนเปียโน เครื่องดนตรีที่ผมเกลียด จนกลายเป็นนักเปียโนระดับประเทศ และนักวิจารณ์บางคนบอกว่าระดับโลก
“นายได้ยินเสียงดนตรีของฉันหรือเปล่า” ผมมองไปยังดวงจันทร์ดวงโตบนท้องฟ้า
“ฉันเล่นได้ดีมั้ย” ผมยิ้ม นึกถึงดอกไม้ที่เคยได้รับ
“ฉันคิดถึงนาย...”
แล้วผมก็กลับบ้าน เพื่อไปเตรียมคอนเสิร์ตในวันถัดไป ที่จะจัดขึ้นที่สวนสาธารณะ ใต้ต้นซากุระ

“วิเศษมาก!” แม่บอกผม มองไปยังภูมิทัศน์เบื้องหน้า
“ครับ แม่รู้มั้ย ว่ากลีบดอกซากุระน่ะ จะร่วงถึงพื้นดินในเวลาห้าเซนติเมตรต่อวินาที อายุของกลีบดอกไม้สั้นมาก แต่เมื่อร่วงลงสู่พื้นแล้ว กลับทำให้พวกเราหลงเสน่ห์ในความงามของมัน...” ผมทวนสิ่งที่โคตะเคยบอกผมเมื่อหลายปีก่อน แล้วก็ต้องยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงว่าโคตะคือตัวแทนของซากุระ
“พร้อมสำหรับโชว์หรือยังจ๊ะ” แม่ถามผม
“พร้อมอยู่แล้ว!”

คอนเสิร์ตจบลงแล้ว แต่ผมยังไม่อยากกลับบ้าน ทิวทัศน์นี้ทำให้ผมโหยหาอดีต ผมยังไม่อยากกลับโดยที่ยังไม่ได้เดินไปท่ามกลางต้นซากุระ
ผมหยิบสมุดบันทึกเล่มเล็กออกมา มองกลีบดอกซากุระแห้ง
ผมนั่งลง ยังคงมองสมุดบันึก
“ให้นะ” เสียงหนึ่งดังขึ้น ยื่นมือมาตรงหน้าผม “จะนำโชคมาให้”
ผมมองมือที่ยื่นดอกซากุระมาให้
“ขอโทษนะ ฉันคิดว่าจะให้นายทั้งดอก แต่ก็ให้ได้แค่กลีบดอกไม้...” เขากล่าวขอโทษ
“ฉันเคยเจอเหตุการณ์คล้ายๆ อย่างนี้มาก่อน” ผมเงยหน้ามองคนตรงหน้า แล้วก็หยุดหายใจ

รอยยิ้มนั้น มือคู่นั้น ร่างกายนั้น ดวงตาคู่นั้น

“อ่ะ...” ผมพูดได้เท่านั้น แล้วก็ร้องไห้เป็นเด็กๆ
“ฉันรู้จักนาย” อีกฝ่ายพูด ในสิ่งที่ผมจะพูด
ผมโผเข้าไปหาอ้อมแขนของเขา แล้วร้องไห้ ปลดปล่อยทุกความรู้สึกที่ถูกปิดผนึกอยู่ในใจออกมา
“ทำไม นายมาได้ยังไง” ผมถามหลังจากที่เริ่มสงบลง โดยไม่ยอมปล่อยมือ เพราะกลัวว่าจะสูญเสียเขาไปอีก
“คือว่า ใครบางคนที่อยู่ตรงนี้ทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้ ว่าจะยอมทำทุกอย่างเพื่อจะได้อยู่กับฉันไปจนชั่วนิรันดร์...”
เขาบอก
“ฉันทำเหรอ?” ผมถามตัวเอง
“ถ้าไม่ใช่แล้วฉันจะมาอยู่ตรงนี้ได้เหรอ!” เขายิ้มให้ผม มอบจูบให้ผม

ผมรู้สึกได้ถึงริมฝีปากของโคตะ...

น้ำตาไหลลงมาเปื้อนใบหน้าผม
“นายร้องไห้อีกแล้วเหรอ” เขาถามพลางหัวเราะ
“เปล่านะ!” ผมเช็ดน้ำตา
“แปลว่าเราจะได้อยู่ด้วยกันไปชั่วนิรันดร์ใช่มั้ย” ผมถาม แล้วได้รับจูบตอบกลับมา
“ชั่วนิรันดร์” โคตะบอกผม “ฉันเคยบอกนายแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าฤดูใบไม้ผลิคือฤดูแห่งความรัก!”
โคตะพูดถูก เขาพูดถูกมาตลอดในทุกสิ่ง แม้กระทั่งตอนจบ
“แล้วพวกเขาก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขไปชั่วนิรันดร์”
และนี่ก็เป็นตอนจบที่สมบูรณ์แบบที่สุด

-จบ -
❤(´;ω;`) ❤

yabu kota/inoo kei, author: nihartsmile, translated fanfiction

Previous post Next post
Up