ก่อนอื่นก็ต้องขอบคุณคนอ่านทุกท่านที่เป็นกำลังใจกับคณะผู้แปลนะคะ ความรู้สึกแย่ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงก่อนของรียา ตอนนี้ก็ค่อยยังชั่วแล้วค่ะ ก่อนจะปิดโปรเจ็คนี้ก็มีเรื่องขอชี้แจงนิดนะคะ
สำหรับในตอนที่สี่ มีคนออกความเห็นเรื่องคำว่ารั้ง มา รียาไปเปิดพจนานุกรมมาแล้วขอชี้แจงดังนี้ค่ะ
รั้ง ก. หน่วงเหนี่ยวเอาไว้ เช่น รั้งไว้ก่อน, ยกขึ้นมา เช่น แขนเสื้อรั้ง
(
Read more... )
“ดูท่าทางนายเคร่งเครียดจัง นายมีปัญหาอะไรให้ครุ่นคิดอยู่หรือเปล่า?” ยูอิจิเอ่ยถามพร้อมกับทรุดตัวลงนั่งบนโต๊ะตรงหน้าของคาซึยะ
“ก็มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย...” ร่างบางตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับเพื่อนปริศนาคนนั้นของนายใช่ไหม?” คาซึยะพยักหน้ารับ
“พักนี้นายดูเปลี่ยนไปมากเลยนะ อารมณ์ของนายขึ้นๆ ลงๆ เพราะเขาใช่ไหม เมื่อก่อนนายดูร่าเริงมีความสุข แต่เดี๋ยวนี้นายกลับทำหน้าเหมือนมีใครมายืมเงินนายแล้วชักดาบหนีหนี้ไม่ยอมใช้หนี้ให้นาย”
ช่างเดาเรื่องได้ใกล้เคียงกับความจริงมากเลย แต่มันเป็นในทางกลับกันต่างหากล่ะ ฉันต่างหากที่เป็นคนไปยืมเงินเขา แล้วปัญหาไม่ได้อยู่ที่ฉันไม่มี ‘เงิน’ ไปใช้หนี้เขา แต่ฉันไม่ต้องการใช้หนี้ให้หมดต่างหากล่ะ
“ยูอิจิ...นายจะใช้วิธีไหน ถ้านายอยากยั่วยวนให้ใครบางคนตกอยู่ในหลุมเสน่ห์ของนาย?” ยูอิจิแทบจะสำลักอาหารที่เพิ่งกินเข้าไปออกมาทันทีที่ได้ฟังคำถามนี้
“อะไรนะ?” เด็กนักเรียนเกือบครึ่งของโรงเรียนแทบจะหันมาที่ทั้งคู่ เพราะเสียงตะโกนอันดังของยูอิจิ
“ลดเสียงลงหน่อยสิ มันเป็นแค่คำถาม แล้วฉันก็ไม่อยากให้คนอื่นได้ยินแล้วเอาไปพูดต่อๆ กันด้วย”
“คาเมะ...นายเพิ่งจะ 17เองนะ! คิดจะยั่วยวนให้คนอื่นมาตกหลุมเสน่ห์?... หรือว่าจะเป็นหมอนั่น?”
“แต่...ฉันอยากให้เขาอยู่เคียงข้างฉันตลอดไป มันอาจจะดูเป็นการเห็นแก่ตัว แต่ฉัน...”
“นี่! นายฟังฉันก่อน นายก็รู้อยู่แล้วว่าฉันไม่ค่อยชอบขี้หน้าไอ้หมอนั่น แต่ไหนๆนายก็มีความรู้สึกพิเศษให้เขาแล้วล่ะก็” ยูอิจิพูดออกมาพร้อมกับเอนตัวไปมองหน้าคาซึยะ จ้องลงไปที่ดวงตาสีน้ำตาล “ถ้านายชอบเขาแล้วหมอนั่นก็ชอบนายเหมือนกัน ฉันก็ไม่เห็นว่านายจะต้องกังวลอะไรไปเลย การยั่วยวนให้หมอนั่นมาตกหลุมเสน่ห์มันไม่ใช่เรื่องดีเลย เพราะหมอนั่นจะต้องการแค่ร่างกายของนาย”
นั่นล่ะคือความจริงที่เขากำลังหวาดกลัว...ว่าจินจะแค่ต้องการร่างกายของเขาเท่านั้น
“ขอบคุณนะยูอิจิ”
“ไม่เป็นไร ตอนนี้ฉันอยากเห็นรอยยิ้มที่สว่างสดใสบนใบหน้าของนายมากกว่า” คาซึยะพยายามปั้นยิ้มออกมาให้ดูดีที่สุดให้กับเพื่อนรัก ขณะเดียวกันโคคิก็เข้ามาทันเห็นภาพนี้ จึงตรงเข้ามาตบบ่ายูอิจิเบาๆ
“โย่! พวกนายกำลังทำอะไรกันเนี่ย? คาเมะ, ทำไมนายยิ้มคนเดียวเหมือนคนบ้าอย่างนี้ล่ะ? เอาอย่างนี้ดีกว่า ฉันว่าพวกเราออกไปกินไอศกรีมกันดีเปล่า?” เพื่อนจอมป่วนมาทำลายสันติสุขให้พังทลายไปในพริบตา แต่มันก็เป็นการดีที่อีกฝ่ายช่วยทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นมา
“เย้, จะช้าอยู่ทำไมล่ะ ไปกันเถอะ” คาซึยะพูดพร้อมรอยยิ้ม
+_+_+_+_+_+_+_+_+_+_+_+_+_+
Reply
Leave a comment