Title First Kiss
By pop
Pairing YBGD
Rate PG
a/n: ย้อนเวลาหาคุณนายยยย :D อ่านจบแล้วใครจำได้บ้าง ว่ามันควรไปเสียบไว้ตรงหนายยย เอิ๊ก
++++++++++++++++++++++++++++++
"ยองเบ ฉันว่า... ฉันรักนายหละ"
ส้อมสีเงินหล่นจากมือใหญ่ลงในชามพาสต้าดัง แคร้ง
คนที่นั่งตรงข้ามเขานิ่งงันไปเหมือนโดนสาป
จียงนิ่วหน้า เขาพูดอะไรผิดไปเหรอ ทำไมยองเบต้องอึ้งแดกแบบนั้นด้วย
ก็ในเมื่อมันเองไม่ใช่เหรอ ที่จีบเขาอยู่
ตั้งแต่วันนั้นที่โรงหนัง วันที่เขาอนุญาตให้มันจีบเขาได้ นี่ก็เจ็ดเดือนแล้ว จียงเริ่มแน่ใจความรู้สึกของตัวเองแล้ว อย่าบอกนะว่ามันเปลี่ยนใจ จียงจะถลกหนังหัวเกรียนๆ ซะ
"อะไร? ทำไมไม่พูดอะไรซักคำ ฮึ? ทงยองเบ?"
จียงที่หน้ายุ่งกว่าเดิมเอาช้อนตัวเองเคาะมือหนาๆที่ยังยกค้าง
ยองเบหัวเราะหึ ช้อนตาขึ้นสบเขา
ยิ้ม...
ให้ตายเหอะ ยิ้มแบบนั้นอีกแล้ว ยิ้มที่ละลายจียงตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น ยิ้มที่ทำให้จียงรู้สึกตัวเองหน้าร้อนๆ เขากระแอมทีหนึ่ง แต่ยองเบก็ยังไม่พูดอะไร มือก็ยังค้าง ส้อมก็ยังหล่น เอาแต่ช้อนตามองเขายิ้มเจ้าเล่ห์
โอ๊ยยย จียงหมั่นไส้
เขาทำปากยื่น ตอนที่คนตรงข้ามหัวเราะเบาๆ อีกครั้ง แล้วลดมือลง
"อะไรอีกล่ะ" จียงขึ้นเสียงแล้วนะ
"พูดไม่ออก" ยองเบตอบมาด้วยเสียงต่ำๆ สั่นๆ
"จุกเลยอ่ะ จียง..."
มาทำเสียงอ่อนมาทำเสียงต่ำอะไรในร้านอาหาร ฮึ ไอ้บ้านี่ จียงหันหลบตา รู้สึกหน้าร้อนกว่าเดิม
"ฉันเหมือนจะระเบิดแล้วอ่ะจียง" เขาไม่กล้าสบตาพราวๆ นั่นนานกว่าชั่วแว้บ เพราะถ้ายองเบจะระเบิดจียงก็จะละลาย
ก็สายตาแบบนั้น มันทั้งร้อนแรงทั้งเต็มไปด้วยคำสัญญา ทั้งมีความหวังอะไรสารพัดเท่าที่จียงจะคิดเตลิดไปได้...
และมันเป็นอะไรสารพัดที่ไม่เหมาะกับร้านอาหารอิตาเลียนเป็นที่สุด
“กินไม่ลงแล้วอ่ะ อิ่มแล้วอ่ะ”
“ไม่ต้องเลยนะ กินให้หมด เสียดายของ”
จียงหันควับกลัีบมาคว้าช้อนส้อม ถึงจะกินไม่เยอะจียงก็ไม่ชอบกินข้าวเหลือ
แต่ยองเบยังเอาแต่ยิ้ม...
“ไม่ลงจริงๆ อ่ะจียง...... อิ่ม “ความรัก” อ่ะ”
แล้วก็พูดอะไรเลี่ยนๆ ...
คนที่เพิ่งบอกรักตวัดตามองอย่างหมั่นไส้
“งั้นก็ลืมมันซะ ถือว่าฉันไม่ได้พูด แล้วรีบกินข้าวให้หมดๆ จะได้กลับบ้าน”
ยองเบ(ที่ยังคงยิ้ม)หยิบส้อมขึ้นในที่สุด หมอนั่นม้วนเส้นสปาเก็ตตี้พันปลายส้อมเป็นก้อน แต่ตายังมองนิ่งที่จียง
ให้ตาย เดี๋ยวด่าซะเลยนิ่ แค่บอกว่ารักจะเว่อร์อะไรนักหนา ยังกะตัวมันไม่เคยบอกจียงงั้นแหละ เวลายองเบบอกเขาไม่เห็นเคยทำเว่อร์แบบนี้เลย...
ก็... แค่ตัวเบาๆ เหมือนจะลอยได้นิดหน่อย ปากกระตุกเหมือนจะยิ้มเองตลอดเวลา... ต้องคอยระวัง...เก๊กหน้าไม่ให้หลุด …..แต่มันก็แค่นั้นเองนะ.... จียงไม่เคยมองยองเบเหมือนเป็นของกินแบบนี้นะ.....
ไอ้บ้า... ยังไม่เลิกมองอีก เขินแล้วนะ -*-
ในที่สุด คนตัวบางก็ปาผ้าเช็ดปากลงบนโต๊ะอย่างหัวเสีย
“ไม่กงไม่กินมันละ จ้องอยู่ได้ จะบ้าหรือไง ไป กลับ เรียกคิดเงิน”
ถึงจะพูดห้วนกระชากแต่ก็ไม่ได้ใช้เสียงดัง แถมยังหน้าแดงๆ แก้มพองๆ ด้วย
จียงโกรธได้น่ารักโดยไม่รู้ตัวเอาเสียเลย
คนที่รู้...โน่น นั่งยิ้มเหมือนคนบ้าอยู่ตรงข้ามโน่น...
ยองเบรวบช้อนส้อมทันที ยกมือเรียกพนักงานคิดเงิน ไม่ละสายตาจากจียงเลยสักนิด ก่อนจะยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นดื่ม จนหมดแก้ว
มันช่วยไม่ได้ที่จียงจะเห็นกระดูกกลมๆ บนคอของยองเบขยับขึ้นลงช้าๆ เมื่อคนตัวหนากลืนของเหลวเย็นฉ่ำลงคอ
และมันก็ช่วยไม่ได้ ที่ภาพนั้นทำให้จียงหน้าแดงกว่าเดิม
และมันก็ช่วยไม่ได้อีกนั่นแหละ ที่ยองเบที่ยังไม่ยอมละสายตาจากจียงซักที จะเห็นแก้มกลมแดงปลั่งเป็นดวง
และจียงก็ได้ยินเสียงยองเบหัวเราะอีกสองสามหึ
คนตัวบางพ่นลมหายใจอย่าหงุดหงิด สะบัดตัวลุกจากโต๊ะ จ้ำอ้าวออกไปยืนรอนอกร้าน
สายตาคนอื่น อาจจะดูเหมือนสองคนทะเลาะกัน แต่รอยยิ้มแช่มชื่นปนเคลิบเคลิ้มบนหน้าหล่อๆ ของยองเบทำให้ใครเหล่านั้ันงงไปเป็นแถว
จียงรอไม่นานยองเบก็เดินตามออกมา แน่นอน ยังยิ้มไม่หุบ เขาออกเดินนำ รู้สึกไม่อยากเห็นหน้ายองเบแปลกๆ คืออยากอยู่ด้วย... แต่ไม่อยากมองหน้าแปลกๆ...
แต่ถึงจียงจะไม่มองยองเบ แต่ยองเบยังมองเขาอยู่ตลอด ไรผมที่ต้นคอของจียงลุกซู่ๆ เขารู้สึกถึงน้ำหนักสายตาของคนที่เิดินตามมา มันยิ่งกว่ายองเบแตะตัวเขาเสียอีกนะ ไอ้สายตาแบบเนี้ย มันเหมือน... อะไรนะ ที่เรียกกันว่า “จ้องเหมือนจะกลืนกิน” แบบนั้นล่ะมั้งนะ
แต่จียงไม่ใช่ของกินนี่! คิดถึงตรงนี้คนตัวผอมที่ทั้งเขินทั้งฉุนก็หันไปตวัดตามองคุณแฟนที่เดินตามมาอย่างเรียบร้อย (จะไม่เรียบร้อยอย่างเดียวก็คือสายตามันนั่นแหละ)
“มองอะไร? จะมองไปถึงไหน? จะจ้องฉันให้ทะลุเป็นรูเลยหรือไง?”
และตบท้ายด้วย
“ไอ้บ้า” เบาๆ ก่อนจะสะบัดหน้ากลับไปมองต่อ
จริงๆ เลยนะ ถ้าจียงรู้ก่อนว่าการบอกรักทงยองเบจะทำให้มันเป็นบ้าแบบเนี้ยนะ เขาจะไม่บอกมันเล้ยยย เชื่อสิ
“ไม่ต้องทะลุเป็นรูหรอก.... ไม่ต้องทะลุก็ได้... จริงๆ แล้วแค่... อืมมม...”
จะอะไรแค่ไหนจียงไม่รู้จียงไม่สน จียงรู้และสนแต่... นั่นไอ้ทงยองเบมันพยายามพูดสองแง่สามง่ามอยู่หรือเปล่า? แต่ถึงจะไม่ใช่จียงก็คิดไปแล้วนะ
เขาอ้าปากจะด่า แต่ก็ด่าไม่ออก เลยหุบปากแล้วรีบจ้ำ มาสะดุ้งตกใจอีกทีก็ตอนที่มือใหญ่ของคนที่เดินตามมาคว้าหมับเข้าที่ข้อมือ แล้วดึงเบาๆ ให้หยุด
จียงหันไป ยองเบไม่ได้พูดอะไร เขาปล่อยมือจียง เปลี่ยนเป็นจับไหล่ แล้วพยักเพยิดให้เดินไปทางหนึ่ง จียงหันตาม
ทางลัดผ่านสวนสาธารณะ....
ทางที่พวกเขาชอบเดินกลับในวันที่มีเวลา...
“ดึกแล้ว ไม่เดินอ่ะ กลับรถเมล์เหอะ” จียงบ่นหงุงหงิง
จริงๆ คือไม่กล้าพอจะอยู่สองต่อสองในสวนไร้ผู้คนกับยองเบต่างหาก จะว่าเขาป๊อดก็ได้ ก็.... ก็สายตามันไม่น่าไว้ใจจริงๆ นี่ ถึงจียงจะรัก จะบอกรัก เขาก็ยังไม่พร้อมจะเสียตัววันนี้นะ (โดยเฉพาะ เดี๋ยวนี้ ทันทีหลังกินข้าวเนี่ยยยนะ) ไม่ จียงไม่เอาด้วยหรอก เขาอยากให้ครั้งแรกเพอร์เฟค โรแมนติก อาจจะเป็นที่รีสอร์ทริมหาด หรือเคบินน้อยกลางป่า โรงแรมห้าดาวก็ได้เอ้า
แต่อันที่จริง เขาเรื่องมีอะไรๆ กันน่ะ ไม่เคยอยู่ในสมองของจียงเลยนะ จริงๆ นะ
“น่า จียง เดินย่อยก่อนกลับบ้านนอนไง นะ...” เสียงทุ้มตะล่อมต่อ มันดันหลังจียงให้เดินด้วยอ่ะ
“ย่อยบ้าอะไร กินกันไปแค่ครึ่งจานจะเอาอะไรมาย่อย” พอโดนลูกอ้อนเข้าจียงก็ใจอ่อน และถึงปากจะบ่นๆ แต่ก็ออกเดินตามแรงดัน
ยองเบพาเขาเดินเรื่อยๆ ไปตามทางปูอิฐที่ตัดผ่านสวนสาธารณะ ค่ำๆ อากาศดีแบบนี้มีผู้คนอยู่ประปราย ทั้งที่จูงหมามาเดินเล่น มาวิ่งออกกำลัง หรือ... มานั่งจู๋จี๋กันตามม้านั่งใต้ต้นไม้
“อย่าแม้แต่จะคิด ฉันจะกลับบ้าน” จียงดักคอเสียงเข้ม เมื่อเห็นคนข้างตัวทำตาละห้อยมองม้านั่งว่างๆ ตัวหนึ่ง
ยองเบหัวเราะหึหึแล้วก็ไม่ว่าอะไร ออกเดินต่อไปอย่างว่าง่าย ทั้งสองเดินทอดน่องไปเรื่อยๆ โดยไม่พูดอะไร จนเมื่อต้นไม้ริมทางเดินสูงขึ้น มืดครึ้มขึ้น และผู้คนที่เดินสวนมาน้อยลง...
มือใหญ่ๆ อุ่นๆ ก็เลื่อนมากุมมือเล็กกว่าของจียงไว้อย่างหน้าตาเฉยที่สุด
นิ้วสั้นๆ หนาๆ สอดประสานกับนิ้วของจียงอย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของที่สุด
และจียงก็เอาแต่ก้มหน้า ซ่อนรอยแดงร้อนเห่อกับหัวใจที่เต้นตุ้บๆ เหมือนอกจะแตก แล้วเดินต่อไปอย่างนิ่งที่สุดเหมือนกัน
จนกระทั่งไอ้บ้าทงยองเบหัวเราะหึหึอีกครั้ง
“หัวเราะอะไร ห๊ะ?” มือเล็กสะบัดหลุด เจ้าของมือที่ยังแก้มแดงจนเห็นได้ในแสงสลัวของโคมไฟถนนหันมาด่า
ยองเบยิ้มกว้างยิ่งขึ้น ยิ้มที่ทั้งรักใคร่และเอ็นดู
“ฉันก็รักนาย” พูดจบไอ้บ้ายองเบก็คว้ามือเขาไปจับอีกครั้ง แถมยังแกว่งไปมาลัลลาด้วย
จียงพองแก้ม แต่คราวนี้ยอมให้มันจับโดยดี ทั้งสองเดินช้าๆ กุมมือกันต่อไปเรื่อยๆ จนออกจากสวนสาธารณะ... จนเกือบถึงหน้าอพาร์ทเมนท์ของจียง ...
“จียงอา... ขอบคุณนะ” จู่ๆ คนข้างตัวก็หยุดเดิน แล้วดึงมือเขาไปกอดไว้กับอก
“ขอบคุณนะที่รักฉัน”
ยองเบฟังดูจริงจัง จริงจังมากจนวูบหนึ่งจียงแอบกลัว....
“ยองเบ...เดี๋ยวสิ...” เขาค่อยๆ ดึงมือออก อะไรบางอย่างแล่นมาจุกที่อก ทำยังไงดี เขาให้ความหวังยองเบมากเกินไปหรือเปล่า แล้วถ้าวันหนึ่ง จียงเกิดพบว่าตัวเองไม่ได้รักยองเบอย่างที่บอก ยองเบจะเป็นอะไรหรือเปล่า
นิ้วหนาเชยคางที่ก้มชิดอกขึ้น บังคับให้จียงต้องจ้องเข้าไปในดวงตาเรียวเล็กที่ฉายแววอ่อนหวาน
“จียง ไม่ต้องกลัว...” ใบหน้านั้นเลื่อนเข้ามาใกล้ แต่ก็หยุดไว้แค่ปลายจมูกเกือบชนกัน
“ไม่ต้องกลัวความรู้สึกของตัวเองนะ ค่อยๆ ช้าๆ เราจะไปด้วยกัน ประคับประคองความรู้สึกของเราไปพร้อมๆ กันนะ”
คนตัวบางพูดไม่ออก เขากลัวเหลือเกิน แต่ตอนนี้ เขาก็รู้ว่าเขารักคนตรงหน้าเหลือเกินด้วยเหมือนกัน รักเกินกว่าจะผลักไส รักเกินกว่าจะตัดใจ และสิ่งที่จียงทำได้ก็คือ
“อืม...”
พยักหน้ารับคำอย่างเอียงอาย เรียกรอยยิ้มกว้างจากคนตรงหน้าได้เป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้
“โอ๊ยยยยยย ดีใจจังเลยยยย” ทงยองเบปล่อยมือเขาแล้วออกไปเต้นระบำ -*-
เต้น ระ บำ
ควอนจียงมีแฟนเป็นคนบ้าเหรอวะ -*-
“ยองเบ...”
“ดีใจอ่ะ จียง ดีใจที่สุดเลย เหมือนเห็นดอกไม้บานเป็นไร่ๆ เห็นพลุ เห็นดาววิ้งๆ กระจายเต็มฟ้าเลยอ่ะ”
ทงยองเบยังเต้นระบำ -*-
“ยอง เบ....-*-”
“จียงอา ฉันรักนาย รักนายจริงๆ รักที่สุด รักที่สุดๆๆๆ เล้ยยย”
มันพุ่งเข้ามากอดเอวเขายกขึ้นแล้วหมุนๆ ด้วยอ๊ะ!!
“ทง ยอง เบ๊! ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ” จียงเอามือยันไหล่หนาๆ ของไอ้แฟนบ้าไว้พลางโวยวาย หน้าเขาแดงอีกแล้ว แต่คราวนี้แดงเพราะความอับอาย
“ใครมาเห็นเข้าทำไงวะ”
ขอย้ำ นี่มันแถวบ้านจียงนะ เขายังไม่อยากตกเป็นข่าวฉาวประจำคอนโดนะ
ทงยองเบที่ยังลัลลาเกินเหตุหัวเราะร่วนแล้วยอมวางเขาลง มันจับมือเขาจูงให้เดินต่อจนเกือบถึงประตูหน้า
จียงหยุด ก้มมองมือที่จับกันอยู่ แล้วเงยหน้ามองอพาร์ทเมนตัวเอง คิดนิดหนึ่ง ก่อนจะหันมองคนข้างตัว
“อืม... จะขึ้นไปไหม...” หวังว่าเขาคงไม่ได้ฟังดูเชื้อเชิญเกินไปหรอกนะ
“แต่ไม่ให้ทำอะไรนะ ฉันบอกรักนายไม่ได้หมายความว่านายทำอะไรๆ แบบนั้นกับฉันได้นะ” รีบพูดต่อจนลิ้นเกือบพันกัน
หน้ายองเบแดงเถือกขึ้นมาทันใด
“เฮ่ย” จียงอ้าปากค้าง...
“คือ....” เสียงทุ้มเจือหัวเราะแห้งๆ อ้อมๆ แอ้มๆ บอก
“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉัน...เอ่อ... ไม่คิดถึงขนาดนั้นหรอก... คือ...”
จียงตบหน้าผากปุ
เขาลืมไปได้ไง ว่าถึงแม้ทงยองเบจะทำหน้าทำตาเจ้าเล่ห์แสนกลขนาดไหน ไอ้คนข้างตัวเขาเนี่ย มันก็ประสบการณ์กับผู้ชายด้วยกันเป็นศูนย์เหมือนเขานั่นแหละ พอนึกได้แบบนี้จียงก็ยิ้ม เขาตบหลังมือหนาๆ ไปสองที
“ไม่เป็นไร.... เรา... จะค่อยๆ ไปด้วยกันไง ใช่ไหมยองเบ” พอยองเบพยักหน้าจียงก็ยิ้มมากขึ้น
“งั้นก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติก็แล้วกันเนอะ ไม่ต้องไปเร่งมันหรอก เนอะ” ยองเบยิ้มตอบ แล้วคว้ามือเขาไปกุมอีกครั้ง
กุมไว้ครู่หนึ่ง แล้วยกมือเขาขึ้น ก่อนจะฝังริมฝีปากที่ร้อนจนเหมือนจะลวกกันลงบนหลังมือของจียง
อึดใจใหญ่ผ่านไป และเชื่อเถอะ จียงกลั้นใจไว้จริงๆ
กว่ายองเบจะเงยหน้าขึ้นยิ้มระรื่นให้ จียงรู้สึกเหมือนผ่านไปเป็นปี ดูเหมือนยองเบไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่จียงนี่สิ...
“ขึ้นไปดีๆ นะ ฉันกลับก่อนนะ” ไอ้คุณแฟนปล่อยมือเขา แล้วดันไปทางประตูใหญ่ ก่อนจะโบกมือหยอยๆ ให้
“อ่ะ อื้ม นายก็กลับดีๆ นะ” จียงอ้ำอึ้งตอบ แล้วยกมือ(ข้างที่ไม่ได้โดนจูบ)โบกให้นิดหน่อยก่อนจะเดินเข้าตึก หันมองก็เห็นยองเบเขย่งก้าวกระโดดจากไป
ให้ตาย....
เขาเข้าลิฟท์ไปแล้ว เขาเปิดประตูบ้านเข้ามาแล้ว เขาไปนั่งสงบสติอารมณ์ที่โซฟาแล้ว...
ให้ตาย...
ไม่เคยมีใครบอกเขาเลยว่าจูบที่หลังมือมันจะทำลายล้างได้ขนาดนี้ มันจะร้อนเหมือนมือจะไหม้ได้ขนาดนี้ จียงยกมือตัวเองขึ้นมอง เขาไม่แปลกใจเลยถ้าจะเห็นแผลไฟลวกบนหลังมือตัวเอง
ให้ตาย...
ตอนนี้มันร้อนไปทั้งแขนแล้วอ่ะ ร้อนมาถึงหน้าแล้วอ่ะ
เขานึกถึงสัมผัสนุ่มๆ ตึงๆ หยุ่นๆ และที่สำคัญ ร้อนฉ่าของปากยองเบแล้วก็ล้มตัวเอาหัวฟาดหมอน
โอย... ให้ตาย... นี่เขากำลังเอาตัวเองไปเจอกับอะไรวะ
อาบน้ำ จียงไปอาบน้ำดีกว่า เผื่อจะหายบ้าขึ้นบ้าง
จียงอาบน้ำเสร็จแล้ว สระผมแล้ว แต่งตัวแล้ว ออกมาเปิดทีวีดูแล้ว...
แต่หลังมือตรงที่โดนยองเบจูบก็ยังร้อนผ่าวเหมือนโดนลวกอยู่แบบนั้น คนตัวบางถอนใจ ก่อนจะทิ้งตัวจมลงไปในโซฟาตัวใหญ่ เสียงทีวีที่เปิดไว้ดังผ่านหูไปเหมือนมาจากที่ไกลๆ
แล้วเสียงโทรศัพท์กรีดร้องก็กระชากเขาออกมาจากภวังค์เลื่อนลอย จียงโดดไปตะครุบเจ้าเครื่องมือสื่อสารที่แหกปากร้องอยู่บนโต๊ะกลางบ้าน ก่อนจะกดรับแล้วกรอกเสียงลงไป
“ฮัลโหล”
โทรศัพท์บ้านของจียงไม่มีระบบโชว์เบอร์ เขาเคยคิดจะไปซื้อแบบโชว์เบอร์มาเหมือนกัน แต่ในเมื่อเบอร์นี้มีคนรู้แค่ไม่กี่คน...
“จียงอา......”
เสียงทุ้มๆ ทอดอ่อนออดอ้อนมาตามสาย
จียงนิ่วหน้า
“จียงอา..... คิดถึงอ่า......”
ไอ้แฟนบ้า
“คิดถึงอะไร ก็เพิ่งเจอกันเมื่อกี๊นี้เอง”
“จียงอา..... ไปหานะ”
ดูมัน
“ก็เมื่อกี๊ถามแล้ว ว่าจะขึ้นมามั้ยก็ไม่ขึ้น นี่ถึงบ้านแล้วไม่ใช่หรือไง” จียงเหลือบดูนาฬิกา บ้านเขากับบ้านยองเบไม่ไกลกันนัก ป่านนี้คนตัวล่ำๆ ของจียงคงอาบน้ำเสร็จนอนกลิ้งอยู่บนเตียงแล้ว
“ก็...ก็...พอกลับมาแล้วมันคิดถึงนี่นา.... นะนะนะนะ ไปหานะ เดี๋ยวรีบไปเลยเนี่ย ออกไปทั้งชุดนอนเลย”
นั่นไง ว่าแล้ววว
“ไม่ต้องเลย”
“โธ่... น่านะ จียงนะ คิดถึงจะบ้าอยู่แล้วเนี่ยยย อยากเจอหน้า... อยากกอด...”
“ไอ้บ้า” จียงด่าโดยไม่ต้องคิด
“ถ้าจะออกมาก็แต่งตัวให้เรียบร้อยด้วย” แล้วที่พูดนี่คิดหรือยังเนี่ย
มันน่าตีตัวเอง...
“เย้!!!! ได้ๆๆ อย่าเพิ่งนอนนะ เดี๋ยวถึงข้างล่างแล้วกดขึ้นไปนะ จะรีบไปเดี๋ยวนี้เลยนะ” แล้วไอ้แฟนบ้าก็วางสายไปไม่รอฟังคำตอบเขา
จียงถอนใจใส่โทรศัพท์ ก่อนจะวางมันลงช้าๆ
เขาเริ่มคิด...
แค่ยองเบจูบมือ มันก็ไหม้ไปถึงไหนต่อไหน... แล้วถ้าคืนนี้มันมานอนด้วยแล้วจูบที่อื่นล่ะ?
คนตัวบางสะบัดหน้าแรงๆ ไม่เอา ไม่คิด ไม่ดี.... ยองเบนอนที่นี่ออกบ่อย ครั้งนี้ก็คงเหมือนทุกทีนั่นแหละ มาที่บ้าน นั่งคุย เล่นเกมส์ นอน แบบนั้นแหละ จียงพยักหน้าให้ตัวเองอย่างมั่นใจ
แต่ก็.... ถ้ายองเบจูบล่ะ....
จียงทะเลาะกับตัวเองอยู่นานจนเสียงโทรศัพท์กระชากวิญญาณเขากลับเข้าร่างอีกครั้ง
“อยู่ข้างล่างแล้วเหรอ อือ เดี๋ยวกดเปิดให้”
ยองเบมาแล้วสินะ
แล้วก็.... คิดว่ายองเบจะทำอะไรจียงหรือเปล่าล่ะ? คิดว่ายองเบจะกล้าทำมั้ยนะ? หรือจียงจะยอมหรือเปล่า?
สงสัย....จะยังไม่ใช่คืนนี้หละ
แต่จะเป็นคืนไหน ลองย้อนไปอ่าน LL101 ดูนะ :D
end