[SF - YBGD] You're My (5/?)

Sep 26, 2011 22:00


Title        You're My (5/?)By           pop
Pairing    YBGD
Rate       NC-17
Status    Shot fic  /  WIP

Warning อย่าลืม...ว่ายองเบตบจูบนะคะเรื่องนี้ xD ....

++++++++++++++++++++++++

ผ่านไปสัปดาห์หนึ่ง แล้วก็สอง....สาม แล้วก็สี่.... แล้่วสัปดาห์ก็เปลี่ยนเป็นเดือนจียงคบกับยองเบมาได้จะสามเดือนแล้ว

เขาเริ่มชินกับการพบกันลับๆ ทำเป็นไม่รู้จักกันในโรงเรียน นั่งรถเมล์คนละที่ ไม่มองหน้ากัน แล้วค่อยลงป้ายเดียวกัน เดินกลับบ้านด้วยกัน

แต่ไม่นาน ยองเบก็เริ่มจะทนไม่ได้ คอยแอบลากจียงเข้าไปในมุมลึกลับของโรงเรียน แอบขโมยตัวคนที่เผลอเดินเหม่อ ฉุดเข้าไปในห้องเก็บของบ้าง ห้องน้ำบ้าง หรือร้ายกาจสุดๆ ก็ใต้บันได ที่นักเรียนคนอื่นเดินขึ้นลงคุยกันเจี๊ยวจ๊าวนั่นแหละ จูบที่เร่งรีบและหลบซ่อนบางทีมีรสหวานอมเปรี้ยว บางทีก็ร้อนแรง บางทีก็เพียงผิวเผิน แต่ทุกครั้งมันพร่ำบอกเป็นคำว่า “คิดถึง”

แล้วมันก็เริ่มมากขึ้นอีก จากจูบที่ปาก ลามไปที่อื่น บางครั้งยองเบจะลากจียงไป แล้วทรุดลงจัดการร่างกายที่ไม่เคยโดนใครอื่นแตะต้องอย่างรวดเร็ว เร็ว... เสียจนจียงไม่ทันได้ต่อต้าน ไม่ทันได้คิด ไม่ทันได้ร้องออกมาด้วยซ้ำ มือของยองเบเหมือนมีมนต์วิเศษ ดวงตาเรียวเป็นประกายวาบเหมือนมีดเหมือนดาบคมๆ และริมฝีปากก็ร้อน แต่ก็นุ่มอย่างเหลือเชื่อ จียงไม่มีทางต่อต้านคนคนนี้ได้เลย

และทุกครั้ง ยองเบจะกระซิบข้างหูเบาๆ ว่า “นายเป็นของฉัน” ก่อนจะปล่อยตัวจียงไป

“คนบ้า... ยังกับฉันจะไปเป็นของใคร”

จียงยืนแตะปากที่บวมเจ่อของตัวเอง มองตามหลังคนตัวล่ำที่วิ่งหายไปไวๆ

เด็กหนุ่มตัวผอมมองซ้ายมองขวา ก่อนจะก้าวออกจากห้องเก็บอุปกรณ์สู่ระเบียงทางเดินว่างๆ เขาเดินไปคนละทางกับยองเบ จียงจะอ้อมไปขึ้นบันไดด้านหลัง เขารู้สึกว่าตัวเองเจ้าเล่ห์ขึ้น ร้ายกาจขึ้น ตั้งแต่รู้จักกับยองเบ จนถึงตอนนี้ ไม่มีเพื่อนๆ คนไหนในกลุ่มเด็กเรียนของเขาระแคะระคายเลยว่า ควอนจียง นักเรียนตัวอย่างเงียบๆ ติ๋มๆ คนนี้ มีอะไรไปถึงไหนต่อไหนกับเด็กเกตัวเอ้อย่างทงยองเบ

แต่... จียงก็ไม่ได้ภูมิใจนักหรอกนะ เขายังอยากเดินควงยองเบอย่างเปิดเผย บอกกับทุกคนให้รู้ว่าคนคนนี้เป็นคนรักของเขา และอยากใ้ห้ยองเบบอกทุกคนแบบนั้นเหมือนกัน จียงเก็บเป้าหมายนี้ไว้ในใจ เขาต้องทำมันให้ได้สักวันหนึ่ง

อีกที่ที่จียงไปบ่อยขึ้นก็คือร้านสัก เขาไปที่นั่นกับยองเบ นั่งรอจนอีกฝ่ายทำงานเสร็จ คุยกับพวกพี่ๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพี่ซึงฮยอนกับพี่เท็ดดี้ พี่เบคกี้บางทีก็เข้าไปเป็นช่างเจาะหรือสัก ส่วนยองเบก็ช่วยงานจิปาถะในร้าน จียงไม่ลืมช่วยยองเบติวหนังสือตามที่เคยบอกว่าจะทำ เขาอดแปลกใจไม่ได้ที่ยองเบหัวดีกว่าที่คิด แล้วก็ต้องทำปากยื่นปากยาว เมื่อค้นพบว่าแท้จริงแล้วยองเบหัวดีแค่ไหน

“แล้วทำไมไม่ยอมเรียน” คนตัวบางบ่นปอดแปด

“ขี้เกียจจะตาย เรียนไม่เห็นสนุกเลย” คนตัวหนาพูดไปมือก็จัดเครื่องประดับหน้าตาประหลาดในถาดเงินไป จียงหมั่นไส้จนค้อนเอาวงใหญ่ โชคร้าย ที่ยองเบหันมาเห็นพอดี เลยโดนดึงไปจูบจนปากเจ่อ

“ทำแบบนี้สนุกกว่าตั้งเยอะ” จูบจนพอใจแล้วก็ยิ้มมุมปาก ดวงตาเรียวฉายแววร้ายกาจจนจียงที่หน้าแดงแปร๊ดอดฟาดเข้าที่หลังหนาๆ นั่นอย่างหมั่นไส้สุดขีดไม่ได้

แน่นอน จียงรู้สึกว่าตัวเองกล้ามากขึ้น กล้าแสดงความรู้สึกออกมามากขึ้น... นี่อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกอิสระมากขึ้น

เมื่อเสร็จงานแต่ละวัน ยองเบจะจับเขาซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ไปจอดที่ปากซอยบ้าน แล้วพาเดินไปส่งหน้าบ้านเพื่อไม่ให้คุณนายควอนตกใจอีก

ก่อนปล่อยจียงเข้าบ้าน ในเงามืดใต้ต้นไม้ริมรั้ว ทั้งสองแลกจูบกันอย่างอ่อนหวาน จูบที่อ้อยอิ่งเหมือนไม่อยากจากลา จูบที่เต็มไปด้วยคำสัญญาถึงวันรุ่งขึ้น

“ไปนะ” จียงกระซิบแผ่วชิดริมฝีปากอิ่มที่ยังคงคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง

“อืม...” ถึงจะตอบแบบนั้นแต่ยองเบยังไม่ยอมปล่อยเขาเป็นอิสระ

“นี่ ปล่อยสิ” จียงหัวเราะคิก เบือนหน้าหลบจมูกครึ่งปากร้อนๆ ที่ไซ้หาแก้มขาว

“อืม... ก็แค่อยากอยู่แบบนี้นานอีกหน่อย” ยองเบกระชับวงแขนที่รัดรอบเอวบางให้แน่นขึ้น ปากร้อนโฉบลงไปดูดเบาๆ ที่ซอกคอ

“เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เจอกันแล้ว” จียงเบี่ยงตัวออกจากวงแขนนั้นได้ในที่สุด

“กลับดีๆ นะยองเบ” เขากุมมือใหญ่ไว้แล้วบีบเบาๆ ยิ้มให้แล้วโดนดึงไปจูบเบาๆ ที่ปากอีกครั้งก่อนยองเบจะยอมปล่อยเขาเข้าบ้านไป

เป็นแบบนี้ทุกครั้ง ทุกวัน ทุกคืน จนความรู้สึกที่สะสมมันถมขึ้นมาจนปริ่ม และจูบก่อนจากก็เร่าร้อนขึ้นทุกที กระทั้งจียงเองยังอยากจะบ้า คิดถึงแต่สัมผัสของอีกฝ่ายจนนอนไม่หลับตลอดคืน เขารู้ ยองเบเองก็ไม่ต่างกัน แต่ที่เขาไม่เข้าใจ... คือทำไมยองเบไม่ยอมก้าวข้ามเส้นกั้นนั้นมาเสียที ไม่ยอมครอบครองเขาเป็นของตัวเองเสียที

ผลการสอบกลางภาคเป็นที่ฮือฮาอย่างมาก เมื่อมีชื่อของเด็กเกตัวเอ้อยู่ในสิบอันดับแรกถึงสามคนในสามชั้นปี

แน่นอน สำหรับปีหนึ่งคือทงยองเบ ได้อันดับที่ 7 ของชั้นปีสอง ถึงจะไม่เคยติดหนึ่งในสิบมาก่อน แต่การที่รุ่นพี่ซึงฮยอนคว้าอันดับ 1 ไปได้ก็ไม่น่าตกใจเท่าไหร่ เพราะหลายคนรู้กิตติศัพท์ความหัวดีของรุ่นพี่คนนี้อยู่แล้ว ที่น่ากลัวที่สุดอาจจะเป็นมนุษย์สุดแสบ ซองเบคคยอง ที่มักจะรั้งตำแหน่งที่ร้อย แต่คราวนี้กลับโดดขึ้นมาอยู่ที่ 10 เรียกเสียงฮือฮาวิพากย์วิจารณ์กันอย่างออกรส

จียงแหวกกลุ่มเพื่อนๆ เข้าไปดูบอร์ดประกาศผลคะแนน เขารู้สึกตัวพองๆ ลอยๆ ที่เห็นชื่อของยองเบอยู่ลำดับต้นๆ เหตุีการณ์่ที่ร้านสักในวันหนึ่งกลับเข้ามาในความทรงจำ...

“นี่ ไอ้แห้ง เมื่อไหร่จะยอมไอ้ยองเบซักที”

คำพูดห้วนๆ ของรุ่นพี่เล็กพริกขี้หนูทำเอาจียงสำลักโค้กที่ดูดอยู่จนยองเบต้องลูบหลังให้

“พี่... พอเหอะน่า” ยองเบบ่นอย่างไม่จริงจังนัก

“พอเพออะไร คบกันมาก็ตั้งนาน ยังไม่มีอะไรกันอีก แล้วเมื่อไหร่ฉันจะได้อุ้มหลานล่ะ” ซองเบคคยองกระดิกเท้าที่พาดโต๊ะดิกๆ อย่างสบายอารมณ์

“พี่!!! จียงท้องได้ที่ไหนเล่า” คราวนี้ยองเบโวยลั่น และจียงหน้าแดงแปร๊ด

เขารวบตำราที่กางตรงหน้ายัดลงกระเป๋า รู้สึกเขินอายเกินกว่าจะนั่งอยู่ท่ามกลางเสียงหัวเราะขบขันของพวกรุ่นพี่ห่ามๆ พวกนี้

“ผมกลับก่อนนะครับ” จียงผุดลุกขึ้นยืนแล้วโค้งรอบร้าน ก่อนจะวิ่งออกมาจากที่นั่น

รู้ตัวอีกทีแขนก็โดนดึงไว้ ยองเบนั่นเองที่วิ่งตามเขาออกมา

“นี่... เดี๋ยวสิ” คนตัวล่ำเอ่ยเสียงอ่อน คงรู้ว่าจียงฉุน

“พวกพี่เค้าก็ล้อเล่นไปตามเรื่อง อย่าคิดมากสิ” จียงส่ายหน้าน้อยๆ เขาไม่ได้คิดมาก เขาแค่อาย

“ฉันรู้ ฉันไม่ได้โกรธหรอก ก็แค่...” คางเล็กก้มชิดอก เขารู้ว่าหน้าตัวเองคงแดงเป็นมะเขือเทศ

“เขินหรือไง”

เสียงพูดเจือหัวเราะของยองเบไม่ได้ช่วยอะไร แค่ทำให้เขาเขินมากขึ้นเท่านั้น

แต่... ไม่ใช่ว่าจียงไม่คิดนะ สิ่งที่พี่เบคกี้พูดน่ะ มันตรงกับความคิดเขาจะตาย เขาเองก็ยังสงสัย ทำไมยองเบไม่ก้าวต่อ จะว่าหมอนั่นถนอมเขาก็ไม่ใช่ จูบแต่ละที ยังกะจะขยี้กันให้แหลกคาปาก

จียงทำหน้ายู่

“แล้่วนายล่ะ ทำไมยังไม่ทำอะไรฉันซักที”

คำถามนั้นคงเหมือนไม้ตีแสกหน้ายองเบ เพราะจียงเห็นความประหลาดในในดวงตาคู่นั้น ก่อนมันจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความดีใจและคาดหวัง

“ทำได้เหรอ? ทำได้มากกว่านี้จริงๆ เหรอ?”

ไอ้บ้ายองเบจัีบเขาเขย่า และจียงต้องกัดฟันไม่ให้มันกระทบกันกึกกึก

“เดี๋ยวก่อน ยองเบ ปล่อย ฉันเจ็บนะ” เขาประท้วงเสียงเบา แต่แล้วก็ยิ้ม เพราะยองเบกำลังยิ้ม ยิ้มกว้างมากอย่างที่จียงไม่เคยเห็นมาก่อน มันดูเหมือน....

ยองเบกำลังดีใจ ดีใจมาก ดีใจจริงๆ

และมันทำให้จียงดีใจยิ่งกว่าที่เขาทำให้ยองเบดีใจได้ถึงขนาดนี้

“ก็... เอาเป็นว่า... ฉันจะให้เป็นรางวัล ถ้าผลสอบนายติดหนึ่งในสิบดีไหม”

และมันทำให้จียงดีใจกว่าเมื่อกี๊นี้อีก ที่เห็นยองเบอ้าปากค้าง หน้าถอดสี แล้วโวยวายเสียงดังลั่น แทบจะลงไปนอนดิ้นกับพื้นถนน

“ไม่ยุติธรรมเลย!!!!” คนน่ากลัวคนนั้นตอนนี้หมดท่า ร้องงอแงพาลพาโลเหมือนเด็กตัวเล็กๆ แต่จียงยิ้ม เขาจับมือ “เด็กเล็กๆ” คนนั้น แล้วออกแรงดึงเบาๆ

“ยุติธรรมสิ แบบนั้นแหละ โอเคป่ะ แล้วก็ ตอนนี้ไปส่งฉันได้แล้ว ไปกันเถอะ” จียงยิ่งยิ้มมากขึ้น เมื่อเด็กเล็กๆ คนเดิมทำปากยื่นปากยาว แต่ยอมไปส่งเขาโดยดี

ยองเบไม่พูดอะไรอีก ไม่มีมานัวเนียหน้าบ้านด้วย แค่กดจูบแข็งๆ ทีหนึ่งก่อนจะกลับไป

จียงว่า.... ยองเบงอนเขาเต็มขั้นเลยหละ....

แต่วัีนนี้ วันที่เห็นผลสอบแบบนี้ จียงยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ แล้วก็ต้องหน้าร้อนฉ่าอย่างอดไม่ได้เช่นกัน เมื่อนึกได้ว่าตัวเองสัญญาอะไรกับยองเบไว้

“ฉันว่ามันโกง”

บทสนทนาไม่เบานักจากเด็กนักเรียนกลุ่มหนึ่งทำให้รอยยิ้มของจียงระเหยไปในอากาศ

“ใช่ อยู่ๆ จะได้ที่ 7 ได้ยังไง มันต้องโกงแน่ๆ คนแบบนั้น ไม่มีทางทำได้ด้วยตัวเองหรอก”

ยิ่งหลายคนพยักหน้าเห็นด้วยจียงยิ่งโกรธ เขาโกรธจนตัวสั่น แต่ก่อนที่จะได้อ้าปากพูดอะไรเสียงหัวเราะเบาๆ แต่สั่นประสาทก็ทำให้ทุกอย่างรอบตัวเงียบสนิท

แม้แต่จียงเองก็ยังรู้สึกขนลุก

เขาหันไป.... ทงยองเบยืนอยู่ที่นั่นกับรุ่นพี่ซึงฮยอน

ยองเบกอดอกหลวมๆ ท่าทางสบายๆ แต่สายตาจ้องนิ่งไปที่เด็กกลุ่มที่พูดว่าเขาโกง

“ฉันอาจจะโกงอย่างที่พวกแกพูดก็ได้...” ยองเบเอ่ยด้วยเสียงต่ำๆ

“แต่แกต้องมีหลักฐาน ถ้าไม่มี ก็หุบปากไปซะ ต่อให้วิ่งแจ้นไปฟ้องครู แกก็ทำอะไรฉันไม่ได้”

“ไอ้พวกขี้แพ้แบบแก ก็ได้แต่อิจฉาคนอื่นไปวันๆ เห็นคนอื่นดีกว่าเป็นไม่ได้ ต้องหาว่าโกงมั่งล่ะ มีคนช่วยมั่งล่ะ เป็นคนโปรดของอาจารย์มั่งล่ะ คิดว่าฉันไม่เคยได้ยินเรื่องที่พวกแกนินทากันหรือยังไง มีใครในโรงเรียนนี้มั่งที่พวกแกเคยพูดถึงในแง่ดีน่ะ”

เด็กกลุ่มนั้นหน้าขาวซีด จียงเริ่มจำได้ ว่ากลุ่มนี้เป็นเด็กเรียน ที่ชอบทำตัวแข่งขันกับทุกคนเสมอ และแน่นอน หนึ่งในนั้นคงเป็นจียง โดยเฉพาะเรื่องที่โดนค่อนขอดว่าเป็นศิษย์รักของอาจารย์

“นาย... พูดแบบนี้ก็แปลว่ายอมรับว่าโกงใช่มั้ยล่ะ บอกมาตรงๆ ดีกว่า น้ำหน้าอย่างนาย ไม่มีทางทำข้อสอบได้โดยไม่โกงแน่ๆ” หนึ่งในเด็กกลุ่มนั้นยังทำใจกล้า และยองเบก็มือไว หมัดหนักๆ ลอยหวือไปกระทบแก้มเด็กปากเสียจนร่างนั้นกระเด็นไปชนเพื่อนด้านหลัง

จียงสะดุ้ง เขาไม่อยากให้ยองเบทำแบบนี้ เพราะนักเรียนคนอื่นๆ หวีดร้อง มองยองเบอย่างหวาดกลัว และซุบซิบหนักขึ้น

จียงขยับ แต่รุ่นพี่ซึงฮยอนไวกว่า เขาวางมือใหญ่ข้างหนึ่งลงบนบ่าของยองเบ รั้งคนตัีวเล็กใจร้อนเอาไว้

“ปากดีนักนะ” ยองเบแค่นหัวเราะใส่คนที่นั่งร้องโอดโอยอยู่กับพื้น เขากวาดตามองไปรอบตัว สบตากับทุกคนที่อยู่แถวนั้น

“มีปัญหาไรป่ะ? หรืออยากโดนแบบไอ้หมอนั่น”

จียงกัดฟันแน่น เขารู้ว่ายองเบโกรธ แต่ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย

“งี่เง่า!”

เขารู้สึกว่ายองเบสะดุ้ง แต่ก็ห้ามปากตัวเองไม่ทันแล้ว จียงรู้สึกว่าตัวเองกำมือแน่นอย่างโกรธจัด เขากัดฟัน มองสบตายองเบที่หันมามองเขาอย่างไม่ยอมแพ้

“คนชอบใช้กำลังน่ะ งี่เง่า”

เขาพูดต่อ ถึงแม้เสียงจะเบาลง เพื่อนที่อยู่ใกล้ๆ เริ่มดึงข้อมือเขาอย่างหวาดกลัว

ดวงตาของยองเบเป็นประกายวาววับ และมือของรุ่นพี่ซึงฮยอนก็บีบแน่นขึ้น จียงรู้ว่ายองเบโกรธ แต่เขาเองก็โกรธ โกรธจนทนยืนอยู่ที่นั่นไม่ได้ จียงสะบัดมือเพื่อนที่จับเขาอยู่ แล้วออกวิ่งไปจากที่นั่นทันที

เขาวิ่งไปเรื่อยๆ รู้สึกว่าน้ำตากำลังไหล มันเป็นน้ำตาจากความโกรธหรือเสียใจหรือกลัวเขาก็บอกไม่ได้ เขารู้แต่ต้องไปจากที่นั่น เขาทนมองยองเบต่อไปอีกไม่ได้แม้แต่นาทีเดียว ยองเบที่กำลังโดนนักเรียนคนอื่นสงสัย โดนหวาดกลัว โดนกีดกัน หรือแม้แต่ เกลียดชัง

จียงไม่เข้าใจ ทำไมยองเบ... ยองเบที่เขารักถึงทำตัวให้คนเกลียดแบบนั้น

เขาสะดุดขาตัวเอง แต่ก่อนที่จะล้ม ร่างทั้งร่างก็ลอยหวือไปกระแทกกำแพงตึก

จียงหลับตา แล้วค่อยลืมตาขึ้น เขาอยู่ในซอกระหว่างตึกเรียนและตึกห้องสมุด ข้างตัวเป็นท่อประปาขนาดใหญ่หลายท่อ และตรงหน้า.... เป็นทงยองเบที่กำลังโกรธจัดหนึ่งคน...

ทั้งสองคนจ้องหน้ากันนิ่ง หายใจหอบหนักจากการวิ่ง จียงไม่ยอมละสายตาจากยองเบ แม้จะรู้ตัวว่าน้ำตายังไหลเป็นสาย

กำปั้นลุ่นๆ ชกโครมเข้ามาที่ข้างใบหน้าทำให้จียงสะดุ้งเฮือก หัวใจเหมือนจะบินหายจากอก ดวงตาเล็กเบิกโพลงอย่างตกใจ เขาสะบัดหน้ามอง ภาพเลือดที่ไหนจากข้อนิ้วที่แตกเพราะแรงกระแทกทำเอาจียงอ่อนยวบ น้ำตายิ่งทะลักออกมามากกว่าเก่า

ตอนนี้ ยองเบอาจจะยังโกรธอยู่ แต่จียงไม่โกรธแล้ว...

จียงกำลังเจ็บ และเสียใจ เขานึกอยากให้ยองเบชกมาที่หน้าเขา ที่ตัวเขา กำปั้นของคนใจร้อนจะได้ไม่้ต้องแตกยับแบบนี้...

จียงสะอื้น...

เขายกมือขึ้นกำปกเสื้อของยองเบแล้วสะอื้น ไม่มีแรงจะทำอะไรมากไปกว่านั้น แต่คนตรงหน้ายังโกรธ เพราะกำปั้นเดิมซัดกลับเข้ากำแพงที่เดิมอีกครั้ง แรง จนเลือดกระเซ็นมาโดนหน้าจียง

คนตัวบางลนลานคว้าข้อมือข้างนั้นดึงมาหาตัว ดึงมากอดไว้กับอก แต่ยองเบขืนออก ทำให้จียงปลิวตามแรงไป เขาไม่ยอมแพ้ พยายามยื้ดยุดมือข้างนั้นไว้

“จะชกก็ชกฉันสิ ยองเบ ถ้านายโกรธก็ชกฉัน อย่าทำร้ายตัวเอง” จียงกรีดเสียงออกมาในที่สุด และมันทำให้ยองเบหยุด

กำปั้นของยองเบยังเงื้อง่า และจียงยังกุมข้อมือใหญ่ไว้แน่น เขายังคงสะอื้น และหมดแรง ในที่สุด จียงก็ยอมปล่อยมือของยองเบ เอนพิงกำแพง รูดตัวลงนั่งช้าๆ

เขานั่งลงร้องไห้อยู่แทบเท้าของยองเบ

“ทำไมนายถึงพูดแบบนั้น”

เสียงของยองเบต่ำ เหมือนสะกดกลั้นอารมณ์ จียงเงยหน้าขึ้นมอง กลืนก้อนสะอื้น ก่อนจะตอบ

“ก็นายมันงี่เง่าจริงๆ นี่นา”

ยองเบคำราม จียงเลยพูดต่อ

“นายไปต่อยหมอนั่นทำไม ทำแบบนั้น คนอื่นยิ่งมองนายไม่ดี”

คนตัวเล็กใจร้อนพ่นลมออกทางจมูกทำท่าฮึดฮัด

“ก็หมอนั่น...” ยองเบหยุดพูดเพราะจียงดึงมือเบาๆ

“ยอมรับเถอะ นายมันงี่เง่า ใจร้อนแล้วก็งี่เง่า”

คนงี่เง่าก้มลงแล้วตะคอกใส่

“อย่ามาว่าฉันนะ!!”

“ไอ้นั่นมันว่าฉัน มันควรโดนต่อยแล้ว แล้วมันก็เคยว่านายด้วย ไม่ใช่เหรอไง นายก็รู้นี่ มันเอานายไปนินทา คนอื่นด้วย นายไม่อยากต่อยหน้ามันเหรอไง”

“นายไม่มีสิทธิ์มาว่าฉัน โดยเฉพาะต่อหน้าไอ้พวกบ้านั่น นายไม่มีสิทธิ์มาทำให้ฉันงี่เง่าต่อหน้าพวกนั้น นายไม่มีสิทธิ์!!!”

จียงปล่อยมือใหญ่ที่จับอยู่ น้ำตามากมายไหลออกมาอีกครั้ง เขากัดฟัน กลั้นเสียงสะอื้น เขาเข้าใจความอัดอั้นของยองเบ รู้ดีว่าตัวเองพลาดที่ต่อว่าอีกฝ่ายต่อหน้านักเรียนอื่น แต่หมอนั่นก็งี่เง่าจริงๆ นี่นา...

ยองเบสะบัดหน้าแล้วถอนใจ ก่อนจะย่อตัวลงนั่งตรงหน้าเขา

“ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ แค่นาย นายคนเดียวที่ฉันสนใจ คนอื่นจะว่าฉันว่ายังไงฉันไม่สน แค่นายอยู่ข้างฉัน เป็นพวกเดียวกับฉัน เท่านั้นก็พอ ถ้าจะด่าจะว่าอะไร ค่อยกลับไปว่าทีหลังได้ป่ะ... ”

“แต่นี่... นายว่าฉัน... ต่อหน้าเจ้าพวกนั้น”

มือใหญ่คว้าคางจียงขึ้นบีบ

“มันน่านักเชียว...”

ความกรุ่นโกรธกลับมาวาววาบอยู่ในดวงตาเรียวอีกครั้ง และคราวนี้จียงยอมรับมัน ยองเบอาจจะงี่เง่า แต่เขาไม่ควรจะงี่เง่ากว่ายองเบ

เขาแกะมือหนาที่บีบแก้มอยู่ออก โอบรอบคอคนตรงหน้า แล้วบรรจงจูบลงบนปากที่ยังเม้มแน่น

“คิดว่าทำแบบนี้แล้วฉันจะหายโกรธเหรอ ควอนจียง”

วันนี้ จียงเรียนรู้ว่ายองเบทั้งใจร้อนและใจน้อย

เขายิ้ม... กดจูบลงไปอีก คราวนี้ลึกซึ้งขึ้นอีก เมื่อถอนจูบออกเขาก็เห็นว่ายองเบหลับตา

“นายแคร์ฉัน...” จียงกระซิบ “และฉันก็แคร์นาย ถึงไม่อยากให้นายทำอะไรที่ทำให้ดูไม่ดีในสายตาคนอื่น” จียงลูบแก้มตอบนั้นอย่างปลอบประโลม

“นายอุตส่าห์สอบได้คะแนนดีแล้ว ไม่เห็นต้องทำตัวเกเรเลย แค่คนนินทา ไม่ต้องไปสนใจก็ได้ คำพูดพวกนั้น ทำอะไรนายไม่ได้หรอก”

ยองเบทาบมือเข้ากับมือเล็ก แล้วสอดนิ้วประสานเอาไว้ ความกรุ่นโกรธจางหายไป เหลือเพียงความขุ่นข้องบางๆ

“ฉันโกรธนาย เพราะนายทำตัวงี่เง่าที่ไปแลกกับเจ้าพวกนั้นยังไงล่ะ แล้วนี่ ถ้าโดนพักการเรียนไป...”

ยองเบยักไหล่

“แต่ได้ชกมันซักหมัดน่ะ รู้สึกดีขึ้นจริงๆ นะ”

รอยยิ้มร้ายคลี่บนใบหน้าหล่อ ยองเบอารมณ์ดีแล้ว แต่จียงยังหรอกนะ

“งี่เง่าจริงๆ ด้วย” เขาบ่นเบาๆ ยองเบยักคิ้วรับ

“งี่เง่าสมเป็นทงยองเบจริงๆ...” พูดจบจียงก็ยืดตัวขึ้นจูบคนตรงหน้าอีกรอบ คราวนี้ยองเบจูบตอบ เลยกลายเป็นจูบที่ยาวนานกว่าสองครั้งแรก

กว่าจะผละจากกันจียงก็หัวเบาตัวเบาไปแล้ว

“นี่ ยังจำสัญญาได้หรือเปล่า” ยองเบดึงจียงขึ้นยืน แต่ปากยังไม่ละจากแก้มนิ่ม

จียงเบือนหน้าหนี ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ แต่เขาไม่ได้อยากให้ยองเบมาทวงคำสัญญาตอนนี้นะ

“นายคิดว่าฉันพยายามทำข้อสอบแทบตายเพื่ออะไร ควอนจียง ฉันไม่เคยสนใจอยากให้ใครมาชมหรอกนะ”

ยองเบจับบ่าของจียงดันออก คนตัวบางเอียงหน้าหลบตาคมๆ ที่มองมาอย่างทำอะไรไม่ถูก จียงเสไปคว้ามือยองเบมาดู

“เลือดยังไหลอยู่เลย นี่...”

“ควอนจียง...” เสียงต่ำๆ ของยองเบทำให้จียงกลืนน้ำลายฝืดคอ

“เย็นนี้ฉันจะมารับ เตรียมตัวไว้ให้ดี”

ยองเบสั่งแค่นั้นแล้วก็จัดๆ ปัดๆ เสื้อให้จียง ก่อนจะหมุนตัว เดินจากไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“อ่อ...เีรื่ิองนี้ยังไม่จบนะ นายเตรียมตัวตอบคำถามได้เลย เย็นนี้เจอกัน”

จียงอยากจะหาอะไรขว้างคนตัวหนาขี้เก๊กที่เดินจากไปให้หัวแตกอีกอย่างจริงๆ

เย็นนี้เหรอ....

ถึงจะคิดถึงเรื่องนั้นมานาน ถึงจะอยากเหมือนกัน แต่ก็.....

แค่คิดถึงจียงก็เขินจนตัวจะระเบิดแล้ว....

tbc....

you're my, ybgd

Previous post Next post
Up