Title: The Beginning of all Things 1/2
By: pop
Pairing: YBGD
Rate: PG
universe คุณนายอีกแล้วค่า ^^
โพสใน LJ นี่ต้องตัดเป็นสองตอนทุกทีเลยแฮะ
+++++++++++++++++++++++
เคยคิดไหม ว่าวันหนึ่งเราจะได้เจอใครอีกคน ที่จะมาเติมเต็มชีวิตเราให้สมบูรณ์?
เขาไม่ใช่แค่คิด แต่เป็นฝันเลยหละ
เขาอยากเจอใครคนนั้น ที่จะทำให้เขารู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่ทุกเช้าที่ลืมตาตื่น อยากจะรู้สึกถึงความรักเต็มตื้นล้นปรี่ อยากจะสัมผัสความอบอุ่นมั่นคงเพียงแค่ได้จับมือ อยากรู้สึกมั่นใจ ว่าจะอยู่ข้างกันตลอดไป
แต่จนบัดนี้ เขาก็ยังไม่เจอคนที่ว่านั่นสักทีน่ะสิ... เฮ้อ...
คนคนนั้นยังคงเป็นแค่ฝันกลางวัน เป็นคนที่มีรอยยิ้มคุ้นเคยแต่ไม่มีใบหน้า เป็นคนที่เขารู้จักดีแต่ก็ไม่รู้จักในเวลาเดียวกัน
เขาเคยคิดอยากออกเดินทางตามหาคนคนนั้น เหมือนในละคร ในนิยาย ที่ตัวเอกเดินทางไปสุดขอบฟ้า เพียงเพื่อค้นหาหัวใจตัวเอง
แต่ชีวิตจริงไม่ได้เหมือนในหนังสือ เมื่อเขามีภาระต้องเรียน เรียนจบก็ต้องทำงาน เพราะคำว่า “หน้าที่” มีน้ำหนักมากกว่าคำว่า “หัวใจ” เขาจึงได้แต่ปล่อยให้ความฝันหล่นหาย เลือนลางจางไปตามกาลเวลา
จนกระทั่งวันหนึ่งเขาได้เห็น “ความฝัน” ของเขาตัวเป็นๆ ยืนอยู่ตรงหน้า
เขาไม่เคยมีสเป็ค ไม่เคยกำหนดว่าคนที่เขาชอบต้องหน้าตาแบบไหน รูปร่างเป็นอย่างไร ต้องทำงานอะไร เขาไม่เคยขีดกรอบล้อมรอบฝันกลางวันของตัวเอง
เพราะสำหรับเขา คำว่า “เหมาะสม” กับ “รัก” มันต่างกันน่าดู เขาไม่เคยคิดว่าเขาต้องรักคนที่เหมาะสม…ที่จะรัก สำหรับเขา รักก็คือรัก ฟังดูโรแมนติก แต่ก็โง่เง่าน่าดูเหมือนกัน
และเวลาที่เผชิญหน้ากับความรักตรงๆ มันยิ่งโรแมนติก แต่ก็ยิ่งโง่เง่าเข้าไปใหญ่
เพราะอะไรน่ะหรือ?
ก็เพราะ “ฝันกลางวัน” ของเขาน่ะ เป็น “ผู้ชาย” น่ะสิ “ผู้ชาย” แท้ๆ ไม่ใช่ทอมด้วยเอ้า ถึงจะขาว จะผอมเพรียว ผิวจะบาง จะยิ้มหวานน่ารักแค่ไหน แต่ก็เป็นผู้ชายแท้ๆ มีลูกกระเดือก หน้าอกแบนราบ และก็คงมีตรงนั้นแบบเดียวกับเขา
เฮ่อ.....
ทงยองเบอยากจะถอนหายใจสาปแช่งโชคชะตาฟ้าที่กลั่นแกล้งให้เขาตกหลุมรัก “ผู้ชาย” คนนี้ตั้งแต่แรกเห็น
++++++++++++++++++++++++++++++++++
“เฮ่อ.....”
ไอ่เตี้ยหน้าหล่อนี่เป็นเจี้ยไรของมันวะ มองหน้าเขาแล้วถอนใจไหล่เหี่ยวเนี่ย หมายความว่ายังไงกัน
ควอนจียงหุบยิ้มฉุบขมวดคิ้วฉับ ขณะมองคนตัวหนาๆ ตรงหน้าทำท่าเหมือนผักที่โดนผัดจนสลด
จียงเพิ่งจะแยกกับเพื่อนๆ รอยยิ้มกว้างยังค้างอยู่บนใบหน้า แต่พอเลี้ยวหัวมุมทางเดินในสถานีรถใต้ดิน ก็จ๊ะเอ๋กับหมอนี่ ต่างคนต่างผงะ จ้องหน้ากันอยู่อึดใจหนึ่ง แล้วเจ้าบ้านี่ก็ เฮ่อ..... ถอนใจใส่เขาซะอย่างนั้นแหละ
ไร้มารยาทจริงเชียว
จริงๆ เวลาแบบนี้ต้องบอกว่า ขอโทษครับ สิถึงจะถูก
จียงกลืนคำขอโทษที่ติดอยู่ปลายลิ้นกลับลงคอไป เขาจะไม่ขอโทษเจ้าคนไม่มีมารยาทนี่หรอก
ตาเล็กตวัดประเมินร่างหนาตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
ไม่ว่ามันจะดูดีแค่ไหนก็ตาม
ขาเพรียวขยับก้าวหลบร่างหนาที่พลิกไประทวยพิงผนังแล้วเดินต่อ แต่ก็อดจะหันกลับไปมองคนที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ได้
จียงรู้สึกว่าคิดผิดที่ทำแบบนั้น
ไอ่เตี้ยนั่นจะมองตามมาทำไม แล้วแววตานั่นมันอะไร ตาปรอยๆ เยิ้มๆ ยิ้มๆ ระยับนั่น เจ้าเล่ห์จะตายอยู่แล้ว
ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนมองเขาแบบนั้นเลยนะ หรือ... ถึงจะเคยมีแต่ก็ไม่มีใครทำให้เขาหน้าร้อนๆ แบบนี้ได้เลยนะ
จียงสะบัดหน้ากลับ มือเล็กยกขึ้นพัดแก้มที่ร้อนผ่าวโดยไม่รู้ตัว
ไม่รู้เลยว่า... ท่าแบบนั้นน่ะ หน้านิ่วปากเชิด แต่แก้มแดงเรื่อแบบนั้นน่ะ มันน่ารักกว่าเดิมไปถึงไหนต่อไหน
เสียงถอนหายใจอีก “เฮ่อ........” เหมือนจะแว่วมาจากด้านหลัง แต่พอจียงหันไปจะแว้ดใส่ ร่างหนาๆ ที่พิงกำแพงอยู่เมื่อครู่ก็ไม่อยู่ที่นั่นเสียแล้ว
+++++++++++++++++++++++
จะทำไงดี? เขาจะทำยังไงดี?
ทงยองเบรู้สึกทั้งหดหู่แล้วก็ร่าเริงในเวลาเดียวกัน
เขากำลังมีความรัก เขารู้ หัวใจเขาเต้นผิดจังหวะตลอดทั้งวัน บางทีมันก็เต้นสโลว์แบบอาร์แอนด์บี บางทีบีทก็ขยับเป็นฮิปฮอปแรพกันโย่วๆ
ใบหน้าหวานใสของผู้ชายคนเมื่อวานคอยแต่จะลอยขึ้นมาหลอกหลอน ทำให้เขายิ้มบ้าบออยู่คนเดียว เดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยวถอนใจ ยองเบรู้ดีว่าเขาดูประหลาด เพราะคนที่ทำงานพากันเลี่ยงเขาเหมือนเขามีสองหัว แต่เขาไม่สนใจหรอก ตอนนี้คนคนเดียวที่เขาคิดถึงก็คือคนตัวบางๆ ยิ้มหวานๆ ที่เจอเมื่อวานเท่านั้นแหละ
ตอนเช้าเขาพยายามมองหาแล้ว แต่ไม่เห็นคนคนนั้นเลย เขาไม่แน่ใจด้วยซ้ำ ว่าคนคนนั้นขึ้นรถสถานีเดียวกับเขาหรือเพียงแค่ผ่านมากันแน่ อันที่จริง ความหวังของเขาริบหรี่เต็มทน เพราะถ้าคนหน้าหวานเพียงแค่ผ่านมา ยองเบจะไปควานหาที่ไหน เมืองหลวงไม่ใช่แคบๆ
แต่ยองเบยังไม่ยอมคิดไปถึงตรงนั้น ขอรู้สึกแบบนี้ต่อไปอีกสักหน่อย ความรู้สึกตัวเบาหวิวๆ ของการตกหลุมรักแบบนี้ ช่างดีแท้ๆ
ดูเหมือนเย็นนี้เขาจะโชคร้าย เพราะหัวหน้าเรียกประชุมด่วนเรื่องงานตัวใหม่ กว่าจะประชุมเสร็จ ออกมาก็ต้องเตรียมเอกสาร แบ่งงาน แล้วก็คุยคร่าวๆ ในทีมอีก กว่าจะเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบสามทุ่ม แถมเจ้านายใจร้ายที่เรียกประชุมก็ดันแปลงร่างเป็นเจ้านายใจดีพาทีมไปเลี้ยงข้าวเสียอีก
กว่ายองเบจะคลานกลับถึงสถานีหน้าบ้านก็รถไฟขบวนสุดท้ายพอดี
สถานีว่าง โล่ง สว่างจ้า ทางเดินที่ปกติคลาคล่ำด้วยผู้คนตอนนี้มีเพียงเขาเดินอยู่คนเดียว ร้านรวงต่างๆ ปิดไปหมดแล้ว คงจะเหลือแต่ร้านสะดวกซื้อแบบเปิด 24 ชั่วโมงด้านนอกเท่านั้นแหละ
ยองเบกระโดดขึ้นบันไดทีละสองขั้นจากทางเดินใต้ดินขึ้นสู่ถนนใหญ่ แสงไฟหน้ารถที่แล่นสวนมาพอดีสาดเข้าหน้าจนตาเขาพร่าไปครู่หนึ่ง ยองเบหยุดยืน ยกมือบังหน้า หยีตาสู้แสง กระทั่งรถคันนั้นแล่นผ่านไป เหลือเพียงถนนว่างๆ กับไฟถนนสีเหลืองแปลกๆ ทำให้กลางคืนดูสว่างพิลึก แต่ร่างบอบบางที่ก้าวออกจากร้านสะดวกซื้อกลับดูใสกระจ่าง โดดเด่นจากความมืดสีเหลืองรอบตัวอย่างยิ่ง
ยองเบแทบหยุดหายใจ
ตอนนี้...เขาเชื่อแล้ว ว่าพรมลิขิตมีจริง
++++++++++++++++++++++++++++++
ทำไมกันนะ หมู่นี้จียงเหมือนโดนสิง
ให้ตายสิ ถ้าไม่เรียกว่าสิงแล้วจะเรียกว่าอะไร
ในเมื่อ แทบทุกวันเขาต้องเห็นเจ้าหมอนั่น!
หมอนั่น... ใช่ ไอ่เตี้ยแต่หล่อและไร้มารยาทคนนั้นแหละ มันสิงเขาแน่ๆ ดูซิ แต่ไหนแต่ไรไม่เคยจะสังเกตเห็น แต่หลังจากเดินจะชนกันครั้งนั้น พอกวาดตามองไปเป็นได้เห็นมันทุกทีสิเอ้า
ไม่ว่าตอนเช้าหรือตอนเย็น จียงจะเห็นหมอนั่นที่สถานีหน้าบ้านเสมอ
เขาไม่ได้นับ ว่าเจอวันไหนบ้าง เขาเพียงแต่รู้สึกว่า ‘เจอกันอีกแล้ว’ ก็เท่านั้น
จนวันหนึ่ง เขาอดตกใจตัวเองไม่ได้ ที่พอรู้ตัวก็กวาดตามองหาใบหน้าคุ้นๆ ตัวล่ำๆ หัวแหลมๆ นั่นในฝูงชนเสียแล้ว
จียงสะบัดหน้าขมวดคิ้ว นี่เขาเป็นอะไรไป ทำไมเผลอมองหาหมอนั่น หรือเพราะเจอกันเกือบทุกวัน จนกลายเป็นความเคยชิน หรือเพราะเวลานี้...
จียงยกมือขึ้นดูนาฬิกา... เจ็ดโมงเช้า
เขาเงยหน้ากวาดตาไปทั่วๆ ปกติตอนนี้หมอนั่นจะเข้าคิวซื้อกาแฟกับโดนัทอยู่ที่ร้านตรงหัวมุมนี่นา
จียงสะบัดหน้าอีกครั้ง แล้วทำไมต้องมองไปล่ะ ขาเพรียวก้าวเร็วๆ ไปที่ประตูเข้าสถานี ไม่เกี่ยวกับเขาสักหน่อย วันนี้หมอนั่นจะไม่ได้เข้าแถวซื้อโดนัทอยู่ก็ไม่เกี่ยวกับเขาสักหน่อย
มือขาวหยิบตั๋วเดือนแปะปุ แล้วเดินผ่านเกทที่เปิดออกเข้าไปในสถานี แต่ก่อนจะลงบันไดไปชานชาลา คนตัวบางก็อดจะหันไปมองร้านโดนัทอีกครั้งไม่ได้
หัวใจดวงน้อยดูเหมือนจะกระตุกไปจังหวะหนึ่งเมื่อเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยอยู่ในแถวนั่น
จียงอธิบายไม่ได้ว่าความรู้สึกสงบหลังจากเห็นหมอนั่นยืนเข้าคิวซื้อขนมอยู่คืออะไร เพราะเขาเพียงแต่หันกลับ แล้วเดินลงบันไดไป ...ก็เท่านั้น
อา.... ลืมไปได้ยังไงกันนะว่าหมอนั่นมันเตี้ย ที่เขาไม่เห็นตอนแรกก็เพราะมีคุณป้าตัวยักษ์ยืนอยู่หน้ามันนั่นเอง....
++++++++++++++++++++
ตาย ตาย ตาย เขาจะโดนแจ้งตำรวจจับไหมนะ? เขาจะโดนโกรธหรือโดนเกลียดไหมนะ?
ยองเบคิดอย่างหวาดๆ ขณะยืนหลบหลังเสาไฟแล้วแอบมองไปที่อพาร์ทเมนท์กลางเก่ากลางใหม่ไม่ไกลออกไปนัก
น่าอยู่ทีเดียว สงบแล้วก็สะอาดดี เพื่อนบ้านก็ดูน่ารัก ส่วนใหญ่เป็นครอบครัวที่มีลูกเล็กๆ เขาสงสัยว่าจะมีคนโสดกี่คนกันที่เช่าห้องแบบนี้อยู่
แล้วจู่ๆ ความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัว
หรือหมอนั่นจะไม่โสด?
ยองเบยอมรับ ว่าตอนนั้นใจเขาตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม
ให้ตายสิ ไอ้บ้า ตามมาเอง คิดมากไปเอง แล้วก็จิตตกไปเองเนี่ยนะ เขาทุบหัวตัวเองอย่างโมโห
ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาจิตตกสักหน่อยไม่ใช่เหรอ เขาควรจะดีใจสิ ที่ได้รู้ว่าคนน่ารักคนนั้นอยู่ที่ไหน
ยองเบตัดสินใจยืนมองอีกพักหนึ่ง เขาไม่ใจกล้าขนาดตามเข้าไปดูว่าคนคนนั้นอยู่ห้องไหนชั้นอะไรหรอก แค่นี้ก็ใช้ความกล้ามากกว่าที่ทงยองเบเคยใช้มาทั้งชีวิตรวมกันแล้ว
เขาทอดสายตามองอาคารสีขาวตรงหน้าอีกนิด ก่อนจะหันหลัง และเดินกลับไปทางเดิม
แต่ลึกๆ ลงไป ยองเบรู้ดีว่าเขาไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ว่าเขาถลำลงในหลุมรักครั้งนี้ลึกกว่าครั้งไหนๆ เสียแล้ว
+++++++++++++++++++++++
tbc...