ชำระประวัติพระบิดาราชินีซิลเวีย
วาลเทอร์ ซอมเมอร์ลาท นักธุรกิจชาวเยอรมัน พระบิดาของสมเด็จพระราชินีซิลเวียแห่งสวีเดน ถูกกล่าวหาเมื่อปี 2545 ว่ามีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับพรรคนาซีในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง และเมื่อปีที่แล้ว สารคดีโทรทัศน์ชิ้นหนึ่งระบุว่า ซอมเมอร์ลาทเข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรคนาซีในปี 2477 และเข้ายึดครองธุรกิจของชาวยิวผู้หนึ่งในปี 2482
อย่างไรก็ตาม สมเด็จพระราชินีซิลเวีย ทรงยืนยันเมื่อต้นปีนี้ว่า พระบิดาของพระองค์ ซึ่งเสียชีวิตเมื่อปี 2533 ไม่ได้มีบทบาททางการเมือง และไม่ได้ยึดโรงงานจากชาวยิวในเยอรมนี
หลังจากนั้น สมเด็จพระราชินีทรงใช้ทุนทรัพย์ส่วนพระองค์สนับสนุนการค้นคว้าประวัติของพระบิดา จนกระทั่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เอริก นอร์เบิร์ก อดีตผู้ดูแลหอจดหมายเหตุแห่งชาติสวีเดน ออกมาเปิดเผยว่า โรงงานของชาวยิวที่ ซอมเมอร์ลาท เข้าครอบครอง อาจเป็นการทำข้อตกลงแลกเปลี่ยน เพื่อที่ชาวยิวเจ้าของโรงงานดังกล่าว จะได้อพยพออกจากเยอรมนี
นอร์เบิร์ก ผู้ค้นคว้าข้อมูลถวายสมเด็จพระราชินีซิลเวีย กล่าวว่า ผลการศึกษาข้อมูลจากบราซิลและเยอรมนี แสดงให้เห็นว่า ซอมเมอร์ลาท เข้าร่วมพรรคนาซีขณะที่อาศัยอยู่ในบราซิลเมื่อปี 2477 และย้ายกลับไปเยอรมนีไม่นานก่อนเข้าครอบครองโรงงานของ เอฟิน เวชเลอร์ นักธุรกิจชาวยิว ในปี 2482 ตามที่สื่อรายงานก่อนหน้านี้
กระนั้นก็ดี ข้อมูลที่ค้นพบใหม่ คือ ซอมเมอร์ลาท ไม่ได้ยึดครองโรงงานดังกล่าวมาเฉยๆ แต่ดูเหมือนเป็นการแลกเปลี่ยนกับฟาร์มกาแฟของเขาในบราซิล เพื่อที่ เวชเลอร์ จะได้อพยพออกจากเยอรมนีไปยังบราซิล
โยฮัน อาซาร์ด จากรายการ คัลลา ฟัคตา ที่ขุดคุ้ยประวัติ ซอมเมอร์ลาท แสดงความยินดีกับรายงานของ นอร์เบิร์ก แต่ติงว่า ราคาโรงงานของ เวชเลอร์ ถูกกดให้ต่ำมาก อีกทั้งยังมีการข่มขู่บังคับให้ขาย
ความเห็นของ อาซาร์ด สอดคล้องกับ โทมัส ลิงด์ควิสต์ นักประวัติศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยกอเทนเบิร์ก ที่ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับข้อสรุปว่า ซอมเมอร์ลาท ช่วย เวชเลอร์ หนีจากเยอรมนี โดยระบุว่า การซื้อขายโรงงานแห่งนี้เกิดจากการขู่บังคับ
ส่วนสมาคมผู้รอดชีวิตจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวในเยอรมนี โจมตีว่า รายงานของ นอร์เบิร์ก เป็นการสนองความต้องการส่วนตัว และขาดความน่าเชื่อถือ เนื่องจากสมเด็จพระราชินีซิลเวียทรงว่าจ้างให้จัดทำ รายงานชิ้นนี้รังแต่จะทำให้น่าสงสัยยิ่งขึ้นว่ามีการปิดบังข้อเท็จจริง
การเปิดโปงว่า ซอมเมอร์ลาท เป็นสมาชิกพรรคนาซี กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวในสวีเดน เนื่องจากเขายืนยันมาตลอดว่าไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับพรรคดังกล่าว ข้อเท็จจริงที่เปิดเผยออกมาแสดงว่า เขาโกหกคนทั้งโลก รวมถึงสมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 16 กุสตาฟ และชาวสวีเดนทั้งมวล