[RPS Song fic] These Little Things
Title : These Little Things
Author : Noei1984
Pairing : คู่มหาชนที่ไม่ได้เขียนมานาน V/O
Rating : PG13
คำเตือน ระวังหวานเกินนะฮะ ^^ รึไม่ก็อบอุ่นจน(อิจฉาตา)ร้อนฮะเหอๆ
เกือบลืมเพลงนี้ฮะ
Title: These Little Things
Artist: น้อย PRU
Album: Version Acoutique V.1
Label: Bakery Music
http://www.bluethaizone.com/my/theselittlethings.php มือหยาบเปรอะ สีเอื้อมคว้าแก้วกาแฟเย็นชืดจรดริมฝีปาก... แสงแดดยามบ่ายส่องลอดผ่านบานเกล็ดของStudioเขียนภาพของเขาเข้ามาเป็นสีขาว สว่าง ขอบลำแสงเห็นจางๆจากฝุ่นละอองที่ลอยอยู่ในอากาศ กรอบรูปของภาพมากมายทั้งวางทั้งแขวนเรียงขึ้นไปจากตั้งพื้นจนค่อยๆแขวนสูงไป เรื่อยๆจนเกือบถึงหลังคา ไม่เพียงแต่ภาพวาด ยังมีกรอบภาพถ่ายทั้งกรอบเล็กใหญ่ วางกระจัดกระจาย บ้างแขวนให้เห็นเด่นชัดคละเคล้ากันไป บ้างเหลื่อมซ้อนกันแข่งกันโชว์สีสันสดใสบ้างหลบเร้นเอียงอายอยู่ในเงา ของกรอบอื่น
สายตาของเจ้าของมือเปื้อนสีเมื่อครู่กวาดมองไปรอบห้อง ซึมซับเรื่องราวของภาพแต่ละภาพอย่างช้าๆ
ภาพทุกภาพต่างบรรจุความทรงจำที่แตกต่างไว้ บ้างถูกบดบังด้วยเรื่องราวสดใหม่ บ้างอาจจะถูกอดีตบดบังให้สีสันผิดเพี้ยน บ้างยังเจิดจรัดสดใสในแสงตะวัน
และอีกภาพหนึ่งกำลังจะถูกจดจารความทรงจำและสีสันลงไป เป็นอีกความทรงจำหนึ่งในภาพที่มากมายและหลากหลาย
รอยยิ้มสดใสของคนในรูปกึ่งPortrait กับสีที่ถูกลงด้วยฝีแปรงอย่างหยาบๆแนวAbtractที่ถนัด รอยยิ้มสดใสเจิดจ้าแข่งกับไรแดดแรงยามบ่าย ดวงตาสีน้ำตาลทอประกายรับกับใบหน้าและริมฝีปากได้รูป ผมหยิกสีน้ำตาลที่เหมือนกับพริ้วไหวด้วยแรงลมอ่อน ท่ามกลางสีสันที่ถูกแต่งแต้มจนเหมือนฝูงคนมากมายที่รายล้อมเขา เหมือนกิ่งก้านของต้นไม้ที่ต่างเหยียดให้สูงขึ้นสูงขึ้น แต่ก็ไม่อาจไปถึงแสงตะวันอันสดใสนั้นได้
มือเปรอะสีนั้นวางแก้วลงอย่างแผ่วเบา รอยยิ้มจางๆระบายบนใบหน้า สงสัยกับภาพที่ปรากฎอยู่เบื้องหน้า
นี่เขาไม่ได้วาดรูปPortraitมานานขนาดไหน แล้วครั้งสุดท้ายที่ได้เห็นรอยยิ้มนี้ ทั้งที่มันไม่นานเลย แต่กลับโหยหาอย่างน่าประหลาด
หรือบางทีนี่อาจจะเป็นเพราะนี่คือรอยยิ้มของ Elve boy ที่เขาเคยคิดว่าสูญเสียมันไปแล้วก็เป็นได้
*********************************
ท่ามกลาง หนังสือมากมายทั้งเก่าใหม่เรียงรายอยู่บนชั้นหนังสือในแสงสลัว ท่ามกลางกลิ่นกระดาษเก่าที่รายล้อมรอบตัว ในจุดที่แสงโคมไฟน้อยๆส่องให้มองเห็นร่างที่เร้นกายอยู่แทบจะมุมในสุดของ ร้าน ใบหน้าก้มลงอ่านตัวอักษรตัวจ้อยบนหนังสือเล่มหนา คนอื่นที่เข้ามาอาจจะไม่มีใครสังเกตเห็นร่างโปร่งที่เหมือนจะกลืนหายไปกับ กองหนังสือเลยก็เป็นได้
แต่สำหรับเจ้าของดวงตาคมกล้าที่เพิ่งก้าวเข้ามาสู่ร้านหนังสือเล็กๆนี้ กลับเห็นเหมือนกับร่างบางในแสงไฟสลัวนั้นเป็นจุดเด่นของงานศิลปะชิ้นงาม
เจ้าของร่างที่เพิ่งเข้ามาใหม่เมื่อครู่ตัดสินใจที่จะไม่ทักทายตามปกติ เพัยงแต่เดินตรงเข้าไปอย่างช้าๆ พลางกล่าวบทพูดในฉากๆหนึ่งของนักแสดงอีกคน
"And what would a ranger know of this matter?"
ร่างที่ก้มอยู่กับหนังสือนั้นสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะกระโดดลุกขึ้นยืน อย่างสง่างาม ด้วงตากลมสีน้ำตาลจ้องตรงมาที่ร่างของอีกคนที่ยังก้าวเข้ามาใกล้อย่างช้าๆ
"This is no mere ranger. He is Aragorn, son of Arathorn. You owe him your allegiance"
ใบหน้าคมกระตุกยิ้มเป็นแววเย้ยหยันเล็กน้อย "Aragorn? This... is Isildur's heir?"
ดวงตาสีน้ำตาลสะท้อนประกายปลาบพลันตอบอย่างรวดเร็วแต่ชัดเจนด้วยเสียง หวานนุ่มและใบหน้าหยิ่งทะนงอย่างตระกูลสูงศักดิ์
"And heir to the throne of Gondor."
ร่างที่ก้าวเข้ามาหยุดชะงัก ทั้งสองประสานสายตากันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่แววตาและริมฝีปากของทั้งคู่จะจะบายด้วยรอยยิ้มอย่างสนิดสนม และกลายเป็นเสียงหัวเราะในลำคอของทั้งสอง
ผู้เริ่มเกมบทสนทนากลั้นเสียงหัวเราะก่อนจะกล่าว
"Havo dad...." ชื่อตัวละครของอีกฝ่ายดูเหมือนจะเฝื่อนฝาดติดในลำคอชั่วครู่เมื่อเห็นใบหน้า อีกฝ่ายที่มองตรงมาแม้รอยยิ้มจะยังระบายบนใบหน้า แต่แววตากลับปรากฎร่องรอยของความอ่อนล้า แต่ยังไม่วายเลิกคิ้วสูงเหมือนจะเตือนให้เขาจบประโยคที่บทที่เขาเป็นฝ่าย เริ่ม
"Legolas:"
ริมฝีปากยิ่งเอ่ยชื่อนั้นออกมาอย่างยากเย็นมากขึ้น เมื่อเห็นได้ชัดว่าร่างเบื้องหน้านั้นไม่ได้เป็นพรายหนุ่ม ที่ถูกรับบทโดยนักแสดงหน้าใหม่ของวงการอีกต่อไป แต่คนๆนี้คนที่ยืนอยู่หน้าเขานี้คือ Super Star Orlendo Bloom ที่คนกว่าค่อนโลกสนใจและหลงไหล ดาราผู้ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ผู้ที่ผ่านประสปการณ์หนังฟอร์มใหญ่มาหลายเรื่อง ผิวที่มีร่องรอยของเปลวแดดจากการกรำถ่ายภาพยนตร์ทิ้งรอยจางไว้บางเบา ใบหน้าที่ดูคมสันขึ้นอย่างผู้ใหญ่ ไรผมน้ำตาลยาวประบ่าล้อมกรอบหน้าให้คมสันรับกับดวงตายิ่งขึ้น
กับรอยยิ้มและแววตาที่ดูเหมือนจะสูญเสียความสดใสอย่างวัยเยาว์ให้กับการ ทำงาน กาลเวลา และปัญหาที่มาพร้อมกับสิ่งที่เรียกว่า "ชื่อเสียง"
ไม่ต้องมีคำถามด้วยความห่วงใย ไม่ต้องมีคำพูดมากมายพรั่งพรูถึงความเหน็ดเหนื่อย มีเพียงอ้อมแขนที่โอบประคองร่างบางที่สั่นเทาน้อยๆ น้ำตาที่รื่นชื้นอยู่ใต้แพงขนตาสีน้ำตาลซบลงกับไหล่กว้าง ซะกซบเข้าหาความอบอุ่นคุ้นเคยอย่างแผ่วเบา ก่อนผละออกทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม และวางหนังสือปกสีดำที่มีวงกลมสีเขียวและลายน้ำรูปต้นไม้จางๆเล่มน้อยในมือ ลงบนกองหนังสือที่รายล้อม ร่างสูงทรุดลงนั่งที่พื้นที่ว่างข้างๆเก้าอี้ไร้พนักที่ร่างบางนั่งลงไป เมื่อครู่ ปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบคลุมบรรยากาศที่เหมือนจะทั้งอึดอัดและอบอุ่นใน คราวเดียวกัน
ดวงตาคมสีเทาอมเขียวกวาดมองแผงชั้นหนังสือที่เรียงรายอยู่รอบตัว ที่ร้านหนังสือนี้ที่เขาบังเอิญเจอว่าเป็นของเพื่อนเก่าที่มาเปิดอยู่ไม่ ใกล้ไม่ไกลบ้านที่เขาย้ายมาอยู่ซักเท่าใดนัก และเพราะเป็นสถานที่ที่เงียบสงบไม่ค่อยจะมีใครรู้จักและห่างไกลจากสายตาสัป รดของปาปารัสซี่ทั้งหลาย ที่นี่จึงเป็นที่นัดพบสังสรรค์ของบรรดาเพื่อนเก่าที่ต่างใจตรงกันย้ายสัมโน ครัวมา LA แต่ทุกครั้งที่มีการพบปะพูดคุย เขาและร่างบางข้างๆนี้ไม่เคยได้มาอยู่พร้อมกันสักที มันต้องมีเหตุที่ว่ามีใครคนใดคนหนึ่งติดคิวถ่ายไม่ก็จัดการปัญหาส่วนตัวของ แต่ละคน
"วิกครับ..." เสียงแผ่วเบาเรียกความสนใจของเขาให้กลับไปที่ร่างบางนั้นอีกครั้ง ร่างนั้นลุกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเบียดนั่งลงในพื้นที่ๆก็ไม่ค่อยจะมีจนต้อง ต้อยๆขยับกองหนังสือข้างๆให้พ้นไปก่อนที่มันจะล้มมาฝังคนทั้งคู่ ซึ่งก็สร้างความตื่นเต้นกันเล็กน้อยเมื่อตั้งหนังสือตั้งใหญ่ข้างๆวิกโกโอน เอนและทำท่าว่ามันจะถล่มลงมาจริงๆ
เมื่อเข้าที่ เข้าทางแล้วใบหน้าขาวก็ซุกซบกับไหล่นั้นอีกครั้ง มือกร้านค่อยๆเอิ้อมไปลูบผมสีน้ำตาลลื่นมือเบาๆก่อนจะเปลี่ยนเป็นขยี้หัว อย่างเอ็นดูใบหน้าขาวทำหน้ายุ่งๆเงยขึ้นมาพลางเอื้อมมือมากระตุกหนวดที่เจ้า ตัวไว้ตอนเล่นภาพยนตร์เรื่องล่าสุด พร้อมกับยิ้มขำๆพลางส่ายหน้า
Give me one kiss
May be one smile
Only one touch
And that's enough.
เรียวนิ้วลากยาวผ่านรอยแผลบนริมฝีปาก พร้อมๆกับใบหน้าของทั้งคู่ที่ขยับเข้าใหล้กันอย่างช้าๆ บรรจงจุมพิตอบอุ่นให้กัน ก่อนแยกจากอย่างแผ่วเบา รอยยิ้มระบายบนริมฝีปากของทั้งสองเมื่อแยกจาก เรียวแขนยังคงโอบกอดให้ความอบอุ่น
I see the sunrise
It shines from your eyes
That's where thr truth lies
This must be love
มือกร้านไล้แก้มขาวไปเล่นปอยผมน้ำตาลที่ปรกระใบหน้า พลางจ้องเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลที่บัดนี้มีแววสดใสขึ้นกว่าตอนแรกมากนัก ภาพของทั้งสองต่างสะท้อนในดวงตาของกันและกัน
So hold me tight
What are these little thing I feel tonight?
Tell me now
อ้อมแขนที่แนบกระชับเข้าหากัน ให้อ้อมกอดอบอุ่นเข้าแทนที่ที่ว่างของเวลาและความรู้สึกที่ดูเหมือนจะ โหวงอยู่ในอกของกันและกัน
I close my eyes
And I can see the love you keep inside
These little things you bring to me it's love
ใบหน้าที่ซุกซบและดวงตาที่หลับลงราวกับต้องการจะซึมซับความรู้สึกของ ร่างที่อยู่ข้างๆไว้ในความทรงจำ ให้ความเงียบกล่าวถ้อยคำพรั่งพรูที่ไม่อาจเอ่ย เสียงและสำผัสของลมหายใจอุ่นที่เป่ารดอยู่แผ่วเบา และความอบอุ่นของร่างที่อยู่ในวงแขนของกันและกัน ให้คำยืนยันความมีตัวตนของคนที่อยู่ข้างๆได้เกินคำพูดใด
Take me someplace
Where the blue sky
keeps you moonlight
To shine for us
ภาพความทรงจำถึงเหตุการณ์ต่างๆระหว่างการถ่ายทำ ทั้งในแสงแดดกลางท้องฟ้าที่สดใส ความหนาวเน็บแต่อ่อนนุ่มของหิมะ ความชื้นแฉะของน้ำที่ถูกเทกระหน่ำลงมาเป็นสายฝน ผุ่นดิน กลิ่นหญ้าที่ลอยอยู่ในอากาศเย็นๆในแบบของตนเองบนแผ่นดินที่ห่างออกไปไกล ครึ่งโลก
ภาพงานปาร์ตี้ใต้แสงจันทร์และแสงดาว ลำธารใสสะท้อนแสงจันทร์ น้ำเย็นเหยียบที่ลุยข้ามไปกันเพียงสองคน ดวงดาวที่ดารดาษเต็มฟ้า สายลมเย็นพัดกระทบร่างให้เบียดหาความอบอุ่นของกันและกัน บนสนทนาแผ่วเบา และเสียงเฮฮาของปาร์ตี้ที่ห่างออกไปไม่ไกลนัก
เปลือกตาค่อยๆเปิดขึ้น แต่เหมือนจะจ้องมองไปที่ไกลแสนไกล ภาพทุกภาพที่กระจ่างชัดอยู่ในความทรงจำเหมือนจะกลับมาโลดแล่นอีกครั้ง
I am now yours
'Cos you'er in my soul
I know that it's sure
For I'm in love
เสียงหัวเราะแผ่วเบาในลำคอทั้งสองหยุดลงเมื่อเงยหน้ามาสบตากันอีกครั้ง ไม่ต้องมีคำพูดใด ไม่ต้องมีถ้อยคำห่วงหา ไม่ต้องมีคำบอกรักมากมาย มีเพียงความเงียบที่แสนอบอุ่นลอยอยู่ในกากาศ
So hold me tight
What are these little thing I feel tonight?
Tell me now
I close my eyes
And I can see the love you keep inside
These little things you bring to me it's love
อ้อมแขนกระชับเข้าหากัน ริมฝีปากบรรจงแนบเข้าหากันอย่างแผ่วเบาแช่มช้าและเนิ่นนาน ปล่อยเสียงดนตรีแห่งความเงียบบรรเลงให้แก่ความรู้สึกที่มีต่อกัน แนบแน่นเกินคำว่ามิตรภาพ มั่นคงเกินกว่าคำว่ารัก อบอุ่นเกินกว่าแสงแดดในฤดูใบไม้ผลิ และสดชื่นกว่าน้ำค้างที่โปรยปรายบนยอดเขาในรุ่งอรุณ
ร่างของทั้งคู่ ยังอิงไออุ่นกันอีกครู่หนึ่งจนได้ยินเสียงนาฬิกาทีบอกเวลาที่ผ่านไป ทั้งสองลุกขึ้นอย่างช้าๆ แต่ก็ยังไม่วายหันไปมองกองหนังสือที่น่าหวาดเสียวที่รายล้อม แล้วก็ต้องมองกันและกันอย่างขำๆก่อนที่จะปัดฝุ่นหนังสือที่ติดตามเสื้อผ้า ของอีกฝ่าย
These little things you bring to me it's love
แล้วร่างบางเป็นฝ่ายที่เปลี่ยนไปจูงมือร่างสูงให้ออกมาจากกองหนังสือ มือที่สำผัสกันนั้นแม้จะเพียงปลายนิ้วที่เกาะเกี่ยวกันหากแต่มั่นคงและ เหนียวแน่น จนออกมาใกล้จนเกือบจะถึงหน้าร้าน ไปถึงประตูที่ทั้งสองต้องเปิดออกไปพบกับโลก พบกับหน้าที่และความรัปผิดชอบ โลกกำลังรอให้พวกเขากลับไปอยู่ท่ามกลางสปอร์ทไลท์จ้า เพื่อให้เขาเป็นจุดหมาย ความหวัง ความฝัน แม้กระทั่งดาวนำทางให้กับคนข้างนอกนั่น
Hoooh... It's love
It's love
มือกร้านเอื้อมไปจับข้อมือบางที่ดูเหมือนจะยิ่งเดินห่างออกไป
"ออลี่"
Hoooh... It's love
ร่างบางหยุดเดินเมื่อได้สินเสียงเรียกชื่อที่เต็มไปด้วยแววของความ ห่วงใย พลางหันเอี้ยวหน้ามาพร้อมรอยยิ้ม รอยยิ้มที่สดใสเหมือนดวงตะวัน ดวงดาสีน้ำตาลที่เป็นประกายระยับราวกับอยู่ในแสงแดดยามอรุณรุ่ง ใบหน้าที่สดใสร่าเริงในแบบของความเยาว์วัย วิกโกสาบานได้เลยว่าเขาเห็นเหมือนร่างตรงหน้านั้นเมือนกับจะกระโจนออกไปสู่ โลกภายนอกอย่างคล่องแคล่วปราดเปรียวอย่างพราย แต่ก็มีความแข็งแกร่งในแบบของออลี่ที่เสริมกันอย่างลงตัวและเปี่ยมไปด้วย ชีวิตชีวา
วิกโกปล่อยข้อมือนั้นอย่างช้าๆแต่ในขณะเดียวกันร่างบางก็เดินเข้ามาใกล้ พร้อมกับหอมแก้มเร็วๆหนึ่งที
"แล้วเจอกันครับ วิก"
It's love
ร่างปราดเปรียวนั้นพุ่งออกไปนอกประตูอย่างว่องไวแต่ยังไม่วายปรายตากลับ มาพร้อมโบกมือให้เขาอีกครั้งก่อนที่ประตูจะปิดลง
**********************************
มือเปื้อนสีของ วิกโกอดที่จะเอื้อมมาสำผัสแก้มข้างที่ถูกเจ้าชายพรายผู้ร่าเริงนั้นไม่ได้ รอยยิ้มระบายบนริมฝีปากบางเบา
นิ้วยาวเอื้อมไปแตะสีแต้มบนภาพเป็นครั้งสุดท้ายที่ริมฝีปากของรูป Elve boy ของเขา
รอยยิ้มสดใสเริงร่าที่น้อยคนนักจะได้เห็นในทุกวันนี้ รอยยิ้มที่ทำให้ใครหลายคนประทับใจตั้งแต่แรกเห็น รอยยิ้มที่ทำให้โลกทั้งใบสดใส ฉายทางให้ตนเองและคนอีกหลายคนได้เห็นความสดใสของโลกใบนี้
วิกโกถอยหลังออกจากภาพผ่านเงามืดของผนังมาหยุดยืนในลำของแสงตะวันอัสดง จากบานเกล็ดอีกบานอย่างเงียบๆ แล้วเดินออกจาก Studio ปิดประตูตามหลังอย่างแผ่วเบาพร้อมรอยยิ้ม ปล่อยให้ภาพของ Elve boy อาบไล้แสงตะวันอันงดงามในบรรยากาศที่แสนสงบสุข
Hoooh... these little things you bring to me it's love
*****************FIN*****************
28 มี.ค. 2548 , 23:20:38 น.