[LF] Bastardization #3

Nov 12, 2011 12:53

ต่อ ตอนที่ 2

= = =

แดซองมาปลุกเขาแต่เช้าตรู่ บอกให้เขาอาบน้ำเตรียมตัวไปขึ้นรถ แน่นอนว่าซึงฮยอนเดินประกบเขาแถมเกาะแขนเขาไม่ปล่อย ยังกับหมาหวงก้างแน่ะ พวกเขาขึ้นรถโดยมีแดซองเป็นคนขับ เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่เขาได้ออกมาเห็นทิวทัศน์ข้างนอก ตาของจียงเป็นประกายเมื่อเห็นแสงอาทิตย์ตอนเช้าที่ไม่ได้เห็นมานาน

ซึงฮยอนที่นั่งข้างๆปล่อยให้เขามองวิวจนชุ่มปอด ก่อนจะบ่นอะไรซักอย่างเกี่ยวกับยาของแดซอง นักฆ่าหนุ่มง่วงงุนตั้งแต่เช้าเพราะกินยาแก้ปวดเข้าไป แดซองเลยบ่นกลับว่าถ้าไม่ทำแผลเปิดก็ไม่ต้องกินยาแล้ว ทั้งคู่เถียงกันตลอดทางจนกระทั่งรถติดไฟแดง จียงมองผ่านกระจกเพลินๆจนสายตาตกไปอยู่ที่คนเดินเท้าฝั่งตรงข้าม

สิ่งเขาเห็นคือชายหนุ่มร่างสูงใหญ่คนหนึ่งใบหน้าคุ้นตา พี่แทบินในเสื้อโค้ทสีดำกำลังเดินอยู่ถนนอีกฝั่ง ชายหนุ่มสวมแว่นตาดำประจำตัวที่เขาคุ้นเคย จียงกระพริบตาอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ นั่นแทบินตัวจริงกำลังเดินอยู่ คนที่ซึงฮยอนบอกว่าตายไปแล้ว…

ไม่จริง… จียงคิดในใจ หมอนั่นบอกว่าทุกคนตายหมดแล้ว ถ้ายังงั้นนอกจากพี่แทบิน พี่คนอื่นๆอาจจะรอดก็ได้

พอนึกถึงความคิดที่ว่าเขาอาจจะได้เจอพี่เท็ดดี้อีกครั้ง หัวใจของเขาก็พองโตขึ้นมา เขาหันไปทางซึงฮยอนที่ยังนั่งบ่นกับแดซองไม่หยุด ไม่ทันมามองเขาแน่นอน

จังหวะนี้แหละ!

จียงปลดล๊อคเปิดประตูรถออกทันที ไม่สนใจเสียงของซึงฮยอนข้างหลัง ไม่สนใจว่ารถฝั่งตรงข้ามจะมาชนเขาหรือเปล่า เสียงแตรดังแปร๋นกลางถนนยิ่งเร่งฝีเท้าเขามากขึ้น เขารู้เพียงว่าต้องไปให้ถึงพี่แทบิน ชายหนุ่มในเสื้อโค้ทดำหันมาทางเสียงโหวกเหวก สีหน้าประหลาดใจไม่น้อยที่เห็นเขาวิ่งมาหา

“พี่แทบิน!!”

“…จียง!?”

แทบินรวบจียงเข้ามาในอ้อมกอดทันที ก่อนจะมองไปที่ฝั่งตรงข้าม ชเวซึงฮยอนกำลังวิ่งข้ามถนนมาพลางสบถเสียงดัง

“บ้าเอ้ย!!”

“พี่แทบิน!! ช่วยด้วย!!”

ชายหนุ่มรวบจียงมาไว้ข้างหลังก่อนจะหยิบปืนออกมายิงสวน เสียงปืนทำให้ผู้คนรอบข้างก้มหลบและกรีดร้อง ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายจียงกลับรู้สึกปลอดภัยในอ้อมกอดของคนคุ้นเคย รู้สึกดีกว่ากอดของซึงฮยอน…

จียงเหลือบมองไปข้างหลังครั้งสุดท้าย เขาเห็นสีหน้าที่เจ็บปวดและผิดหวังของนักฆ่าหนุ่มที่กำลังวิ่งตามมา เป็นไปได้ยังไง…? หรือว่านั่นเป็นแค่ใบหน้าที่เสียดายของเล่นเท่านั้น

แทบินพาตัวเขาวิ่งเข้ามาในตรอกแคบก่อนจะถีบประตูเหล็กข้างบันไดหนีไฟให้เปิด ในที่สุดเขาก็หนีพ้น หนีจากเจ้าฆาตรกรพ้นแล้ว… ในที่สุดเขาก็ได้ออกมาหาพรรคพวกแก๊งค์เดิมแล้ว

ที่นี่คือเกราะกำบังสุดท้ายของเขา

“พวกนั้น…” ซึงฮยอนกัดฟันกรอดพลางหันไปตะโกนข้างหลัง “แดซอง! ฉันจะตามแทบินไป ตามมาสมทบทีหลังด้วย!”

“บ้าเหรอ! พวกนั้นมีกันตั้งกี่คน--”

แต่นักฆ่าหนุ่มเร้นตัวหายเข้าไปในซอกตึกแล้วและเริ่มไล่ล่าทันที

= = =

ที่รักฉันจะเป็นคนผูกตานาย และส่งนายไปยังแท่นประหาร…

เสียงเพลงแว่วเข้ามาในหู เขารู้สึกตัวอีกทีในห้องมืดที่มีแค่ไฟจากโคมไฟบนโต๊ะ บรรยากาศหนาวยะเยือกคล้ายกับห้องที่เขาเจอมาก่อน รอยแผลเก่าที่ข้อมือเพิ่งหายดี แต่ตอนนี้เขากลับถูกมัดข้อมืออีกแล้ว จียงลืมตาขึ้นก็รู้สึกตัวว่ากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้

เขาสะบัดหัวด้วยความมึนงง ภาพแรกที่แว่บเข้ามาในหัวคือซึงฮยอนยืนอยู่ตรงหน้าเขา แต่กลับไม่ใช่ ชายหนุ่มตรงหน้าคือพี่แทบินที่ถอดเสื้อโค้ทออก เผยให้เห็นรอยสักบนกล้ามขาวและเสื้อแขนกุด ราวกับสะบัดคราบพี่ชายใจดีออกและกลายเป็นหมาป่าคอยขย้ำเหยื่อ เมื่อเขาเพ่งสายตามองรอบห้องก็พบว่าเขาอยู่ในห้องเสียงที่ใช้เป็นห้องทรมานตามรสนิยมของรุ่นพี่เบ็คดี้ สเตริโอรุ่นไฮเทคถูกวางซ้อนกันหลายตัว กำแพงทั่วห้องมีลำโพงวางเรียงกันเห็นตั้ง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่… เขาจำได้ว่าครั้งสุดท้ายเขาอยู่กับพี่แทบินนี่นา

“… นี่มันอะไรกันพี่แทบิน…?”

“…เจอตัวแล้ว”

เสียงจากรุ่นพี่ในแก๊งค์คนอื่นดังขึ้น เมื่อเขาหันไปมองก็พบเบ็คกี้ หนึ่งในรุ่นพี่ของแก๊งค์เดินออกมาจากเงามืด จียงพยายามจะขยับตัวลุกขึ้น แต่กลับถูกเชือกรั้งเอาไว้

เขากำลังรู้สึกกลัวอีกครั้ง ทำไมถึงมาอยู่ในห้องทรมานนี้ด้วยทั้งๆที่อุตส่าห์เจอพวกเดียวกันแล้ว

“ทำไมทำแบบนี้? เราเป็นพวกเดียวกันไม่ใช่เหรอ…”

“ก็เคยเป็นน่ะนะ…” เบ็คกี้เอ่ย “กว่าจะหาตัวเจอนี่นานจริงๆเลยนะจียง เราตามหานายกันไม่เจอเลย”

“พี่แทบิน… พี่เบ็คกี้…” จียงกระซิบ “นี่มันเรื่องอะไรกัน? พวกพี่… ตามหาฉันเหรอ?”

“ไม่อยากเชื่อเลยว่านายร่วมมือกับเท็ดดี้” จินฮวานเอ่ยอย่างโมโห “ยองเบไม่มีพาสเวิร์ด  เท็ดดี้ให้มันกับนายคนเดียวใช่มั้ย? ส่งมันมาซะ”

เขาพยายามมองรอบห้องแต่ทว่าไม่เจอเงาของพี่เท็ดดี้เลย จินฮวานและเบ็คกี้เดินออกมาจากมุมห้อง แทบินยืนตระหง่านตรงหน้าเขาพลางกระดิกเท้า

จียงขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจในสิ่งที่ถาม ตอนนี้เขาเริ่มสับสนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

“อะ… อะไร? พูดถึงเรื่องอะไร?”

“นายเป็นคนสุดท้ายแล้วนะ” แทบินเอ่ยเสียงเหี้ยม “เห็นแก่ที่เราเคยเป็นพี่น้องกัน ฉันจะไม่ฆ่านาย”

“คนสุดท้าย? พวกพี่พูดเรื่องอะไรกัน?”

“อย่ามาทำไก๋นะ!!” จินฮวานตวาด ทุบโต๊ะอย่างแรงจนโคมไฟเกือบหล่น “นายร่วมมือกับเท็ดดี้เอาเงินพวกเราไปหมด! ฉันตามหามันมาตั้งหลายเดือนแล้ว ลูกน้องคนอื่นของเท็ดดี้ก็ไม่มีใครมีพาสเวิร์ดเลย ตอนนี้นายหนีไม่รอดแล้ว เอาพาสเวิร์ดมาให้เราได้แล้ว!!”

ลูกน้องของเท็ดดี้… คนที่เป็นรุ่นพี่เขากลับเรียกยองเบกับคนอื่นๆว่า ‘ลูกน้องของเท็ดดี้’’

“ตะ-แต่ ผมไม่รู้เรื่อง… พาสเวิร์ดอะไรกัน?”

“นายโกหกไม่เก่งหรอกจียง พวกเรารู้ดี” แทบินเอ่ย “อย่ามาหลอกพวกเราเหมือนยองเบเลย ไม่รู้พาสเวิร์ดก็ยิ้อไว้ทำปากแข็ง เสียเวลาฉันเปล่าๆ”

หัวใจของจียงเจ็บแปล๊บขึ้นมาเมื่อได้ยินคำนั้น

คนที่เขาเคยเคารพรัก กำลังขู่ฆ่าเขา

“… พี่… หรือว่าพี่… ยองเบ?”

“บอกพาสเวิร์ดมา จียง นายเป็นคนสุดท้ายแล้ว ถ้าไม่ยอมบอกมาฉันก็ไม่มีทางเลือก ฉันเสียเวลากับพวกยองเบไปมากแล้ว”

“เราจะเริ่มจากของถนัดของเบ็คกี้…” แทบินดีดนิ้ว รุ่นพี่ไซส์มินิจึงยกหูฟังฝังหนามแหลมในมือมาครอบหูของเขา “นายชอบอะไรจียง? เมทัลร๊อค? หรือร๊อคบัลลาด?”

“แทบิน… นาย… เป็นคนฆ่ายองเบ…”

จียงคำราม แทบินขยับแว่นตากันแดดก่อนจะยิ้มกว้าง

“หมอนั่นมันดื้อเอง” แทบินยักไหล่

“แทบิน… พาสเวิร์ด อะไรนั่นสำคัญมากกว่าพวกพ้องเรอะ?!”

คราวนี้เขาเริ่มขึ้นเสียง พยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการ แทบินหัวเราะ

“นายกำลังถามหาจิตสำนึกจากฉันเหรอ?” หัวหน้าแก๊งค์หัวเราะพลางเอ่ยเสียงดัง “คนทรยศอย่างนายไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรหรอกนะ นายอยู่ผิดข้างเอง วันนี้ฉันดีใจมากเลยนะที่นายเป็นฝ่ายมาหาฉันเอง”

“ยะ-อย่านะ…”

จียงขยับตัวหนีตามสัญชาตญาณ เขาจำวิธีการทรมานแบบพิสดารของรุ่นพี่เบ็คกี้ได้ ยัดหูฟังให้แล้วเปิดเพลงระเบิดหูตามด้วยยาหลอนประสาท…

“อัดยาให้มันด้วย เอาให้มันหลอนสุดๆไปเลย ให้มันคายพาสเวิร์ดออกมาให้ได้”

เบ็คกี้ยิ้มกริ่มก่อนจะเตรียมเครื่องเสียงสุดที่รัก รุ่นพี่แทบินให้เกียรติหยิบผ้าสีดำมาผูกตาเขา ก่อนจะทิ้งเขาไว้ในห้องคนเดียว

ที่รักฉันจะเป็นคนผูกตานาย และส่งนายไปยังแท่นประหาร…

มือนี้ของฉันจะส่งนายลงยังหุบเหว

สองตานี้จะมองเศษซากของนายจนกว่าจะย่อยยับแหลกเหลว

และสลายไป

ที่รักฉันจะเป็นคนผูกตานาย และส่งนายไปยังแท่นประหาร…

ปล่อยฉันนะ…

มือนี้ของฉันจะส่งนายลงยังหุบเหว

ปล่อยฉันออกไป…!

สองตานี้จะมองเศษซากของนายจนกว่าจะย่อยยับแหลกเหลว

ช่วยด้วย ใครก็ได้!!

และสลายไป

ฉันยังไม่อยากตาย…!!

เขารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่มีใครบางคนมาแกะผ้าผูกตาเขาออก แสงสว่างที่ไม่ได้เห็นมานานทำให้ตาพร่ามัว บวกกับภาพตรงหน้าที่เป็นคนคุ้นเคยทำให้เขาไม่แน่ใจว่านี่คือความจริงหรือความฝัน

“ซึงฮยอน…”

เขาเรียกชื่อชายตรงหน้าที่อยู่ในชุดดำทะมึน คนที่เขาเรียกอยู่ทุกวันว่าฆาตรกร ถึงแม้จะเห็นหน้าไม่ชัด แต่เขาจำปืนแม็คนั่มสีดำนั่นได้

“ฉันอนุญาตให้นายอยู่ในห้องมืดของฉันได้เท่านั้น ไม่ใช่ห้องของใครก็ไม่รู้” เสียงทุ้มเอ่ยกลับ แขนกระชากตัวเขาให้ขึ้นมายืน “ลุกขึ้นมา!”

“อึก…”

“บ้าจริง…” เจ้าของเสียงนั้นจับเรียวคางให้เขาเชิดหน้า “หูไม่ได้ยินแล้วเรอะ?”

ที่จริงเขายังได้ยินอยู่ลางๆ เหมือนกับเสียงที่ดังจากห้วงทะเลไกลโพ้น เขากระพริบตา ร่างกายส่วนอื่นแข็งทื่อจนซึงฮยอนต้องรวบเข้ามากอดในอ้อมแขน

“เฮ้ยใครน่ะ!”

เสียงปืนที่เขาได้ยินก็ดังอย่างแผ่วเบาเหมือนอยู่อีกฟากของทะเล แล้วสติของเขาก็ขาดห้วงไปอีกครั้ง…

= = =

ภายในห้องนอนที่มีพรมกับพื้นสีตุ่นน่าเกลียด จียงกำลังนอนอยู่บนเตียง อยู่ในห้องเดียวกันกับคนที่เขาเคยเกลียดที่สุดในโลก แต่ตอนนี้เค้ากลับมีความรู้สึกแตกต่างออกไปเมื่ออยู่กับคนตรงหน้า

ที่นี่ไม่ใช่คุกสำหรับเขาอีกแล้ว แต่กลับเป็นสถานที่ที่เขารู้สึกปลอดภัยที่สุดในโลก

“บอกตามตรงนะ ฉันไม่เคยรักษาคนไข้แบบนี้เลยว่ะ…”

“ทำไป”

“พูดจริงๆนะ ฉันเช็คเยื่อแก้วหูแล้วมันก็ยังอยู่ดี ที่เหลือคงต้องรอให้สมองมันหายวิ้งเองมั้ง”

“ทำไป อย่าพูดมาก”

ชายหนุ่มบ่นอุบอิบกับตัวเองก่อนจะเช็ดตัวให้จียงต่อ เช็ดไปสักพักร่างบางก็ลืมตาตื่นขึ้นมาและมองไปรอบๆ

“คุณแดซอง…”

“อ่า~ จียงน้อยของเราฟื้นแล้ว ดีจังฉันจะได้ไม่ต้องอยู่ฟังเจ้าซึงฮยอนบ่นคนเดียว”

ซึงฮยอนนั่งอยู่ที่เก้าอี้ข้างๆยกขาพาดเตียงอย่างไม่ใส่ใจ แดซองยังคงเล่นสนุกกับคนไข้ต่อด้วยการชูสองนิ้วตรงหน้า

“ไม่เป็นไรใช่มั้ย? ไหนดูซินี่กี่นิ้ว?”

“นายตื่นก็ดีแล้ว” ซึงฮยอนยกปืนปัดมือแดซองออกอย่างหงุดหงิด ก่อนจะจ้องเขม็งใส่คนป่วยบนเตียง เอาด้ามปืนตีท้องเขาเบาๆ “ทีหลังห้ามทำยังงี้อีก-เด็ด-ขาด”

“นายจะไปขู่เขาอีกทำไมเนี่ย?” แดซองร้อง ก่อนจะหันมาเช็ดหน้าผากโอ๋เขาต่อ “จียง นายสลบไปเกือบวันแน่ะ ดีนะที่ซึงฮยอนพานายออกมาได้ไม่งั้นต้องแย่กว่านี้อีกแน่เลย หมอนี่เป็นคนบุกเข้าไปช่วยนายแหละ ไม่รู้บ้าดีเดือดมาจากไหน บอกให้รอลูกน้องมาเสริมก็ไม่ฟัง ดีนะได้แผลมานิดเดียวไม่งั้นลำบากฉันอีก…”

จียงกระพริบตาเมื่อได้ยินว่าคนตรงหน้าช่วยเขาจากห้องมืดนั้น

ในที่สุดพอรู้ว่าตัวเองปลอดภัยแล้ว ไหล่ก็เริ่มสั่นสะเทิ้มทีละน้อย จนกระทั่งเขาปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อาย แดซองที่นั่งใกล้ๆก็ทำอะไรไม่ถูก ส่วนซึงฮยอนก็ทำหน้านิ่งกอดอกรอ

“นี่ หยุดร้องได้แล้ว” ซึงฮยอนเอ่ยเสียงดัง “ถ้ายังปวดหูอยู่เดี๋ยวให้ฟังเสียงปืนแทนดีมั้ย…”

“โอ้ย! ซึงฮยอนนายนี่พูดดีๆไม่เป็นเลยเรอะ!?” แดซองเอ่ยขัด

“ทำไม… ทำไมกัน…” จียงกระซิบ “ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่…? พี่แทบินพูดถึงพาสเวิร์ด มันคืออะไรกัน? ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย? ไม่เห็นรู้อะไรซักอย่าง…”

ความรู้สึกทั้งหมดถาโถมเข้าใส่หัวใจตั้งแต่ที่เขารู้ว่าแทบินกำลังไล่ฆ่าเขา

แดซองมองหน้าเขาอย่างสับสน ซึงฮยอนเงียบก่อนจะพยายามจะลุกออก แต่จียงรั้งชายเสื้อไว้

“บอกฉันที… นายรู้ทุกอย่างใช่มั้ย? นายจะบอกฉันใช่มั้ย? นายจะไม่หลอกฉันใช่มั้ย?”

“อ๋า… ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย” แดซองโวยวายเมื่อเริ่มปะติปะต่อเรื่องราวถูก มือขยี้หัวยุ่งๆของตัวเอง “ซึงฮยอน! นายไม่ได้บอกอะไรเขาซักอย่างเลยใช่มั้ย!?”

ซึงฮยอนทำเสียงฮึ่มในลำคอแต่ยังไม่ยอมพูดอะไรอยู่ดี

“โอเค ฉันจะเล่าให้ฟังทุกอย่างเอง แต่นายจะเชื่อหรือไม่ก็เรื่องของนายนะ”

“ฉันจะเชื่อ เพราะฉันไม่เหลือใครอีกแล้ว…”

จียงนั่งปาดน้ำตาตัวเอง กอดเข่าซุกแนบกับหน้าอกพยายามกลั้นเสียงสะอื้น แดซองเงียบไปพักหนึ่งและหันไปมองหน้าซึงฮยอน ก่อนจะถอนหายใจ

“…ฉันเสียใจนะ ที่เท็ดดี้เลือกคนอย่างนายมาทำเรื่องชั่วๆของเขา…”

เพราะเชื่อใจคนอย่างเขา รู้ว่าเขาไม่หักหลังแน่นอน…

แต่เขากลับถูกพี่เท็ดดี้หักหลังเสียเอง…

ใบหน้าของร่างบางกอดเข่าเสียจมมิดไปครึ่งหน้า ใจหนึ่งก็กลัวจะรู้ความจริง แต่อีกใจหนึ่งก็พร้อมจะยอมรับสิ่งที่ได้ยิน

“พวกฉันได้รับภารกิจให้ไปสืบเรื่องของเท็ดดี้จากแก๊งค์นาย ฉันเพิ่งรู้ว่านายก็สนิทกับหมอนั่น” แดซองเอ่ย “เท็ดดี้ยักยอกเงินในแก๊งค์ไปเป็นของตัวเอง พวกแทบินรู้เลยสั่งจับตาย พอฉันไปถึงเท็ดดี้ก็ถูกฆ่าไปแล้ว พวกนั้นฆ่าคนในแก๊งค์ที่สนิทกับเท็ดดี้ทั้งหมด”

รวมถึงยองเบด้วย… ถูกละไว้ในฐานที่เข้าใจ

“ที่หมอนั่นต้องการคือพาสเวิร์ดปลดรหัสแฟ้มข้อมูลส่วนตัวของเท็ดดี้” แดซองเอ่ยต่อ “เท็ดดี้ตั้งกับดักสุดท้ายด้วยการใส่รหัสข้อมูลตัวเอง หมอนั่นซุกเงินไว้เยอะมาก ทั้งบัญชีทั้งข้อมูลหุ้นอยู่ในนั้น พวกแทบินสืบรู้ว่าเท็ดดี้มอบพาสเวิร์ดให้ใครคนใดคนหนึ่งในแก๊งค์ไป”
ถึงตรงนี้จียงพยายามเอามือปิดปากกลั้นเสียงสะอื้นไว้

“คุณยางเขาก็อยากได้เงินนั้นเหมือนกัน ฉันจึงมีหน้าที่เอาข้อมูลนั้นกับพาสเวิร์ดมา”

“พี่เท็ดดี้ทรยศพี่แทบินเหรอ…” จียงกระซิบ “ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าเขาหลอกพี่เบ็คกี้และจินฮวานเพื่อเอาเงินไป  พี่แทบินเลยวางแผนฆ่าพี่เท็ดดี้กับพวกเรา”

“เรื่องที่แก๊งค์นายแตกคอกันเองพวกฉันไม่รู้เรื่องด้วยหรอก” ซึงฮยอนเอ่ยต่ออย่างหงุดหงิด นั่นทำให้จียงเงยหน้าขึ้นมาจ้องคนที่ทำให้เขาเจอกับเรื่องทั้งหมด ในคืนนั้น ถ้าหากซึงฮยอนไม่พาตัวเขาออกมาก่อนล่ะก็…

“ที่พวกเรากักตัวนายไว้เพราะต้องการพาสเวิร์ดเท่านั้นเองน่ะ” แดซองอธิบายต่อ “ซึงฮยอนมันไม่ได้บอกอะไรนายจริงๆซิเนี่ย!”

“พอแล้ว ออกไปทำข้าวเย็นซะ”

“อะไรฟะ!? ไล่กันเฉยๆยังงี้เลยเรอะ ใช่ซี๊หมดหน้าที่ฉันก็หมดประโยชน์…”

ซึงฮยอนดันหลังคู่หูออกไปนอกห้องและปิดประตูใส่ดังปัง ชายหนุ่มยืนนิ่งไม่ขยับ ปล่อยให้จียงจ้องแผ่นหลังของเขาต่อไป จนกระทั่งเด็กหนุ่มลุกขึ้นจากเตียงและมากอดข้างหลังเขาไว้

“นาย… นายช่วยฉัน…”

จียงกอดคนตรงหน้าแน่นก่อนจะสูดหายใจลึก ซึงฮยอนเงียบไปซักพักก่อนจะถอนหายใจ

“เรื่องของแก๊งค์นายฉันไม่รับรู้หรอก บอกแล้วไง” นักฆ่าหนุ่มเอ่ย “ถ้าปล่อยไว้พวกนั้นต้องฆ่านายแน่ๆ…”

“ทั้งที่เป็นคนละแก๊งค์กันเนี่ยนะ?”

ซึงฮยอนเอี้ยวตัวมามองค้อนอีกฝ่าย แต่จียงเงยหน้า ยกมือแตะใบหน้าให้ชายหนุ่มสบตา ซึงฮยอนเกลียดดวงตาที่เปื้อนน้ำตาคู่นี้ เขาไม่สามารถโกหกต่อหน้าดวงตาคู่นี้ได้

“นายไม่ได้ฆ่ายองเบ… แล้วทำไมไม่บอกฉัน?”

“…”

“นายจงใจขังฉันไว้ เพราะรู้ว่าพี่แทบินกำลังตามหาฉันใช่มั้ย?”

“…”

“ถ้านายไม่ได้ต้องการพาสเวิร์ดอะไรนั่น แล้วนาย… ขังฉันไว้เพื่ออะไรกันแน่?”

“…”

“ซึงฮยอน บอกฉันที”

ตอนนี้ซึงฮยอนอยากได้ผ้าผูกตาอีกครั้ง เพื่อที่จะได้ปิดดวงตาคู่นี้และโกหกต่อได้อีกหน่อย

เสียงหวานอ้อนวอนเขา ซึงฮยอนนิ่งไม่ขยับก่อนจะโน้มตัวเข้ามาใกล้อีก กระชับกอดจนหน้าอกของทั้งคู่แนบชิดกัน ชายหนุ่มไม่อยากสบตาจียงในตอนนี้ กลัวว่าอะไรที่มากกว่าคำตอบจะหลุดออกไป มือหนาบีบไหล่ของเขาจนเกร็ง

“เพราะฉันไม่คิดว่าจะมีอะไรเหนี่ยวรั้งนายไว้กับฉันได้ นอกจากความเกลียดชัง”

ตลอดมา… ซึงฮยอนทำให้เขาเกลียด คิดว่าเป็นคนที่ฆ่าเพื่อนรักของเขา

ทรมานเขา เพื่อทำให้เขาเกลียดเท่านั้นเหรอ…?

ซึงฮยอนทำหน้าเรียบเฉยอย่างเคย แต่สำหรับเขาใบหน้าคมคายนั้นดูน่ากลัวน้อยลง จียงยืนนิ่งไม่ขยับ จนกระทั่งซึงฮยอนเลื่อนมือมาแตะที่แก้มเขาอย่างแผ่วเบา ก่อนจะกดจูบลงที่ริมฝีปาก จียงไม่ได้ต่อต้านเลยแม้แต่น้อยและยังตอบสนองกลับด้วย ร่างสูงขยับเข้ามาใกล้จนกระทั่งผลักเขาลงบนเตียงและคร่อมตัวเขาไว้ จูบเขาราวกับโหยหามานาน ราวกับจะฝังความเป็นเจ้าของไว้ในวิญญาณเขา จนกระทั่งเขาเป็นฝ่ายผละออก

“…ยูเรนัส”

“อะไร?” ซึงฮยอนเลิกคิ้ว

“พาสเวิร์ด” จียงหอบ “ที่พี่เท็ดดี้บอกฉัน…”

ซึงฮยอนกระตุกยิ้มที่มุมปากและหัวเราะเบาๆ

“ฉันไม่สนใจหรอก…”

“ถ้าเป็นนาย… นายต้องเอาข้อมูลกลับมาได้แน่ๆ” จียงกระซิบ “ถ้าจะเอาเงินให้พวกนั้น ฉันสู้ยกให้พวกนายดีกว่า สัญญากับฉันสิ นายต้องเอาข้อมูลนั่นมาให้ได้นะ”

“ทั้งที่เป็นคนละแก๊งค์กันเนี่ยนะ?”

“ฉันตัดสินใจแล้วนี่”

มือหนาปลดกระดุมเสื้อของเขาออก ไม่นานเสื้อผ้าของทั้งคู่ก็ถูกถอดทิ้งไว้ข้างเตียง ซึงฮยอนก้มลงไปดูดกลืนความอ่อนเยาว์เบื้องล่างต่อ เขาเล็มชิมที่ยอดอกสีหวานก่อนจะไล่ลงไปที่ท้องน้อย มือสองข้างกุมมือของเขาอย่างแนบแน่นและหวงแหน จียงคราง ปล่อยให้อีกฝ่ายครอบครองเขาไปทุกส่วน

“อื้ม...”

“ไม่กลัวฉันแล้วเหรอ?”

“ไม่กลัวหรอก” เสียงหัวเราะคิกคักของจียงดังขึ้น “ฉันคิดถึงห้องที่แดซองทำจัง…”

ความคิดของชายหนุ่มแล่นกลับไปเมื่อวันนั้นที่จียงเปลือยเปล่าอยู่กลางห้อง มีเพียงเชือดบางรั้งให้ยืนไว้กลางห้อง เชือกที่เหมือนด้ายชีวิต แค่นึกถึงก็ทำให้เลือดสูบฉีดอย่างบอกไม่ถูก ซึงฮยอนครางในลำคอก่อนจะประทับรอยแดงที่ซอกคอเพื่อระงับอารมณ์พลุ่งพล่าน

“ทำเป็นปากดี”

“ทำไมล่ะ? นายมันรสนิยมแบบนั้นนี่นา”

“บางทีนายควรจะกลัว ในเมื่อนายยังไม่รู้จักฉันดี”

“ฉันนึกว่าเรารู้จักกันดีแล้วซะอีก”

เสียงหวานหัวเราะอีกครั้ง เสียงที่เหมือนภูตตัวน้อยกำลังล่อลวงมนุษย์ เหมือนกับวันแรกที่ทั้งสองเจอกัน

“เป็นฉัน ฉันจะไม่พูดแบบนั้น”

สัมผัสเบื้องล่างที่ขยับเข้ามาในร่างกายทำให้จียงเสียวซ่าน เล็บจิกบนแผ่นหลังจนเป็นรอยแดง ลมหายใจขาดห้วงเป็นจังหวะเมื่อซึงฮยอนเริ่มขยับถี่ขึ้น จียงปล่อยให้อีกฝ่ายยกมือเสยปอยผมดำที่ปรกหน้าผาก กดจูบล่อลวงก่อนจะเลื่อนมือไปบีบรอบคอ

“ยะ… อย่านะ…” จียงพยายามเอามือปัด “แค่ก…”

“นายอยากรู้มั้ยฉันอยากทำอะไรกับนายบ้าง?”

เหงื่อที่อาบไหลทั้งคู่กลับไม่ทำให้ซึงฮยอนปล่อยมือเลย ทั้งที่ยังขยับอยู่ภายในตัวของเขา แต่แววตากร้านคู่นั้นบอกว่าอยากได้ยินเสียงเฮือกสุดท้ายของเขาภายในอุ้งมือ มันจะดีแค่ไหนที่ปลดปล่อยอารมณ์ทั้งหมดไปพร้อมๆกับตัดเส้นชีวิตใครซักคน มือหนาบีบคั้นทีละน้อยให้เสียงไพเราะค่อยๆจางไป

ซึงฮยอนกดจนหัวของเขาจนจมหมอน มือบางปะป่ายไปทั่วและพยายามยันตัวเองออก แต่ไม่มีทางเลยที่เขาจะสู้แรงคนตรงหนาได้ ใบหน้าของซึงฮยอนกำลังมีความสุขกับการสัมผัสเส้นเลือดที่เต้นตุบๆตรงคอของเขา ถ้าจียงเป็นเหยื่อตัวจ้อยที่ดิ้นรน ซึงฮยอนก็พร้อมจะเป็นนักล่าที่กัดกินทุกชิ้นส่วนของเหยื่อนั้นไม่ให้เหลือแม้แต่เศษซาก

“คิดถึงห้องนั้นมั้ย? ฉันจะจับนายมัดกับเชือกแล้วทำให้นายครางชื่อฉัน… ร้องจนกระทั่งจำชื่อตัวเองไม่ได้” ซึงฮยอนเอ่ยเสียงสั่น “ให้นายร้องจนคอแหบแห้ง แล้วฉันจะดูดดื่มของเหลวทุกหยดในร่างนายราวกับมันคือน้ำทิพย์ ปล่อยให้นายแห้งตายอยู่ตรงนั้น…”

แทนที่จียงจะผลักเขาออก กลับดึงรัดเขาเข้ามาอีก แม้ปากอ้ากว้างเพื่อไขว่คว้าหาอากาศ แต่คำพูดของอีกฝ่ายกลับยิ่งเร้าอารมณ์มากขึ้น เสียงของเขาครางกระเส่าอย่างขาดห้วงตอนที่ใกล้ปลดปล่อยอารมณ์ทั้งหมด นั่นทำให้ซึงฮยอนแสยะยิ้มและกดจูบที่เปลือกตาปลอบโยน

“อื้ก…”

อีกไม่นาน จียงจะขาดอากาศก่อนหรือจะทำให้เขาไปถึงก่อนก็ขึ้นอยู่กับเวลา ถ้าเป็นคนอื่น เขาคงจับหักคอ ปาดคอ หรือไม่ก็ยิงทื้งอย่างไม่แยแสตั้งแต่วันแรกที่เจอแล้ว ยิ่งถ้าตอนนี้ที่เขาได้สัมผัสเส้นเลือดที่บีบรัดจากหัวใจตรงนิ้วโป้ง ออกแรงกดอีกหน่อยหัวใจของคนตรงหน้าก็หยุดเต้นไปในที่สุด

“ซึง… ฮยอน…”

แต่เสียงหวานที่เรียกชื่อเขานี้หยุดความคิดเขาไว้ทุกอย่าง

= = =

อ่านต่อตอนที่ 4

pairing: tempg, author: icys, band: bigbang, gen: dark/horror, rate: 17+, lang: thai

Previous post Next post
Up