(no subject)

Dec 29, 2004 00:12

The rule of four

จริงๆช่วงนี้มันเศร้าซึมกันไปหมด ไม่คิดว่าจะเขียนถึงเรื่องนี้ในช่วงนี้ดอกแต่ไม่อยากให้บรรยากาศมันซึมเกินไปจากโศกนาฏกรรมจากคลื่นสึนามิเลยเอามาลงไว้เสียหน่อย

ขอบคุณสกบร.ผู้แนะนำ..ได้ข่าวว่าอ่านจบแล้วแต่ยังใช้สายตามากไม่ได้เลยยังไม่ได้ review

เมื่อได้อ่านคำโปรยที่ว่าคนชอบ Da Vinci’s code จะชอบเรื่องนี้ก็ทำเอาคนอ่านแบบเราเกิดอาการหนาวๆร้อนๆแล้วด้วยว่าถึงเราจะชอบ Da Vinci’s code ก็จริงอยู่แต่หนังสือสไตล์นี้ก็ไม่ได้ถูกอารมณ์เราเท่าไรนักยกเว้นเสียแต่ว่ามันใหม่เร้าใจดีก็เท่านั้น



แต่ The rule of four เป็นข้อแตกต่างออกไปอย่างมากถึงแม้ว่ามันจะมีการไขปริศนาเหมือนกัน จากหนังสืออะไรลับๆที่ถูกซ่อนเอาไว้เหมือนกันแต่ว่าปัญหานั้นก็ไม่ได้ต้องการนักถอดรหัสสาวสวยเข้ามาช่วยแก้และให้พระเอกของเราตกหลุมรักนักถอดรหัสสาวผู้นั้นในยี่สิบสี่ชั่วโมง (ฮอลลีวูดมากๆเลยนะนั่น) ปัญหานั้นใช้เวลาสองชั่วคนถึงจะสามารถไขมันออกมาได้แต่ก็แลกด้วยความสูญเสียที่น่าหวั่นใจของทุกคนที่เกี่ยวข้อง

เป็น Thriller ที่ Angst มากค่ะขอบอก Angst ได้ใจคนอ่านอย่างเราๆมาก อ่านแล้วต้องกรี๊ดดังๆ เหงา… มีความละเมียดละไมที่หาไม่ได้จากแดน บราวน์เต็มเรื่องไปหมด สำนวนยอดเยี่ยม ยกให้เป็นหนึ่งในหนังสือสุดชอบของปีนี้

เรื่องย่อๆสั้นๆแบบไม่ spoiler ก็เริ่มมาจากหนังสือเล่มหนึ่งชื่ออ่านยากว่า Hypnerotomachia เป็นหนังสือที่เขาเชื่อกันว่ามีปริศนาสำคัญแฝงอยู่ในหนังสือนั้นและพอลตัวละครหนึ่งซึ่งเป็นนักศึกษาพรินซ์ตันกำลังทำ thesis เรื่องนี้อยู่ พ่อพอลมีเพื่อนสนิทสนมอีกสามคนซึ่งมีบุคลิกแตกต่างกันออกไป ทอมผู้ซึ่งเป็นรูมเมทนั้นเป็นลูกชายของนักวิชาการที่สนใจ hypnerotomacia ที่พอลหลงใหล ชาร์ลีหนุ่มผิวดำอารมณ์ดีผู้หวังจะเป็นหมอ และกิลสุดเท่ลูกชายนายแบงค์จากแมนฮัตตัน ทั้งสี่คนเจอปัญหาจากหนังสือเล่มเดียวกันแต่ผลของการเกี่ยวข้องกับหนังสือเล่มนี้ทำให้ชีวิตของทุกคนเปลี่ยนไปแบบกู่ไม่กลับ

แรกๆเมื่ออ่านไปจะเริ่มสงสัยว่า hypnerotomacia นี้จะเกี่ยวกับอะไรกันแน่ สงสัยเนื้อความ สงสัยความสำคัญว่ามัน worth fighting for ถึงเพียงนี้เชียวหรือแต่เมื่อปมของเรื่องเฉลยออกมา เนื้อความในหนังสือโบราณเล่มนั้นมันก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดอีกต่อไปแล้ว

ทอม…ผู้เล่าเรื่องนี้บอกว่า hypnerotomacia เหมือนกับนางไซเรน ใครได้ยินเสียงหลงตาย หลงมัวเมาจนหาทางออกไม่ถูกแต่ผู้ที่ติดกับดักเสียงเหล่านั้นก็มักเป็นเพราะทำตัวเองและยินยอมเองกันทั้งนั้น จริงอย่างที่สุดตั้งแต่รุ่นพ่อของทอมซึ่งถูกทำลายชื่อเสียงทางวิชาการด้วยบทความที่ไม่มีใครเห็นด้วยเกี่ยวกับ hypnerotomacia ตัวทอมเองที่เกิดการหลงใหลเรื่องนี้ชั่วคราวจนนำไปสู่เหตุการณ์หลายเรื่อง พอลผู้ซึ่งมีเพียงหนังสือเล่มนี้เป็นสิ่งสำคัญในชีวิตจนเรื่องอื่นเป็นเรื่องรองลงไป ชาร์ลีที่เข้ามาเกี่ยวข้องเพราะเป็นคนรักเพื่อน และสุดท้ายกิล… ชายหนุ่มที่ถูกผลจากหนังสือเล่มนี้ทำให้รู้ว่าที่ของเขาจริงๆแล้วอยู่ที่ใดบนโลกใบนี้

บอกตามตรง อ่านไปแอบคิดว่าพอลเหมือนน้องทูรินเสียนี่กระไร ซวยซ้ำซวยซ้อนเป็นเคะหัวดื้อ (ลืมบอกไปอีกอย่างว่าเรื่องนี้มัน Y มากๆ ฮ่าๆๆ เป็นประเด็นที่มีแต่หนุ่มๆเต็มเรื่องเลย สาวๆที่มาล้วนแล้วแต่ตัวประกอบทั้งสิ้นและขอบอกตามตรงว่าสามในสี่ทำตัวน่ารำคาญเอาเสียจริงๆ) บางทีการที่พอลเป็นเด็กกำพร้าและไม่มีอะไรเป็นสรณะยกเว้นหนังสือเล่มนี้มันก็ทำให้เขาไม่ยอมปล่อยวางสิ่งใดเลยถ้ามันจะทำให้เขาตีปริศนาออก ส่วนทอมที่เป็นผู้เล่าเรื่องนี้นั้นเป็นชายหนุ่มที่ดูจะธรรมดาๆคนหนึ่งไม่ได้โดดเด่นมากแต่เป็นคนช่างคิดและมีปัญหาที่แก้ไม่ได้ในใจของตนเอง เราคิดว่าไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานสักเท่าใดทอมก็จะยังเป็นคนเช่นนี้อยู่ ชาร์ลีเป็นคนประเภทที่เราชอบที่สุด เป็นคนมีชีวิตอยู่บนความเป็นจริงและสามารถจะทนต่อแรงกดดันต่างๆได้ดีนอกจากนี้เขายังเป็นคนที่เรียกได้ว่าปรับตัวได้เป็นเยี่ยมที่สุดในเรื่องนี้ ส่วนกิลชายหนุ่มเจ้าสำราญเท่กินขาดตั้งแต่ปรากฏตัวหนแรกผู้ขับ Saab ไม่ปรากฏรุ่นและสีนั้นเป็นคนน่าสงสารอีกคนหนึ่งเพราะกิลก็จะมีชีวิตแบบที่เขาควรจะเป็นโดยที่อาจจะไม่ได้มีความสุขมากมายนักแต่มันก็เป็นทางที่เห็นๆอยู่แล้ว พอเห็นกิลแล้วแอบนึกถึงอารมณ์คล้ายๆคุณหนูอยากเถื่อนแต่สักวันก็ต้องกลับไปเป็นคุณหนูเช่นเดิมประมาณๆนั้น (คล้ายบางเวลาที่คิดถึงออร์ลันโดเหมือนกัน)

มีแต่คนน่าสงสารจริงๆนะ….

แต่ก็ต้องตบมือให้…เยี่ยมยอดเกินบรรยายจริงๆเรื่องนี้ สมแล้วที่ใช้เวลาเขียนหกปีเต็มๆ

อ่านเถอะค่ะ ถ้าปีใหม่ไม่มีอะไรทำก็อ่านเรื่องนี้เถอะ สนุกแน่ๆ
Previous post Next post
Up