In his care 37 part 2

Mar 01, 2010 00:46


คำตอบทุกคำตอบของคาเมะกลับกลายเป็นแค่เพียงเสียงครางแว่วหวาน นิ้วของจินเริ่มขยับเข้าขยับออกจังหวะเดียวกับที่ร่างบางคุ้นเคย เหมือนเมื่อตอนที่จินใช้ส่วนอื่นในร่างทำแบบนี้นั่นเอง เรียวนิ้วเล็กของคนตัวเล็กจิกกดเข้ายังแผ่นหลังและไหล่กว้างเมื่อนิ้วยาวรีขยับเข้าออกใกล้ปุ่มเสียวกระสันต์ที่มักจะทำให้คนตัวเล็กถึงฝั่งฝันทุกครั้งเมื่อโดนสัมผัส นิ้วเรียวหยอกเย้าแหย่เล่นอยู่ใกล้จุดนั้น แต่มันยังไม่พอ นี่มันยังไม่พอ...ร่างกายของเขาร่ำร้องหาสัมผัสที่มากกว่านั้น ...ร่างกายเล็กขยับร่างโต้ตอบในทุกจังหวะของนิ้วจนแม้ตัวคาเมะเองก็นึกอายในการกระทำนั้นอยู่นิดๆ

“อืมม ชั้นน่าจะให้นายได้ไปก่อนแบบนี้ดีไหม” จินพึมพำบอกข้างใบหู คาเมะนึกสงสัยอยู่นิดว่าไหล่กว้างของจินจะร้อนได้มากเท่าแก้มของเขาที่กำลังแนบอยู่กับไหล่นั้นบ้างไหม ร่างบางส่ายหน้าเล็กน้อย ไม่มีเสียงตอบออกมาแม้เพียงนิด “ไม่หรือ” จินถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง “งั้นก็ เอาแบบที่นายชอบแล้วกัน”

เมื่อนิ้วถูกถอนจากร่างบอบบาง คาเมะก็ไม่รู้ว่าเขารู้สึกโล่งใจหรือนึกเสียดาย หรือจะทั้งสองก็ไม่รู้แน่ แต่ที่รู้ว่าไม่ชอบแน่ๆก็เมื่อตอนที่จินรั้งร่างของเขาให้นั่งตัวตรงบนตักกว้างนั้นเพื่อให้ร่างของพวกเขาได้เชื่อมถึงกัน จินใช้สายตามองดวงหน้าของร่างบางที่คงจะเริ่มแดงก่ำ ก่อนที่อีกฝ่ายเตรียมที่จะสอดใส่นิ้วเข้าไปภายในอีก ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่คาเมะไม่กล้ามอง ร่างบางแสร้งทำทีคิดเรื่องอื่นเพื่อเ ป็นการดึงความสนใจของตัวเองไปทางอื่นแทน

เขารู้สึกเหมือนช่องทางนั้นเปิดกว้าง..ขึ้นมาหน่อย บางทีนิ้วที่จินใส่เข้ามาก่อนหน้านี้อาจจะช่วยได้บ้างจริงๆ มันเหมือนกับว่าร่างของเขาเริ่มจะคุ้นเคยกับการถูกล่วงล้ำเข้ามา ทีละนิ้ว ทีละนิ้ว ถ้าเทคนิคแบบนี้ช่วยได้มากแบบนั้นแล้วทำไมจินไม่เคยใช้เทคนิคนี้กับเขามาก่อน เหมือนอย่างตอนที่จินใช้สารล่อลื่นกับเขา....หรือนั่นจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นก็ต่อเมื่อคนสองคนเกี่ยวพันกันในแบบที่มากกว่าเจ้านายและเด็กของเล่น หรือนี่จะเป็นสิ่งที่คาเมะควรได้รับหลังจากที่พิสูจน์ให้จินเห็นว่าเขายินยอมให้จินมาได้นานขนาดนี้ มันเป็นรางวัลอะไรเทือกนั้นหรอกหรือ

จู่ๆนิ้วที่วนอยู่ภายในก็ทำให้คาเมะหลงลืมเรื่องที่คิดไปก่อนหน้านี้ ร่างบางกระโดดตัวลอยจนแทบจะเอาหัวไปโขกเข้ากับเตียงบน แขนแกร่งเอื้อมมาคว้าเอวบางเพื่อดึงให้อีกฝ่ายได้อยู่นิ่งบนเตียง บนตัวจิน แล้วเพื่อไม่ให้หล่นลงจากเตียงเป็นลำดับต่อไปนั่นเอง

“ทำตัวสบายๆน้า ชั้นแค่ทำนายให้ชุ่มนิดๆเท่านั้นแหล่ะ” จินหัวเราะหึๆ คาเมะจัดแจงท่าทีให้อยู่สงบ ดวงหน้าไม่ได้แดงน้อยไปเลยสักนิด แขนแกร่งดึงร่างเล็กให้เข้ามาใกล้ อีกฝ่ายไม่ยอมหยุดจนกว่าริมฝีปากบางจะแตะแนบกับตัวเขา จูบครั้งนี้ช่างอ่อนหวาน มาดมั่นในที เหมือนจินจะบอกเขาว่าทุกอย่างไม่มีอะไรน่าห่วง คาเมะจึงได้ปล่อยใจตามสบาย มันเป็นการสื่อสารอีกรูปแบบหนึ่งที่พวกเขาใช้สื่อถึงกันนั่นเอง

ยังไงก็ตาม คาเมะก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ร่างกายของจินจะโกหกได้บ้างไหม

“พร้อมหรือยัง” ร่างสูงถาม เมื่อได้ถอนริมฝีปากอวบอิ่มออกห่าง แต่ยังไม่ยอมถอนมือจากเอวคอด ร่างบางพยักหน้ารับ รู้สึกได้ว่ามืออีกข้างที่ว่างของจินเอื้อมไปคว้าสะโพกผายเพื่อช่วยนำทางคนตัวเล็กให้ดูดกลืนส่วนนั้นเข้าไปอย่างช้าๆ

ร่างบางกัดริมฝีปากแน่น รู้สึกได้ว่าร่างเล็กของเขาได้ถูกแทรกสอดลึกล้ำกว่านิ้วเรียวยาวที่เคยได้แทรกเข้ามาในตอนแรก เมื่อคาเมะได้ครอบครองส่วนนั้นของเขามากเท่าไหร่ จินก็ทิ้งศีรษะไปด้านหลังพร้อมเสียงครางลึกแฝงด้วยความรัญจวนใจ ช่องทางของคาเมะคับแน่นกว่าที่เคย ครั้งสุดท้ายที่เขาเคยได้สัมผัสคนตัวเล็กแบบนี้ก็ผ่านมาตั้งหลายอาทิตย์ เกือบจะเดือนได้

จินรับรู้ได้ทันทีว่าร่างเล็กทั้งร่างเหมือนจะสั่นกระเพื่อมอยู่ในอ้อมกอดเขา เหมือนภายในของคนตัวเล็กที่กำลังสั่นไหวนิดๆ จินเห็นอีกฝ่ายทำหน้าตาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บนิดๆ จึงห้ามไม่ให้ลงไปต่ำกว่านั้น

ร่างบางผ่อนลมหายใจที่กลั้นเอาไว้นานให้ผ่อนออกมา พยายามปล่อยตัวปล่อยใจให้สบาย ทำตัวให้คุ้นเคยกับการที่มีจินแทรกอยู่ภายในร่างอีกครั้ง

พวกเขาค่อยๆขยับตัวอย่างช้าๆ ตอนแรกนั้นคาเมะแทบจะขยับตัวไม่ได้เลยสักนิด จินเลยต้องคอยนำทางให้ร่างเล็กขยับขึ้นลงตามความยาวใหญ่นั้นอย่างช้าๆ

เมื่อคาเมะเจ็บแบบนี้แล้ว..ท่าทางตำแหน่งอย่างนี้ก็ไม่ใช่ท่วงท่าที่ดีที่สุด ถ้าเขาอยู่บนได้ล่ะก็ คนตัวเล็กก็จะได้นอนลงไปสบายๆ ...ไม่ต้องเหยียดตัวตรงอยู่อย่างนั้นตลอดเวลา ร่างสูงอยากจะพลิกตัวร่างบางให้นอนราบลงไปกับเตียง แต่รู้ดีว่าคาเมะไม่มีทางยอมแน่นอน

นิ้วเรียวเล็กที่จิกกดลงไปบนไหล่กว้างพยายามยึดอีกฝ่ายเพื่อช่วยในการพยุงตัวอย่างที่สุด จินรู้ดีว่าอีกไม่นานร่างบางคงจะรู้สึกเหนื่อยล้ามาก เพราะต้องเป็นฝ่ายที่ใช้แรงงานมากที่สุดในท่วงท่าแบบนี้

“นี่ ให้ชั้นอยู่บนแล้วกัน” จินกระซิบบอกร่างบางที่กำลังเหนื่อยหอบ “แบบนั้นแล้วนายจะได้ไม่เจ็บมากไง”

คาเมะส่ายหัว เรียวแขนเล็กสวมกอดลำคออีกฝ่ายแน่นหนา “ไม่” ร่างบางตอบ จินรู้สึกเหมือนคาเมะกำลังยิ้มแนบหน้าอยู่กับไหล่กว้าง “นายคิดว่าชั้นไม่สนุกไปด้วยหรือ”

จินรู้สึกแปลกใจที่ได้ยิน ร่างสูงสวมกอดร่างเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดแนบแน่นขึ้นกว่าเดิม ส่งผลให้อีกฝ่ายต้องเปล่งเสียงครางแว่วหวานออกมา

“ชั้นคิดถึง....มากเลย” ร่างบางเปล่งเสียงบอก จินยิ้มเมื่อได้ยิน

ถ้าในตอนนี้เขาไม่สามารถจะช่วยอะไรได้เลย....อย่างน้อยที่จะสามารถทำได้ก็คือพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของคาเมะด้วยการขบเม้มไปยังซอกหูของคนตัวเล็ก จูบละเมียดไปยังจุดที่ไวต่อสัมผัสบนลำคอระหงทั้งสองข้าง ให้จูบที่เร่าร้อนมากจนคาเมะต้องผละออกเพื่อจะได้สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด

ชั้นขอโทษ

เขาได้แต่หวังว่าจะสามารถพูดมันออกมาดังๆได้ แต่ถ้าทำแบบนั้นก็คงต้องมีคำอธิบายตามมาอีกเป็นพรวน เขาไม่ได้ตระเตรียมคำอธิบายอะไรไว้เลยในตอนนี้ ครั้งนี้...เขาไม่มีอะไรที่จะมาเสนอให้ร่างบางอีก...แล้วถ้าคาเมะรู้ความจริง ...คาเมะจะจากเขาไปไหม

ยิ่งชั้นตกหลุมรักนายมากเท่าไหร่ มันยิ่งทำให้ชั้นตระหนักว่าชั้นได้ทำอะไรกับนายไว้บ้าง แล้วนั่นยิ่งทำให้ชั้นอยากทำตัวแยกห่างนายไป นายเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้นในชีวิตชั้น ดียิ่งกว่าพวกข้าวของต่างๆที่ชั้นเคยไปขโมยมาเสียอีก ..ดียิ่งกว่าชื่อเสียง อำนาจที่เคยได้มา ดีกว่าใครๆที่ชั้นเคยนอนมา....แล้วแน่นอนว่านายดีกว่ายามะพีแน่ๆ แต่ชั้นเป็นสิ่งเลวร้ายที่สุดที่เคยเกิดกับนาย แม้แต่ตอนนี้ชั้นก็ยังเฝ้าเอารัดเอาเปรียบนายอยู่ดี

จินปิดเปลือกตาพลางพิงศีรษะกับพื้นผนังห้อง

ไม่สำคัญหรอกว่าการที่ได้อยู่กับคาเมะตอนนี้จะทำให้รู้สึกดีมากแค่ไหน...ร่างสูงเหลือบมองดวงหน้าที่เปื้อนเหงื่อตรงหน้าด้วยตาปรือ ความคิดที่ว่าคาเมะจำต้องทำแบบนี้ ทั้งๆที่ไม่อยากทำ...หรือความคิดที่ว่าเขาเป็นคนฝืนใจคาเมะให้ต้องทำ ...ให้เป็นคาเมะอย่างที่เขาอยากให้เป็น...ความคิดนี้มันทำให้จินรู้สึกแย่อยู่ภายในอก คนตัวเล็กที่อยู่ภายในอ้อมกอดเขามองตรงมาด้วยความสงสัย

“นาย..ไม่เป็นไรนะ” ร่างบางเปล่งเสียงถามออกมา พยายามกลั้นเสียงครางที่จะเล็ดลอดออกมาในระหว่างที่ถาม จินคิดว่าคนตัวเล็กนั้นเหมือนจะห่วงเขา “นายเจ็บไหม”

จินเปิดยิ้มออกมาอีกครั้ง รู้สึกร่าเริงในใจที่เห็นคาเมะถาม แทนที่จะเป็นเขาที่เป็นคนถามออกไป

“ชั้นไม่เป็นไร” จินบอก ก่อนจะกระดกสะโพกสวนขึ้นเพื่อรับกับจังหวะที่ร่างบางขย่มลงมา คาเมะร้องคราง พยายามสู้กลับเพื่อให้จินลงไปนั่งยังเตียง

“คุมสะโพกนายหน่อยสิ...” คาเมะพึมพำบอก เรียวปากบางวางประกบกับอีกฝ่าย จินถือโอกาสแอบสอดแขนข้างหนึ่งเข้ามาระหว่างร่างพวกเขา

“อ่ะ แล้วก็คุมแขนของนายด้วย” ร่างบางร้องเสียงดัง ตัวสั่นระริกภายในอ้อมกอด “แขนนายยังไม่หายเลยนะ แล้วไหนๆนายก็ทำให้ชั้นเชื่อมาตั้งนานว่ามันยังไม่หายดี ชั้นก็จะคิดแบบนั้นล่ะ”

“อืมม แต่นี่มันแขนข้างซ้ายนะ เห็นมั้ย” จินตอบ พลางใช้แขนข้างนั้นสาวรูดส่วนที่อ่อนไหวของร่างบางที่นั่งอยู่บนหน้าตักแกร่ง คาเมะก็ตัวสั่นหวาบหวามอยู่ในอ้อมแขน “แล้วสะโพกชั้นก็ไม่ได้เจ็บด้วยนี่...แค่ก้นมันไปกระแทกพื้นตอนที่ตกลงมาหน่อย”

ร่างบางหัวเราะคิกคักข้างซอกหูของอีกฝ่าย “ถ้ากรณีนั้น ก็ต้องขอบคุณพระเจ้านะที่ก้นชั้นไม่กระแทกพื้นเจ็บน่ะ”

“นายรู้ป่าวว่าชั้นชอบตอนที่นายพูดลามกๆมากเลยนะ” จินตอบ

“ชั้นไม่ได้...” ถึงตอนนี้คาเมะก็ต้องหยุดเพื่อสูดลมหายใจเข้าไปในปอด “....พูดลามก ชั้นก็แค่พูด..ความจริง”

“นายมันเด็กเนิร์ดนี่ นายอาจจะเก่งเรื่องพูดหลักความจริง แต่ชั้นน่ะ...” ร่างสูงคราง “ชั้นเก่งบนเตียง ชั้นได้ยินแบบนั้น ก็รู้ได้ทันทีแหล่ะ”

“ถ้านายพูดแนะมาว่าชั้นไม่เก่ง... ชั้นก็จะ...ไม่นอน...กับ..นาย..อีก” คาเมะเสนออีกหนึ่งหลักความจริง

“นายจะไม่เก่งได้ไง ก็ชั้นสอนนายไปทุกเรื่องแล้วนะ” จินตอบพลางเอนตัวเข้าหาริมฝีปากสีอ่อน “แล้วนั่นก็เป็นหลักความจริงด้วย”

คาเมะยิ้มเมื่อร่างสูงปิดระยะห่างระหว่างเรียวปากทั้งสอง มันคงนับได้ว่าเป็นการสนทนาที่ดูงี่เง่าที่สุดที่พวกเขาเคยได้พูดกันบนเตียง ..ไม่นับตอนที่คาเมะทำตัวน่าอายต่อหน้าจินอยู่บ่อยๆนั่นหรอก

เมื่อริมฝีปากพวกเขาผละจากกัน คาเมะก็ครางเสียงหวาน ถึงแม้ยังรู้สึกเจ็บอยู่บ้าง...ร่างกายของเขาก็ยังคงสั่นระริกแม้จะเสร็จกิจไปแล้ว ร่างบางไม่เคยได้มีความสุขมากแบบนี้มานาน ล่าสุดก็ตั้งแต่ตอนที่ได้ยินว่าจินฟื้นจากโคม่านั่นเอง

เขาชอบที่ได้กลับมาเป็นเด็กของเล่นของจินอีกครั้ง...

“พรุ่งนี้ทางนั้นก็คงจะเปิดประตูฝั่งแล้วล่ะ” จินบอกเมื่อได้มานอนแผ่ข้างกันและกัน” เหมือนว่ามาสะจังจะเข้ามาดูแลเรื่องการสวบสวน ครั้งนี้จอห์นนี่ก็คงจะไม่ถูกเปิดโปงเรื่องทางเดินลับนั่นอีกแหง ถึงจะยังคงมีการซ่อมแซมอยู่บ้าง แต่เราก็อาจจะได้เดินไปไหนมาไหนได้อิสระอีกครั้ง “

“อืม ก็ดีสิ” ร่างบางอือออตอบรับ นึกชอบความรู้สึกเมื่อยามที่นิ้วเรียวยาวของจินลูบไล้บนผิวเปลือยเปล่าของเขายิ่งนัก คาเมะค่อยๆอิงศีรษะเล็กแนบไหล่ข้างที่ไม่เจ็บของจินอย่างช้าๆ

“นั่นก็หมายถึงว่านายไม่ต้องใส่ชุดนี้อีกต่อไป...” จินพูดสรุปให้ พยายามซ่อนน้ำเสียงผิดหวังไว้ แต่ก็ดูจะปิดไม่มิด ร่างบางช้อนตาขึ้นมองอีกฝ่าย

“...ถ้านายอยากให้ใส่ ชั้นใส่อีกสักวันสองวันก็ได้”

เหมือนว่าจริงๆแล้วคาเมะจะบอกว่า “ชั้นจะใส่ถ้านายอยากให้ชั้นใส่ เพราะหน้าที่ชั้นก็คือทำตามที่นายต้องการ” อย่างเด็กของเล่น...แล้วจินก็รู้สึกหน่ายกับคำๆนี้เหลือเกิน

“ไม่ต้องหรอก” จินตอบ ก่อนจะจูบยังกระหม่อมบางของคนตัวเล็ก แบบนั้นแล้วก็อาจจะเป็นการเรียกร้องความสนใจโดยใช่เหตุ อาจทำให้ใครบางคนเกิดความคิดที่ไม่ดีได้ แล้วการที่ได้กลับมาแต่งชุดนักโทษอีกก็จะทำให้คาเมะปลอดภัยมากกว่า “อีกอย่าง ชั้นชอบนายนะ นายแต่งแบบไหนชั้นก็ชอบ”

ความเงียบได้เข้ามาครอบคลุมอยู่ชั่วขณะใหญ่ จินก็ได้แต่หวังว่าร่างบางจะไม่ทันได้สังเกตเลยว่าเขาได้หลุดปากพูดคำนั้นออกไป ...

“ชั้นหมายถึงว่า ชั้นชอบทุกชุดที่นายใส่” จินพูดพลางรีบร้อนเปลี่ยนเรื่อง “เห็นตุ๊ตี้กับนากาย่าบอกว่าชั้นคงหายดีทันตอนออกจากคุกนี้พอดี พวกนั้นใช้คำว่าไงนะ ...ถ้าชั้นฟื้นตัวได้เร็วแทบบ้าแบบนี้ พอถึงต้นปลายเดือนมิถุนายนชั้นก็คงหายเป็นปกติแล้ว”

เขาก็ได้แต่หวังว่าคาเมะจะเอ่ยคำใดออกมา แต่คนตัวเล็กเอาแต่นิ่งเงียบอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะเปิดปากพูดอะไรออกมา “ชั้นแน่ใจว่านายจะต้องหายดี...ทันปลายเดือนมิถุนาแน่ๆ” ลมหายใจของร่างบางผะแผ่วรดช่วงอกกว้าง ทำให้รู้สึกหวาบหวิวอยู่บ้าง แต่นั่นก็ยังไม่เท่าเรียวนิ้วบางที่ลูบไล้อยู่เหนือผ้าพันแผลแต่อีกฝ่ายก็จงใจเลี่ยงไม่ให้โดนช่วงไหปลาร้า

ร่างสูงเปล่งเสียงครางหวาบหวาม ปล่อยให้ร่างกายมีความสุขไปกับนิ้วเล็กที่ละเลียดไล้อย่างแผ่วเบา คาเมะเหมือนเป็นคนรักของเขามากกว่าจะเป็นแค่เด็กของเล่นอย่างแน่นอน แต่ในที่คุกนี้คำๆนั้นแทบจะไม่มีให้เห็นกันมากนัก พวกเพื่อนๆของเขาจะพากันพูดว่ายังไงกับเรื่องแบบนี้

“จิน...” ร่างบางถามออกมา แต่จากน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความไม่มั่นใจ จินรู้ได้เลยว่าคาเมะคงอยากจะถามอะไรบางอย่างที่ตัวร่างบางเองไม่แน่ใจ...หรือไม่รู้ว่าควรจะถามไหม

“ฮึ” จินพึมพำ..พยายามอย่างดีที่สุดที่จะให้น้ำเสียงออกมาในแบบที่ว่า ‘นายสามารถที่จะถามชั้นได้ทุกอย่าง’ “มีอะไรหรือ”

อีกฝ่ายเงียบในช่วงแรก จินมั่นใจในลางสังหรณ์ของตัวเองว่าอีกไม่ช้าไม่เร็วคาเมะจะต้องพูดคายความลับออกมาแน่...เขาจึงนิ่งเงียบรอให้อีกฝ่ายได้พูดต่อ

“...คืนนี้...ที่นายทำไปน่ะ ...นายทำอย่างคนที่เป็นเจ้านายหรือว่าอย่างจินล่ะ”

จินหยุดคิดชั่วครู่เพื่อนึกแปลความหมายในคำถามนั้น หลายสิ่งหลายอย่างที่เกี่ยวกับคาเมะจำต้องมีการตีความอยู่บ้าง

“ชั้นเป็นจินมาโดยตลอด” เมื่อจินตอบ นิ้วเรียวของคาเมะที่กำลังลูบไล้บางเบาก็หยุดไปพักใหญ่เพราะนึกแปลกใจที่ได้ยินคำตอบเช่นนี้ “การเตรียมความพร้อมให้คู่ขาก่อนมีเซ็กส์เหมือนที่ชั้นทำให้นาย มันก็ไม่ใช้เรื่องปกติของคุกนี้หรอก การที่ใช้สารหล่อลื่นมันก็เหมือนการแสดง....”

ร่างสูงหยุดก่อนที่จะพูดคำที่เหลือออกมา ...มันเป็นการแสดงถึงความรักนั่นเอง... มันเหมือนเป็นการร่วมรักกันมากกว่าที่จะเป็นแค่การเล่นเซ็กส์กันธรรมดา

“มันเป็นการแสดงความใส่ใจ” ร่างสูงเลี่ยงใช้คำพูดอื่นปิดประโยค “นายใส่ใจความต้องการของอีกฝ่ายเหมือนเป็นตัวเอง”

ในช่วงเกือบสองปีที่ผ่านมานี้ ชั้นอาจจะไม่ได้แสดงออกว่าใส่ใจในตัวนายอย่างเพียงพอ.... อย่างนั้นแล้วมันจะเหมือนเป็นการบอกใบ้ว่าชั้นไม่ได้รักนายงั้นหรือ

จู่ๆจินก็สังเกตว่ามือบางที่ไล้อยู่บนอกกว้างเริ่มจะหยุดลง ร่างบางวางมือแนบกับร่างหนาเหมือนกอดหลวมๆ

“จะเตรียมพร้อมให้หรือเปล่า...ชั้น” คาเมะพูด แล้วหยุดลังเลใจอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะพูดต่อว่า “ชั้นรู้ว่านายดูแลชั้นอย่างดีตลอดมา นายใส่ใจ เพราะว่านาย....”

จินเปิดยิ้ม เขาแทบจะเห็นแก้มนวลของคนตัวเล็กเริ่มแดงปลั่งขึ้น หรืออย่างน้อย..ก็พอจะบอกได้จากน้ำเสียงของคนตัวเล็กที่มักจะเป็นแบบนี้ยามที่แก้มบางเริ่มแดงระเรื่อขึ้นด้วยความขวยอาย

“นายดูแลใส่ใจชั้นตลอดมา....และนายมักจะทำอย่างช้าๆ”

ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบกริบ จินเองก็เหมือนจะชอบใจ เพราะยังคงอิ่มเอิมใจกับคำพูดที่คาเมะบอก แต่จากการที่อีกฝ่ายปรับเปลี่ยนท่านอนเหมือนไม่สบายตัวอยู่บ่อยๆนั้น ทำให้จินรู้ได้ทันทีว่าคาเมะคงจะไม่ชอบใจกับความเงียบนี้มากนัก

เมื่อจินจะเอ่ยปากพูดเพื่อให้ร่างบางหายอึดอัดกับภาวะสถาณการณ์ตรงหน้า คาเมะก็ชิงพูดเสียก่อน

“ระ ราตรีสวัสดิ์จิน” คนตัวเล็กเอ่ยขึ้นพยายามทำตัวให้ผ่อนคลายภายใต้อ้อมแขนของร่างสูง

จินเปิดยิ้มกว้าง สองแขนรัดร่างบอบบางให้แน่นขึ้น คาเมะเองก็ดูจะหายอึดอัดไปบ้าง “ราตรีสวัสดิ์ คาซึจัง”
~*~*~*~

“อ๊า ชั้นดีใจจริงๆเล้ยที่ได้ออกมาเดินว่อนไปมาอีกครั้งเนี่ย” จินถอนหายใจออกมาด้วยความดีอกดีใจเมื่อได้ออกจากห้องขังในเช้าวันนี้ คาเมะยิ้มให้กับตัวเองขณะที่เดินออกจากห้องพร้อมจิน

“หวัดดีตอนเช้า อคานิชิ แล้วก็ คาเมะจัง” โคคิและยูอิจิร้องทักออกมาจากห้องขังห้องแรกที่เดินผ่าน แล้วจึงออกมาร่วมขบวนเสียด้วยกัน

“หวัดดีตอนเช้า” จุนโนะและอุเอดะร้องทัก ก่อนจะออกมาร่วมขบวนด้วยความร่าเริงใจ

เหล่าลูกน้องในแก๊งดูเหมือนจะอารมณ์ดีไม่ใช่เล่น อาจเพราะตอนนี้บานประตูห้องขังบานสุดท้ายได้เปิดออกแล้ว แต่คาเมะก็อดจะรู้สึกไปเองไม่ได้ว่าที่ลูกน้องของจินดูร่าเริงนั่นอาจจะเป็นเพราะจินไม่ได้ใส่ชุดแปลกประหลาดออกมาในเช้านี้น่ะเอง
“เย้ ในที่สุดเราก็ได้กินข้าวปั้นแบบอื่นบ้าง จริงๆเล้ย พวกนักโทษทำอาหารอร่อยกว่าพวกผู้คุมอีก” โคคิพูดเมื่อพวกเขาพากันเดินเลียบไปตามทางเดินของฝั่ง

ทุกสิ่งก็เหมือนจะกลับไปเป็นดังเดิม พวกเขาทั้งหกคนได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง อยู่พร้อมกันที่ฝั่งตะวันตก แล้วพวก AT-TUN ก็ยังคุมคุกอยู่ เหมือนว่าเรื่องของรุ่นพี่ไม่เคยเกิดขึ้นเลย

“ชั้นไม่ชอบอาหารที่พวกผู้คุมทำเหมือนกัน ดีนะที่พวกนักโทษได้กลับเข้าในครัวอีก แต่ว่า...ถ้าเราได้อาหารที่มีแต่ถั่วๆแล้วก็ถั่วอีกล่ะ” ยูอิจิพูดเมื่อพวกเขาเดินออกมาจากฝั่ง แล้วเข้าสู่ห้องโถงที่มีพวกนักโทษรวมตัวกันอยู่แล้ว

ร่างบางกวาดสายตามมองรอบพื้นที่ ราวระเบียงได้ถูกซ่อมแซมเรียบร้อย แถมถูกเปลี่ยนใหม่โดยรอบตรงส่วนที่ๆทุกคนสามารถจะมองลงยังพื้นข้างล่างได้ พื้นที่อยู่ใต้ราวระเบียงก็เหมือนจะมีการซ่อมแซม การปรับปรุงซ่อมแซมยังดำเนินกันต่อ ทั้งพวกเครื่องไม้เครื่องแล้วยังมีบางส่วนที่นักโทษไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปยุ่มย่าม มีแต่ผู้คุมเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้

“มันก็ยังดีกว่าอาหารของพวกผู้คุมอยู่ดี” จินพูดแจงเมื่อพวกเขาทั้งหกคนเดินมาถึงขั้นบันได

คาเมะสามารถที่จะเห็นโรงอาหารทั่วทุกพื้นที่ตรงหน้า โต๊ะหลายตัวถูกเปลี่ยนใหม่ เก้าอี้นั่งก็เช่นกัน... เมื่อพวกเขาทั้งหกเดินลงบันไดมา ดวงตารีของคนตัวเล็กมองกวาดไปยังพื้นที่จำเพาะที่หนึ่ง พื้นห้องได้มีการทำความสะอาดชะล้างตรงนั้นด้วย.... แต่ความทรงจำที่ว่าจินเคยนอนหมดสติอยู่ที่ตรงนั้นยังคงเกาะกินใจร่างบาง

ความสูงระหว่างชั้นสองกับโรงอาหารมันกว้างมากขนาดนี้มาแต่ไหนแต่ไรเลยหรือ ...รู้สึกเหมือนว่ามันสูงเสียเหลือเกิน ...... ยิ่งเดินไปไกลมากเท่าไหร่ความรู้สึกอ่อนแอก็เริ่มจะครอบคลุมร่างบาง คาเมะไม่ได้ยินแม้แต่เสียงพูดคุยกันอย่างสนุกสนานร่าเริงของคนในแก๊ง ภายในใจมีแต่ภาพความทรงจำเท่านั้นที่ดูจะแจ่มชัดขึ้น เขายังจำได้ถึงภาพขาวพร่าที่กระจ่างอยู่ตรงหน้าก่อนที่ความตกใจกลัวทั้งหลายแหล่จะเข้ามาจู่โจม.... เขาจำได้ถึงความรู้สึกท้อแท้ หมดสิ้นหนทาง เขาจำได้ถึงกองเลือด

จู่ๆโลกก็ดูจะหมุนเร็วขึ้นจนทำให้คาเมะเสียการทรงตัว เขาแทบจะไม่รู้ตัวแม้เมื่อมือแกร่งข้างหนึ่งคว้าข้อมือเล็กแน่นแล้วพาร่างบางเข้าชิดลำตัวหนา มือข้างที่ว่างของอีกฝ่ายก็ถูกยกขึ้นปัดปอยผมสีอ่อนให้พ้นจากเรียวตา

“โว๊ะ” จินพึมพำประคองร่างบางแนบชิด “นายไม่เป็นไรนะ”

“คาเมะจัง” สมาชิกที่เหลือก็มีปฏิกิริยาสนองตอบไปด้วย พวกเขากำลังเดินกันอยู่ดีๆ แต่แล้วจู่ๆคาเมะจังก็เกือบจะเป็นลมพลัดตกจากบันได โชคยังดีที่จินคอยเฝ้ามองคาเมะอยู่ตลอด แม้จินจะพูดคุยเล่นหัวกับเพื่อนๆในแก๊งแต่สองตานั้นก็ยังเฝ้ามองร่างบางจากทางหางตาอยู่เสมอ ซึ่งการที่จินทำเช่นนี้ก็ได้เห็นๆกันแล้วว่าเป็นผลดียิ่งนัก แล้วมันทำให้พวกเขารู้สึกยินดีในความโชคดีนี้จริงๆ

“ชั้นไม่เป็นอะไร” คาเมะตอบ ติดจะอายอยู่นิดๆ ไม่เห็นมีใครแสดงท่าทีหรือทำท่าทางเหมือนได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันเหมือนตอกย้ำให้ได้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างตัวร่างบางและพวกในแก๊ง เขาเป็นคนที่ดูไม่เข้าพวกมากที่สุด จนบางครั้งคาเมะก็อดนึกสงสัยไม่ได้ว่าทำไมพวกในแก๊งถึงไม่ทำตัวกับเขาเหมือนเป็นคนภายนอก

จินเดินนำคนตัวเล็กลงตามขั้นบันได ก่อนจะพานั่งลงบนโต๊ะตัวว่างที่เห็น แต่ไม่ใช่ตัวที่นั่งกันเป็นประจำ แบบนั้นก็ยิ่งทำให้คาเมะรู้สึกอายยิ่งขึ้น เขานึกอยากจะเข้มแข็งให้ได้มากกว่านี้ เขาอยากจะเก่งเรื่องอะไรสักอย่างเหมือนคนในแก๊ง มันแทบจะเหมือนว่า.....เขาอยากจะเป็นส่วนหนึ่งในนั้น..อาจเพราะในช่วงเวลาที่ผ่านมาพวกสมาชิกในแก๊งก็ทำให้ร่างบางรู้สึกแบบนั้นด้วย

“นั่งนี่แล้วกัน เดี๋ยวชั้นจะไปเอาข้าวเช้ามาให้” จินกล่าว แต่คาเมะรีบรวบรวมแรงกายและใจลุกขึ้นยืน ทำทีไม่สนแม้จะรู้สึกว่าโลกเริ่มหมุนติ้วๆอีกครั้งเมื่อเขาทำเช่นนั้น

“ไม่ต้องหรอก ชั้นสบายดี นายต่างหากที่เป็นคนเจ็บ” ร่างบางรีบตอบก่อนที่จินจะขยับตัวไปเสียก่อน

“ชั้นดีขึ้นแล้ว” จินยิ้ม แต่ครั้งนี้คาเมะไม่ยอมแน่ จินเป็นผู้บาดเจ็บตัวจริง แม้ตามหลักความเป็นจริงแล้วจินต่างหากที่น่าจะเป็นลมหน้ามืดวิงเวียน ..ไม่ใช่เขา

“ชั้นรู้สึกดีขึ้นแล้วล่ะ” ร่างบางยังค้าน จินมองสำรวจดวงหน้าสวยนั้นเพียงครู่หนึ่งแล้วโน้มตัวก้มจูบที่กลีบปากบาง ก่อนจะทรุดตัวลงนั่ง “ขอบคุณ” คาเมะเอ่ยขึ้นพลางรีบรุดไปเอาอาหารเช้ามาให้พวกเขาทั้งสอง

“พวกนายกลับมาหวานแหววกันอีกแล้วเหรอ” สมาชิกในแก๊งพากันพูดแหย่เมื่อเห็นคาเมะออกไปแล้ว

“คาเมะจังผู้น่าสงสาร เขายังดูหน้าซีดอยู่เลยนะ” จุนโนะเอ่ย

“นายไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากเรื่องที่เกิดหรือ” ยูอิจิถามพลางโน้มตัวอยู่เหนือโต๊ะตัวใหญ่

“ไม่นิ เท่าที่รู้ก็ไม่นะ” จินตอบ สมาชิกที่เหลือต่างก็พากันส่ายหัวด้วยความผิดหวังนิดๆ จินเหมือนจะไม่สนใจพวกเพื่อนๆสักนิด เพราะร่างสูงเฝ้าแต่ส่งสายตามองไปยังร่างเล็กที่กำลังต่อแถวรออาหารเช้า “แต่บางครั้งจู่ๆชั้นก็ตื่นขึ้นมากลางดึกอย่างไม่รู้สาเหตุ แล้วชั้นก็จะต้องไปดูว่าคาเมะยังนอนอยู่ข้างชั้นหรือนอนอยู่บนเตียงบนหรือเปล่า แบบนั้นแล้วชั้นถึงจะรู้สึกสบายใจได้ จากนั้นก็ผลอยหลับไป แต่ชั้นก็กลัวเหลือเกินว่าจะฝันร้ายว่าเห็นคาเมะตกลงมาแล้วชั้นไม่สามารถช่วยไว้ได้”

ทั้งสี่หนุ่มพากันเงียบ แต่ก็เหมือนหัวหน้าแก๊งจะไม่สังเกตเห็นอีกเช่นเคย จินยังอยู่ในห้วงภวังค์ความคิดของตัวเอง ตาคมยังคงเฝ้ามองตามร่างของคาเมะที่กำลังเดินเข้าใกล้โต๊ะที่ตั้งไว้จัดสำหรับเสิร์ฟอาหารเช้า

“ชั้นแทบจะอยู่ข้างเขาเมื่อตอนที่เขาตกลงไป แต่ชั้นไม่คิดว่าคาเมะจะเห็นชั้นหรอก เพราะตอนนั้นก็มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมากมาย ถ้าเพียงแต่ชั้นเข้าถึงตัวเร็วกว่านี้หน่อยล่ะก็.....” จินพูดพลางถอนหายใจ สองมือกำแน่นอยู่พักใหญ่จนเพื่อนๆคิดว่าจินจะทุบโต๊ะนั้นได้เลย “ชั้นเอื้อมมือไปหาคาเมะ แล้วสัญชาตญาณแรกที่บอกชั้นก็คือชั้นน่าจะคว้าตัวคาเมะให้กลับมา แต่คาเมะอยู่ไกลเกินไป ชั้นรู้ได้โดยทันทีว่าจะทำอย่างที่คิดในตอนแรกก็คงไม่ทันแล้ว....โดยเฉพาะกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้แล้วด้วย ชั้นคงวางใจไม่ได้แน่ถ้าไม่พาตัวเองไปอยู่ข้างคาเมะแล้วคอยเฝ้าดูให้แน่ใจว่าเขาไม่เป็นอะไร แล้วอีกเหตุผลอื่นก็คือ.......ตอนนั้นชั้นไม่อยากห่างคาเมะไปไหนเลย”

“ใครเลยจะคิดว่านายจะพบคนพิเศษในคุกนี้ได้” ยูอิจิหัวเราะลงลูกคอ แต่ก็นึกเสียใจภายหลังจึงได้แต่ใช้แขนโอบรอบคอโคคิ “ไม่นับเรื่องที่ว่าชั้นชอบนายแล้วรู้จักนายก่อนที่จะเข้ามาในคุก...”

สมาชิกที่เหลือต่างก็พากันไม่สนใจกับคู่รักคู่นี้ อุเอดะจึงหันหน้าไปถามจิน “นายไม่มีข้ออ้างอีกแล้ว”

“ชั้นรู้”

“งั้นก็บอกเขาไปสิ”

“ทำไม่ได้หรอก” จินส่งสายตามองพวกเพื่อนๆ “ชั้นรู้ว่าชั้นไม่ควรจะทำแบบนี้กับคาเมะในตอนนี้ มันเหมือนกับชั้นกำลังเอาเปรียบเขา...อีกครั้ง คาเมะต้องไม่ชอบแน่ๆ แล้วที่คาเมะคิดว่าตัวเองชอบนั่นก็เพราะบอกใจตัวเองให้ชอบมาตั้งนานนี่น่า”

“นายจะรู้ได้ไง” อุเอดะพูดบอกเหตุผล

“แต่ชั้นว่าหนึ่งเดือนครึ่งมันก็น่าจะดีกว่าหนึ่งปีครึ่งนี่...” จินพึมพำตอบ “ตอนนี้เขาก็น่าจะรู้แล้ว”

“อย่าประเมินค่าต่ำไป คาเมะน่ะอยู่กับนายทีไรแล้วสมองกลวงจะตาย” อุเอดะถอนหายใจ “แล้วถึงเขาจะรู้ เขาก็คงไม่กล้าแสดงตัวแบบนั้น พวกนายสองคนน่ะ...เริ่มต้นกันมาแบบไม่ปกติหน่อย แต่จะว่าไปแล้วพวกนายสองคนก็มีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยปกติด้วยสิ”

จินไม่ได้ตอบอะไรเพราะยังคงเฝ้ามองคาเมะที่กำลังจะเข้าถึงโต๊ะเสิร์ฟอาหาร

ดูสิว่าจะเลือกอะไรดี คาเมะใช้สายตามองกวาดไปยังอาหารที่มีให้เลือกต่างกันไป ข้าวปั้น...ผัก...ผลไม้...ถั่ว

...ถั่วหรือ

ร่างบางช้อนตาขึ้นมองใบหน้าอันคุ้นเคยที่กำลังเสิร์ฟอาหารเช้าอยู่ “ฮิซาโตะ”

อิซากิ ฮิซาโตะมองสบตาคาเมะด้วยรอยยิ้ม “คาเมะจัง!” เด็กหนุ่มอุทานขึ้น “พวกเราเป็นห่วงนายมากเลย เราได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นกับนายและอคานิชิแล้วล่ะ”

“เอ่อ ก็เป็นวันที่เลวร้ายมากเลยล่ะ ว่าแต่มีใครจาก เอ่อ... wFL บาดเจ็บกันบ้างไหม” คาเมะถาม ฮิซาโตะก็ส่ายหัวตอบ

“ไม่นะ โชคดีที่ไม่เป็นอะไร ตอนนั้นเรานั่งกันอยู่ในโรงอาหารนี่แหล่ะ จากนั้นก็เห็นนักโทษหล่นตุ๊บลงมารอบๆตัว พวกเราเห็นเดอร์ ออง เกรย์ หนีไปกับพวกรุ่นพี่ด้วย” ฮิซาโตะตอบ “ไม่นานพวกอาราชิก็ตามพวกนั้นออกไป”

คาเมะเริ่มรู้ตัวว่าเป็นฝ่ายทำให้แถวไม่เขยื้อนไปไหนเลย

“งะงั้นก็ ชั้นดีใจนะที่พวกนายไม่เป็นอะไร” ร่างบางรีบบอก สองมือคว้าอาหารเช้าแบบที่ชอบกินประจำไปด้วย ก่อนจะรีบยังโต๊ะที่จินนั่งอยู่

เมื่อคาเมะมาถึงโต๊ะ เขาสังเกตเห็นได้ทันทีว่า พวก AT-TUN ไม่ได้อยู่กันตามลำพัง News และ คันจานิ 8 มารวมตัวกันอยู่รอบๆห้าหนุ่ม ด้าน T-TUN เองก็พากันแย่งอาหารจากแก๊งศัตรูเพราะขี้เกียจลุกขึ้นไปยืนต่อแถว

ร่างบางพยายามเร้นตัวผ่านสมาชิกในกลุ่มต่างๆ ส่วนในมือก็ถือจานที่เต็มไปด้วยข้าวปั้น แล้วน้ำส้มสองแก้ว

“โอ๊ะ ย้ายก้นของนายไปซะ” เมื่อสังเกตเห็นคาเมะเดินแหวกตัวผ่านสมาชิกมากหน้าหลายตาเข้ามา จินก็พึมพำบอกคนอื่นๆ ให้เหลือที่ให้ร่างบางได้นั่งข้างตัวเขา

“คาเมะจัง!”

โอ๊ะ ไม่นะ เขาไม่ชอบที่กลายเเป็นจุดสนใจของคนทั้งสิบสี่คนเลยจริงๆ

“นายกลับมาที่ฝั่งตะวันตกได้ทั้งๆที่นายนอกใจอคานิชิไปหายามะพีนี่นะ!” โยโกร้องอุทานเสียงสูง พวกเขาคงจะไม่มีวันยอมให้ AT-TUN หรือตัวร่างบางเองลืมเรื่องนั้นไปได้แน่

จินเองก็ดูเหมือนอยากจะฆ่าคนขึ้นมาทันที “คาเมะไม่เคยมีอะไรกับยามะพี ! นั่นเป็นเรื่อง....เข้าใจผิดกัน!”

“พวกนายดูเหมือนจะเข้าใจผิดกันบ่อยนะ” มัสสุกับเทโกชิหัวเราะคิกคักกันสองคน แต่ที่จินทนไม่ได้ก็ไอ้ตรงรอยยิ้มของยามะพีนี่แหล่ะ

“คาเมะจังนี่น่าจะได้เข้าไปอยู่ในหนังสือกินเนสส์ สถิติเด็กของเล่นในเรือนจำ ! คาเมะจังคงจะสร้างสถิติใหม่ในทุกๆหัวข้อแน่!” มารุยาม่าพูดแนะ

“นายหมายถึงหนังสือสถิตินักโทษในคุกจอห์นนี่ป่าว” โคยาม่าพูดแก้ให้

“พวกเรามีกับเค้าด้วยหรือว่ะ” ชิเงะถาม

“เห็นว่ามีนักโทษบางคนเก็บหนังสือเขียนสถิติเรื่องที่เกิดขึ้นในคุกนี้ ยกตัวอย่างเช่น รุ่นพี่โคอิจิยึดสถิติหัวข้อเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผู้คุมกับนักโทษที่ยืนยาวมาเป็นสิบปีแล้ว” โคยาม่าตอบ “แล้วพวกเขาเองก็ยังเลี่ยงไม่ถูกจอห์นนี่และผู้คุมบางคนจับได้ด้วย”

“มันเหลือเชื่อเลยว่ะที่รุ่นพี่โคอิจิยังไม่ถูกจับได้เรื่องที่มาเกร่ๆกับพวกเรา แล้วยังไม่ถูกสอบปากคำเรื่องความสัมพันธ์กับซึโยชิด้วย” คุซาโนะครุ่นคิด “ชั้นหมายถึง..ก็ทุกคนในนี้รู้กันหมดแล้ว เป็นไปได้ยังไงที่เรื่องมันไม่ไปถึงหูตาแก่จอห์นนี่ ตาแก่นั่นเองก็มีสายลับในนี้ด้วยนี่น่า”

“ชั้นตอบคำถามนั้นไม่ได้หรอก แต่อย่างน้อยที่รู้ๆก็คือหนังสือเล่มนี้ทำมาจากนักโทษถึงนักโทษด้วยกัน เท่าที่รู้มา จอห์นนี่ยังไม่เคยเห็นหนังสือนี่เลย จริงๆแล้วก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าคนไหนเก็บหนังสือนี้ไว้ หนังสือเล่มนั้นมันอาจจะเป็นแค่ข่าวลืองี่เง่าก็ได้ อาจจะไม่มีอยู่จริงเลยด้วยซ้ำ” โคยาม่าอธิบายให้ฟัง “ทักกี้กับซึบาสะก็ครองสถิติในหนังสือเล่มนั้นด้วย อย่างเช่นเรื่อง...นักอาชญากรที่ถูกจับตัวบ่อยที่สุด แล้วถูกส่งกลับมาคุกหลายครั้งในเวลาไม่กี่ปี”

“หนังสือนั่นมีอยู่จริง ชั้นเคยแห็นมาแล้ว” ยามะพีพูดขัดขึ้น คนจากหลายแก๊งต่างก็หันหน้ามามองชายหนุ่ม “ก็คนที่ชั้นเคยไปนอนด้วยน่ะ เพื่อนร่วมห้องของหมอนั่นมีหนังสือเล่มนี้อยู่ ชั้นก็เลยไปแอบอ่านหน่อย ดูเหมือนว่าหนังสือนั่นจะเริ่มทำกันมาตั้งแต่ตอนที่เริ่มสร้างคุกนี้ขึ้น เรื่องที่เขียนก็จะย้อนกลับไปประมาณนี้แหล่ะ”

continue here ยังไม่จบคะ อ่านต่อตรงนี้คะ
Previous post Next post
Up