In His care 35

Jan 01, 2009 19:16



Title: In his Care
Author:blue_orbs
Translated and wrote in Thai by daniellove& windzephyr
Pairing: Akame
Rating: NC-17
Disclaimer:The STORY belongs to blue_orbs darling
Summary: For this chapter N/A

Thanks รียา อารียา reeya-areeya to be my lovely
beta ,how could I survive without YOU *kisses*
Special thanks to ก้อย jk_no_koi

Chapter 35

“คาเมะจัง” เสียงของยูอิจิดังขึ้นมาจากที่ไหนสักแห่งไม่ไกลมากนัก “คาเมะ~” เสียงนั้นร้องเรียกขึ้นมาอีกครั้ง คาเมะจึงได้เปิดเปลือกตาขึ้นมาอย่างช้าๆ

“สวัสดีตอนเช้า” จุนโนะร้องทักขึ้นด้วยรอยยิ้มที่สดใส ดูเหมือนว่าจะสดใสมากยิ่งกว่าเดิมเสียอีก ภาพรอยยิ้มของอีกฝ่ายเป็นสิ่งแรกที่ร่างบางได้เห็นในเช้าของวันนี้ ซึ่งมันก็ดูจะให้ความรู้สึกแปลกๆไปบ้าง เพราะตลอดช่วงระยะเวลาเกือบสองปีที่ผ่านมานี้ เขาเคยชินกับการตื่นลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นจินเป็นคนแรก

“สวัสดีตอนเช้า” คาเมะตอบรับด้วยท่าทีสุภาพอ่อนน้อม ถึงแม้จะยังรู้สึกเหนื่อยล้ามากเหลือเกิน ร่างบางไม่อยากจะตื่นลืมตาขึ้นมาเลยสักนิด เขาไม่เห็นความสำคัญกับการที่ต้องตื่นขึ้นมาเลยด้วยซ้ำ เขาน่าจะยังนอนหลับอยู่อย่างนั้น เหมือนที่จินเป็นอยู่ในตอนนี้

“เอาน่า รวบรวมกำลังหน่อย” โคคิที่ยืนอยู่เยื้องๆร้องบอกออกมา คนตัวเล็กก็ผุดลุกขึ้นนั่งอย่างว่าง่าย ก่อนจะยกมือขึ้นขยี้เปลือกตาที่ปิดสนิทอยู่ไปมา

“ตอนนี้นายอาจจะอยากตื่นแล้วนะ...” ยูอิจิพูดพร้อมรอยยิ้มที่ฉาบอยู่ทั่วใบหน้า ทำไมจู่ๆทุกคนในแก๊งถึงได้ดูอารมณ์ดีกันนักล่ะ? ถึงทั้งสี่หนุ่มจะพยายามช่วยกันผ่อนคลายบรรยากาศให้ลดความตึงเครียดลงมาอยู่เสมอ แต่วันนี้ช่างเหมือนกับว่าพวกเขาต่างก็อารมณ์ดีได้อย่างน่าฉงนจริงๆ “เรากำลังจะพากันไปหาจินแล้วนะ”

คาเมะทิ้งหัวกลับลงไปดังเดิม กลุ่มปอยผมยุ่งๆก็เริ่มปรกลงมาปิดหน้าปิดตา ร่างบางเอ่ยปากที่จะค้านออกมาว่าเขาไม่อยากจะไป ต่อเมื่อได้สังเกตเห็นผู้คุมสองนายที่ยืนอยู่นอกห้องขัง

“โอ๊ะ แล้วก็อีกอย่างนะ จินฟื้นแล้ว.....” อุเอดะพูดเสริมขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม ดวงตาของคนตัวเล็กก็เบิกกว้างขึ้นโดยทันใด ร่างบางรีบร้อนปีนลงมาจากเตียงชั้นบนจนแทบจะเซถลาล้มไปกับพื้น ก่อนจะรีบพุ่งกระโจนเข้าไปสวมใส่รองเท้าอย่างรวดเร็ว

“หมอนี่ก็ไปด้วยเหรอ?” ผู้คุมนายหนึ่งถามขึ้นมา พลางพยักหน้าไปหาคาเมะ

“ก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ แต่มันจะไม่เร็วไปหน่อยเหรอที่จะพาหมอนี่ไปเริ่มทำงานให้กับอคานิชิน่ะ? ชั้นหมายถึงว่า อคานิชิก็เพิ่งจะฟื้นขึ้นมานี่น่า!” ผู้คุมอีกนายพูดแหย่ทำเป็นเรื่องโจ๊กสองแง่สองง่าม โคคิผลักตัวเดินผ่านพวกผู้คุมออกมาพร้อมกับดึงลากแขนของคนตัวเล็กให้เดินตามออกไปด้วย

“ไปเถอะคาเมะจัง” หนุ่มนักแร๊บเอ่ยขึ้น ทำเป็นไม่ใส่ใจกับการที่ผู้คุมหัวเราะเยาะเข้าใส่ จากนั้นจึงได้พากันเดินละเลียดลงตามทางเดินของฝั่ง

หัวใจของร่างบางเต้นดังและรัวเร็วมากขึ้นทุกทีเมื่อได้เดินใกล้เข้ามายังส่วนๆหนึ่งที่อยู่ใกล้ห้องพยาบาล ที่ตรงนั้นเป็นที่ๆคุณหมอตุ๊ตี้และนากายันได้แยกตัวจินออกมาให้อยู่ในห้องเล็ก ถึงจะเป็นห้องค่อนข้างเล็กแต่ก็ดูเป็นห้องที่ให้บรรยากาศอันแสนสบายและอบอุ่น

จินฟื้นขึ้นมาแล้ว มันเป็นความจริงหรือเนี่ย? นี่เขากำลังฝันไปใช่ไหม? คาเมะคิดได้ว่าเขาคงไม่อยากจะรู้คำตอบในคำถามพวกนี้อย่างแน่ อย่างน้อยก็ยังไม่อยากรู้ในตอนนี้นั่นเอง

ข่าวอันสุดวิเศษข่าวนี้เหมือนจะทำให้คนตัวเล็กได้หลงลืมความรู้สึกผิดที่ได้แบกรับเอาไว้จนหนักอึ้งบนไหล่ออกไปจนหมด แต่เมื่อได้ย่างเท้าเข้ามาจนใกล้จะถึงบานประตูบานแห่งนั้น เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่ร่างบางเริ่มจะคิดถึงเรื่องนั้นขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่ไปพบกับพวกแก๊งรุ่นพี่มาแล้ว ถ้าเขาไม่เร่งไปหาพวก ATTUN แล้วล่ะก็ ทุกสิ่งทุกอย่างจะเปลี่ยนไปบ้างไหม? ถ้าเพียงแต่เขาจะพอใจกับการได้พูดคุยเปิดอกกับพวกรุ่นพี่ แล้วปล่อยให้จินใช้ชีวิตอยู่อย่างที่เคยเป็นเสีย...

นายไม่ควรจะกลับมาหาชั้นเลย

ร่างบางหลุบตาต่ำลงมองที่พื้น จินจะพูดคำนี้กับเขาในอีกไม่กี่วินาทีที่จะถึงนี้หรือไม่? อีกฝ่ายจะกล่าวโทษเขาในเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นหรือไม่?

ผู้คุมจัดการเปิดประตูอ้าออกกว้าง แต่ก็ไม่ลืมที่จะยกมือขึ้นกันคนตัวเล็กเอาไว้เพื่อให้คนในแก๊งได้เดินเข้าไปก่อน จากนั้นจึงปล่อยให้คาเมะเดินตามเข้ามา ร่างบางถอนใจอยู่ภายในอก ยังไงตัวเขาก็ยินยอมให้คนที่ใกล้ชิดกับจินได้เข้าไปก่อนอยู่แล้ว

“จิน!” คาเมะแทบจะไม่เคยได้ยินอุเอดะร้องเสียงแหลมได้อย่างนี้มาก่อนเลย เด็กหนุ่มผมสีดำสนิทรีบรุดเข้าไปที่เตียง จากนั้นไม่นานคนอื่นๆทั้งสามก็ทำเช่นเดียวกับอุเอดะ คนทั้งแก๊งต่างก็พากันไปยืนรวมตัวกันล้อมรอบตัวหัวหน้าแก๊งด้วยความตื่นเต้นและดีอกดีใจ

“เฮ้ นายสบายดีไหม?” โคคิเอ่ยถามขึ้นมาด้วยเสียงนุ่มๆ

“เราห่วงนายมากนะ!” จุนโนะพูดขึ้นมาจากที่ยืนอยู่ข้างๆหนุ่มนักแร๊บ

จินใช้สายตามองกวาดไปยังทุกคน “คาเมะอยู่ไหน?” จินถามขึ้น น้ำเสียงของชายหนุ่มคล้ายจะแหบแห้ง แต่ก็ยังดูปกติดีทุกอย่าง

รอยยิ้มฉีกกว้างอยู่บนใบหน้าของยูอิจิ ทั้งเขาและจุนโนะต่างก็พาถอยออกไปยืนข้างๆ เผยให้เห็นร่างเล็กที่ยืนแอบอยู่ด้านหลัง คาเมะสูดลมหายใจเข้าไปนิดๆเมื่อได้สบตาจิน ดวงตาของอีกฝ่ายไม่ได้ดูแห้งแล้งว่างเปล่าเหมือนในความฝัน ถึงแม้ออร่าที่ห่อหุ้มตัวของร่างสูงอยู่ในตอนนี้จะดูหมองหม่นไปบ้างเล็กน้อย แต่ออร่านั้นก็ยังคงอยู่มิได้เลือนหายไปไหน

“ว่าไง” เสียงที่คล้ายจะอ่อนล้าดังแว่วมา อีกฝ่ายดูเหมือนจะโล่งใจขึ้นมาบ้างที่เห็นคาเมะปลอดภัยดีทุกอย่าง “ชั้นรู้ว่าในตอนนี้ชั้นดูน่ากลัวไปหน่อยนะ” หัวหน้าแก๊งพูดเสริมเมื่อได้มองเห็นสีหน้าของร่างบางฉายวาบไปด้วยความเกรงกลัว คาเมะค่อยๆสาวเท้าเดินเข้าไปใกล้ที่เตียง แล้วเมื่อคาเมะได้เดินเข้ามาจนถึงรัศมีของอีกฝ่าย จินก็ได้เหยียดมือข้างซ้ายที่ไม่ได้บาดเจ็บตรงเข้าหาร่างบาง ก่อนจะดึงข้อมือเล็กให้โน้มตัวลงมาหา จวบจนช่องว่างของสองร่างได้จางหายไป จินยังดื้อดึงด้วยการพยายามยกมือข้างขวาที่ยังเจ็บอยู่ไปวางโอบรอบเอวบาง แต่ก็ทำได้อย่างไม่ราบรื่นนักเพราะผ้าพันแผลต่างๆที่พันเอาไว้อยู่รอบ

คาเมะแทบจะช็อคเมื่อได้เห็นท่าทีที่อีกฝ่ายแสดงออกมา เพราะคาดเดาไปล่วงหน้าแล้วว่าจินคงจะรีบเตะเขาออกจากฝั่งตะวันตกอย่างทันทีทันใด แต่ความคิดพวกนั้นก็เลือนหายไปเพราะร่างบางกำลังรู้สึกสุขใจกับการที่ได้อยู่ใกล้จินอีกครั้ง

เขาไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆว่า จินอยู่ที่นี่แล้ว อีกฝ่ายนอนอยู่ที่ตรงนี้ ...ยังหายใจ..ยังมีชีวิตอยู่..และร่างกายยังอุ่นๆ ร่างบางสามารถที่จะสัมผัสได้ถึงเสียงเต้นของหัวใจที่เต้นดังอยู่ภายในอกกว้าง คาเมะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ก่อนจะฝังซุกซ่อนหน้าจมลึกลงไปกับอ้อมกอดเพื่อสูดกลิ่นกายของเพื่อนร่วมห้อง เขาพยายามข่มกลั้นหยาดน้ำตาที่เริ่มก่อตัวขึ้นมาเอ่อล้นเบ้าตาไม่ให้พร่างพรูลงมา มันเป็นความจริง จินจะต้องไม่เป็นอะไร

“นี่อคานิชิซัง อยากจะให้พวกชั้นทำเตียงสองเตียงให้พวกนายได้ทำกันต่อไหม?” ผู้คุมอีกนายพูดล้อขึ้นมาจากทางหน้าประตู คนตัวเล็กจึงค่อยๆดึงตัวออกมาเล็กน้อย แต่ก็ยังคงยืนอยู่ข้างๆจิน เพราะมือของอีกฝ่ายยังคงยื้อยุดฉุดที่แขนเสื้อไม่ยอมให้ได้ห่างไปไหน จินจ้องผู้คุมทั้งสองนายด้วยสายตาในแบบที่คาเมะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะสามารถทำมันออกมาได้ในเวลานี้ ร่างสูงยังไม่ยอมปล่อยร่างบางให้ห่างไปไหน แต่กลับใช้มือเล่นไปมากับแขนเสื้อแทน

สายตาของคาเมะได้เลื่อนมองไปรอบๆกายหนา ไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือสอดเข้ากับร่างของจินอีกแล้ว สายน้ำเกลือก็ถูกเอาออกไปด้วย คาเมะรู้สึกได้ว่าเมื่อตอนที่จินตื่นขึ้นมานั้นอีกฝ่ายก็คงจะเป็นฝ่ายดึงมันออกมาเองเสียมากกว่า

“นายไม่เป็นไรนะ?” จินเปิดปากถาม แล้วคำถามข้อนี้ก็ทำให้คาเมะต้องนึกแปลกใจอย่างมาก

“ชั้นเหรอ? เอ่อใช่ ชั้นสบายดี ขอบคุณนะ” ร่างบางตอบ “นายเป็นยังไงบ้างล่ะ? นายจำ..ทุกอย่างได้ไหม?”

เมื่อได้ถามออกไปแบบนั้นแล้วความคิดที่ย่ำแย่ก็ได้เข้ามารุมเร้า จนเมื่อถึงตอนนี้เขาเคยได้นึกห่วงว่าจินจะตื่นขึ้นมาแล้วลืมทุกสิ่งทุกอย่าง ลืมทุกคน หรือลืมแค่ใครบางคน.. แต่จู่ๆคาเมะก็กลับพบกับปัญหาข้อใหม่ที่ไม่เคยได้คาดคิดมาก่อน ถ้าหากว่าความทรงจำของจินเกิดดียิ่งขึ้นกว่าเดิมล่ะ ..จินจะจำทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยได้ยินรอบตัวเมื่อตอนที่ยังนอนไม่ได้สติอยู่ไหม? จินจะได้ยินที่เขาบอกว่ารักจินไหม?

หัวใจของคนตัวเล็กเริ่มจะเต้นดังคับแน่นอยู่ภายในอก สองมือกำแน่นจนเหงื่อชุ่ม

มันน่าเศร้าเสียจริง ในตอนที่จินยังอยู่ในอาการโคม่านั้น เขารู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกที่ควรแล้วกับการได้สารภาพความในใจออกไป แต่ตอนนี้กลับไม่รู้สึกเช่นนั้นแล้วสิ จินจะเกลียดเขาเพราะเรื่องนี้ไหม? หรืออีกฝ่ายจะคิดว่าเขาเป็นคนงี่เง่า เป็นเด็กหนุ่มที่ชอบวาดฝันไปเอง แล้วยังใจง่ายตกหลุมรักชายคนแรกที่สัมผัสแตะเนื้อต้องตัว

“ฮึ? ก็น่าจะจำได้นะ” ร่างสูงส่งยิ้มมาให้ คาเมะก็อยากจะทำให้เหมือนกับว่าเขาก็รู้สึกโล่งใจให้มากกว่าที่กำลังแสร้งทำอยู่ แต่ก็ไม่อาจจะสู้สายตาอีกฝ่ายได้อีกต่อไป “ชั้นไม่เคยรู้สึกดีแบบนี้มาก่อน-“

“นายยังต้องพักอยู่นะ! นายเพิ่งจะตื่นขึ้นมาได้เพียงแค่สองชั่วโมงเอง” อุเอดะพูดเตือนหัวหน้าแก๊ง

“ก็ใช่ แต่ชั้นนอนมาตั้งนานแล้ว...นี่ชั้นนอนอยู่นานเท่าไหร่เนี่ย?” จินพูดปกป้องตัวเอง

“ก็เพียงหกวัน แต่รู้สึกเหมือนกับหกเดือนยังไงยังงั้น นายทำให้พวกชั้นเป็นห่วงมากเลยนะ แต่เรารู้ว่ายังไงๆนายก็ต้องตื่นขึ้นมาจนได้แหล่ะ” จุนโนะตอบ

“อืมม...ชั้นรู้สึกเหมือนได้พักผ่อนมาซะอย่างดีเลยล่ะ” จินพูดพลางหาวหวอดๆ

“งั้นเหรอ..” โคคิพูดออกมา คล้ายจะไม่เชื่อมากนัก

“เราต้องพาพวกนายกลับไปที่ห้องขังแล้วล่ะ” ผู้คุมนายหนึ่งพูดขัดขึ้นมาอีกครั้ง “จอห์นนี่ไม่ค่อยจะชอบนักที่พวกนายออกมาจากคุกตรงส่วนที่นักโทษอยู่”

“หมอนั่นเคยจะชอบด้วยเหรอ?” ยูอิจิบ่นพึมพำพร้อมกับเดินหน้าไปยังประตูอย่างไม่ใคร่จะเต็มใจนัก

“เราจะมาเยี่ยมนายเร็วๆนี้นะ จิน” จุนโนะพูดยิ้มๆพลางยกมือโบกลา

“เดี๋ยวก่อน ถ้าไม่ว่าอะไร..ชั้นก็อยากจะพูดอะไรตามลำพังกับเพื่อนในแก๊งชั้นก่อน” ร่างสูงพูดขัดขึ้นก่อนที่ทุกคนจะเดินออกไปจากห้อง น้ำเสียงที่หัวหน้าแก๊งพูดขึ้นมานั้นไม่ใช่น้ำเสียงในแบบร้องขอเป็นแน่

“แน่นอน งั้นเราจะพาเด็กของเล่นของนายกลับไปที่ห้องขังก่อนแล้วกัน แล้วจะมาพาพวกเพื่อนๆนายไปทีหลัง เด็กของนายจะไปรอนายที่นั่นแล้วคอยทำเตียงอุ่นๆรอรับนายกลับไปล่ะนะ” ผู้คุมนายแรกพูดล้อขึ้นมา พลางขยิบตาบอกให้คาเมะเดินตามออกไป ร่างบางเหลือบมองจินเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะผละห่างจากแรงเกาะที่จินยังใช้จับตรงแขนเสื้อ แล้วเดินตามผู้คุมออกไปต้อยๆ

“หายเร็วๆนะอคานิชิซัง จำไว้ล่ะว่ามีอะไรให้นายตั้งตารออยู่น่ะ” ผู้คุมอีกนายกล่าว พร้อมทั้งเปิดทางให้คาเมะ ส่วนมืออีกข้างก็วางอยู่หลังร่างบาง

มันไม่สำคัญหรอกว่าพวกเขาจะพูดว่าอะไร อย่างไรมันก็เป็นความจริงอยู่แล้ว คาเมะรู้ที่ของตัวเองดี เขาเป็นเด็กของเล่นของจิน ไม่ได้เป็นอะไรมากกว่านั้น ดังนั้นพวกผู้คุมสามารถจะพูดล้อพูดเหยียดอะไรยังไงก็ได้ สิ่งเดียวที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือการที่จินจะต้องหายดี อีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่และฟื้นขึ้นมาแล้ว คาเมะจะต้องทำทุกอย่างที่จะไม่ให้จินต้องตกอยู่ในอันตรายเช่นนี้อีกแล้ว เขาเป็นคนทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองต้องยุ่งเหยิงสับสนเอง เพราะเขาไม่เคยทำตัวเฉกเช่นเด็กของเล่นทั่วไป..แต่ก็ไม่เคยทำตัวเฉกเช่นคนรักเสียเลยทีเดียว เขาเป็นคนที่พาให้พวกเขาทั้งสองต้องตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่แบบนี้ ถ้าเพียงแต่เขาจะสามารถยึดติดอยู่กับบทบาทของตัวเองเสีย กฎเกณฑ์เรื่องความสัมพันธ์ของพวกเขาก็จะแบ่งแยกออกมาได้อย่างชัดเจน แล้วพวกเขาก็จะสามารถหลีกเลี่ยงจากความเจ็บปวดนั้นได้ ไหนๆจินก็ไม่ใช่พวกประเภทที่จะยึดมั่นในความสัมพันธ์กับใครๆแล้ว คาเมะจึงมีเพียงแค่สองทางเลือกให้เลือก...นั่นก็คือ เลือกที่จะเป็นเด็กของเล่นอย่างที่ควรจะเป็น หรืออีกทางเลือกก็คือไม่ควรจะอยู่ที่ห้องของจินอีกต่อไป ร่างบางรู้ดีว่าข้อสุดท้ายจากสองข้อนั้นต่างหากล่ะที่เขาควรจะเลือก

“ชั้นสาบานได้เลยว่าถ้าชั้นไม่นอนเจ็บอยู่บนเตียงแล้วล่ะก็...” จินเริ่มเรื่องอะไรสักอย่างที่ฟังดูคล้ายคำขู่

“ถึงพวกนั้นจะเป็นผู้คุมแต่ก็เป็นพรรคพวกกับเรานะ ทำใจเย็นๆเถอะไอ้บ้าเอ๊ย” โคคิพูดเตือน แต่ทั้งเขาและยูอิจิก็เห็นพร้องต้องกันว่าการจับจินนอนลงไปกับเตียงน่าจะเป็นการดีมากกว่า...อย่างน้อยก็กันไว้ก่อน จินส่งเสียงคำรามนิดๆก่อนจะเอนหลังล้มลงไปท่าเดิม

“เขาเป็นยังไงบ้าง?” ร่างสูงถาม “เขาเจ็บมากไหม?”

“ไอ้ที่นายอยากจะพูดมีแค่นี้น่ะนะ? นายจำเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้จริงๆหรือว่านายแค่บอกคาเมะจังออกไปแบบนั้นเพื่อให้เขาสบายใจ?” อุเอดะถามขึ้นมาด้วยความเคลือบแคลง

“ก็พวกนักโทษต่างก็แตกตื่นกันมาก คาเมะก็ถูกผลักเข้าไปที่ราวระเบียง แล้วชั้นก็โดดตามคาเมะไป” จินรีบพูดสรุปออกมาอย่างเร็วเพื่อที่พวกเพื่อนๆในแก๊งจะได้ตอบคำถามเขามาเสียที

“เขาไม่เป็นไรอะไรหรอก” อุเอดะพูดพลางถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง “นายก็น่าจะพักผ่อนเพื่อรวบรวมกำลังได้แล้วนะ”

“ใช่แล้ว ถ้านายไม่พักนายก็จะกลับมาเตร่กับพวกชั้นและคาเมะจังไม่ได้” โคคิกับยูอิจิยิ้มกว้างออกมาพร้อมๆกัน

“อย่าเปลี่ยนเรื่องพูด! บอกชั้นมาเดี๋ยวนี้” จินครวญครางพลางจิ๊ปากอย่างไม่พอใจ

“ก็ดูจะตกใจมากนะ กระดูกหักไม่มากนัก ถูกกระแทกนิดๆหน่อยๆ เนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยแผลแตกแล้วก็รอยช้ำเยอะแยะ แต่ไม่มีอะไรน่าห่วง นายเป็นคนรับมาหมดเลยมากกว่า” อุเอดะกล่าว เมื่อเห็นว่าจินไม่มีทีท่ายอมแพ้จนกว่าจะได้รับคำตอบที่แท้จริง

“เขาก็ดูช็อค เห็นโน้มตัวไปหานาย เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดของนายเต็มไปหมดเลย พวกเขาปล่อยให้คาเมะจังกลับไปที่ห้องขังตอนค่ำๆ ตอนนั้นนั่นแหล่ะที่เขาเริ่มหายจากอาการช็อคแล้วก็ร้องไห้โฮออกมา” จุนโนะพูดเสริม

“พอวันต่อมาเราก็เข้าใกล้เขาไม่ได้เลย แต่พอวันถัดจากนั้นมาหน่อยรุ่นพี่โคอิจิก็พาพวกเราออกจากห้องขังแล้วพาเข้าไปในห้องของนาย เราถึงได้เห็นคาเมะจังนอนอยู่ที่เตียงของนาย นอนขดม้วนตัวกลมเป็นลูกบอลอยู่ใต้ผ้าห่มเลยแหล่ะ” ยูอิจิพูดต่อ

“คืนแรกน่ะเขาไม่ได้นอนทั้งคืนเลยล่ะ ชั้นอยู่นอนฟังเสียงเขาร้องไห้อย่างหนักเลยล่ะ แต่ชั้นก็ติดต่ออะไรคาเมะจังไม่ได้เลย” โคคิพูดขึ้น

“แล้วพวกผู้คุมที่ไปตรวจยามล่ะ?” จินถาม ตามด้วยการยกมือข้างซ้ายขึ้นนวดขมับ

“นายก็เห็นนี่น่าว่าพวกเขาทำยังไงกับเขา คาเมะจังน่ะไม่ได้สำคัญอะไรกับพวกเขาเหมือนกับพวกเราหรอก สำหรับพวกเขาแล้วล่ะก็คาเมะจังก็เป็นแค่เด็กของเล่นผู้น่าสงสารที่เจ้านายยังอยู่ในอาการโคม่า แล้วก็คิดถึงเจ้านายมากเพราะอยากจะถูกเล่นด้วย พวกเขาไม่สนใจอะไรคาเมะจังมากหรอก คาเมะจังไม่ใช่คนในแก๊งเราและก็ไม่ใช่พรรคพวกของเราด้วย เขาเป็นคนที่ไม่ถูกนับอยู่รวมกลุ่มด้วยเลย” โคคิเอ่ยขึ้น

“ถ้าไม่ใช่เพราะกัคคุโตะกับยูจังแล้วล่ะก็ พวกผู้คุมคงไม่พากลับมาที่ฝั่งตะวันตกหรอก” อุเอดะพูดต่อ “ตอนที่นายอยู่ในโคม่าน่ะ พวกเขาก็ไม่ยอมให้คาเมะจังมาเยี่ยมเลยด้วย เราต้องช่วยกันโน้มน้าวว่านายเองก็ต้องการให้คาเมะจังมาอยู่ที่นี่ด้วยแน่ๆ”

“แล้วพอได้รับอนุญาตให้มา พวกเขาก็พากันพูดจาสองแง่สองง่ามใส่คาเมะจังแบบนั้น” จุนโนะพูดเสริม

“คาเมะน่ะไม่ยอมกินอะไรนะ เราเลยต้องบังคับให้กินอะไรบ้างสักอย่าง ครั้งแรกๆเลยนั้นเราทำให้เขาพูดอะไรออกมาไม่ได้เลยสักคำ คาเมะน่ะแทบจะขังตัวเองเลยทีเดียว เขาเริ่มเปิดปากพูดออกมาก็เมื่อวานนี่แหล่ะ" ยูอิจิอธิบาย “ชั้นคิดว่าที่คาเมะจังพูดออกมาก็คงเพราะความฝันในคืนนั้นล่ะ”

“ฝันเหรอ?” ร่างสูงทวนคำ ยูอิจิก็ยักไหล่นิดๆ

“ชั้นก็ไม่แน่ใจร้อยเปอร์เซนต์นักหรอกว่าได้ยินมาถูกหรือเปล่า แต่ชั้นคิดว่าเขาพูดขอความช่วยเหลืออะไรในฝันนี่แหล่ะ” ยูอิจิบอก “เขาร้องเสียงไม่ดังมากนัก ชั้นก็เลยไม่แน่ใจว่าชั้นได้ยินไปจริงๆหรือว่าแค่คิดไปเองกันแน่”

“นายแน่ใจหรือว่าคาเมะไม่ได้มีเรื่องอะไร? หรือจะเจ็บที่ตรงไหน?” จินถามขึ้นมาทันควัน ก่อนจะทิ้งมือลงข้างตัว

“คิดว่าไม่นะ” โคคิพูดแทนยูอิจิ “เราร้องเรียกชื่อออกไป แต่คาเมะจังก็ไม่ตอบ แต่พอเช้าถัดมา เขาก็ดูดีในแบบที่เราหวังเอาไว้อ่ะนะ อย่างน้อยคาเมะจังก็ไม่ได้เจ็บปวดที่ร่างกาย ซึ่งก็ทำให้เราเชื่อไปว่าเขาคงจะฝันร้ายไปนั่นเอง แล้วฝันนั้นก็คงน่ากลัวมากเสียจนทำให้คาเมะจังพูดอะไรออกมาได้”

“เขารู้สึกผิดในเรื่องที่เกิดกับนาย ชั้นเดาได้เลยว่าเขายังโทษตัวเองในเรื่องนี้อยู่” ยูอิจิพูดออกมาอีกครั้ง

ร่างสูงเอนหัวลงนอนพักบนหมอนพร้อมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง “เขาก็เป็นแบบนี้แหล่ะ คงต้องใช้เวลาทั้งชีวิตเลยล่ะมั้งถึงจะทำให้คาเมะลืมคิดเรื่องนั้นไปได้”

“โชคดีในเรื่องนั้นก็แล้วกันนะ” ทั้งสี่หนุ่มต่างก็พากันยิ้มล้อเลียน นับเป็นเรื่องดีที่จินฟื้นขึ้นมาเสียที ตอนนี้ไอ้เรื่องที่จะทำให้คาเมะจังดีขึ้นก็เป็นปัญหาของจินแล้วล่ะ เพราะไหนๆจินก็เก่งในเรื่องพวกนั้นอยู่แล้วนี่น่า

“นายรู้อาการของนายหรือเปล่านี่?” จุนโนะถาม

“หลังจากที่ชั้นฟื้นขึ้นมาหมอก็มาดูอาการชั้นไปแล้วล่ะ ชั้นก็พยายามถามถึงคาเมะแต่หมอก็ส่งสายตาบอกชั้นเหมือนกับว่าเรื่องนั้นมันเป็นเรื่องระหว่างหมอกับคนไข้ เราต้องการพวกหมอมาอยู่ข้างเราแล้วล่ะ หรือไม่งั้นก็หาหมอใหม่ซะเลย ..ถ้าเรายังพอมีอำนาจที่จะทำแบบนั้นได้อยู่อีก...” จินบ่นพึมพำ จากนั้นชายหนุ่มจึงหลับตานิ่งแล้วหยุดพูดไปสักพัก ก่อนจะถามออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนล้าว่า “นี่พวกนาย? แหวนชั้นอยู่ไหนล่ะ? แหวนวงที่ชั้นชอบใส่ตรงนิ้วก้อยข้างขวาอันนั้นไง? พอตื่นขึ้นมาชั้นก็ไม่เห็นมันแล้ว พวกนายช่วยไปหาให้หน่อยได้ไหม? ชั้นทำหล่นหายตอนที่ตกลงมาหรือเปล่า?”

อุเอดะอมยิ้มก่อนจะใช้มือเอื้อมเข้าไปหยิบจิวเวอร์รี่ที่อีกฝ่ายถามหา เขารู้ว่าอย่างไรเสียจินก็ต้องการมันคืนอย่างแน่นอน

“อยู่นี่ไง ชั้นเอามาให้นายด้วย นายเอาห้อยไว้กับสร้อยคอยังไงล่ะแล้วรุ่นพี่โคอิจิก็เอามาให้พวกเราเพื่อที่เราจะได้เก็บเอาไว้ให้นาย” อุเอดะเอ่ยขึ้นพลางก้าวเข้าไปใกล้ๆจิน “นายเก็บไว้กับตัวตลอดเวลาเลยเหรอ?”

จินไม่ตอบอะไรออกมา อุเอดะหยุดอยู่ชั่วคราวเพื่อจะมองไปยังเปลือกตาที่ปิดสนิทของอีกฝ่าย เสียงลมหายใจผะแผ่วของหัวหน้าแก๊งเริ่มดังเข้าออกเป็นจังหวะ

“นี่ไงจิน มันคงจะช่วยทำให้นายหายเร็วขึ้นนะ...” ชายหนุ่มหน้าสวยผมสีดำสนิทกระซิบบอก พลางสอดชิ้นเครื่องประดับสองชิ้นวางลงบนมือของร่างสูง ตามด้วยการใช้นิ้วเรียวปิดทับ

จากนั้นสมาชิกในแก๊งจึงทยอยพากันออกจากห้องขังไปอย่างเงียบเชียบที่สุดเท่าที่จะทำได้

::o::o::o::o::

“ชั้นไม่อยากจะเชื่อจินเลยว่ะ หลังจากที่อยู่ในโคม่ามาตั้งอาทิตย์ พอฟื้นมาคำแรกที่ออกจากปากก็คือ ‘คาเมะอยู่ที่ไหน?’” โคคิพูดพลางกลั้วหัวเราะเมื่อพวกเขากำลังเดินมุ่งหน้าเข้าสู่ห้องขังของจินและคาเมะ ความตึงเครียดทั้งหลายแหล่ที่เคยเผชิญมาดูเหมือนจะหายลับไปอย่างสิ้นเชิง

“นายก็ลองมาเป็นจินดูสิ หมอนั่นไม่รู้นี่น่าว่าคาเมะยังมีชีวิตอยู่หรือว่าตายไปแล้ว แล้วยังต้องตื่นมาคนเดียวในห้องพยาบาลนี่อีก” ยูอิจิเอ่ย “เป็นชั้น ชั้นก็คงจะกลัวด้วย”

“ใช่แล้ว แต่นี่จินเพิ่งจะหล่นมาจากชั้นสองนะ” โคคิแจกแจง

“นายก็รู้จักจินดีนี่น่า ถึงหมอนั่นชอบที่จะร้องโอดครวญกับไอ้รอยแผลเป็นที่ได้มาจากการชกต่อยกับยามะพี แต่ถ้าพูดถึงการต่อสู้ที่แท้จริงแล้วล่ะก็ ความเจ็บปวดแบบไหนก็ไม่สามารถทำให้จินยอมแพ้กลางทางได้หรอก จินดื้อด้านจะตายไป ถ้าตัวเองไม่เป็นอะไรไปก่อนก็คงไม่ยอมหยุดแน่ๆ” อุเอดะพูดออกความเห็น “งั้นก็ลองคิดถึงความยากลำบากต่างๆที่จินยอมทำเพื่อช่วยคาเมะจังดูสิ”

“มันก็จริง..” จุนโนะเห็นด้วยกับอุเอดะ

“ใช่...ชั้นอาจจะไม่เคยพูดแบบนี้ต่อหน้าหมอนั่นหรอกนะ ถ้าทำลืมตอนที่หมอนั่นชอบทำจุกจิกจู้จี้กับความเป็นไอ้บ้านั่นไปแล้วล่ะก็ จินก็นับได้ว่าเป็นหัวหน้าที่เยี่ยมมากคนหนึ่งเลยล่ะ” โคคิยอมรับออกมาเมื่อพวกเขาได้เดินเข้ามาในห้องขังที่อยู่ลึกของทางฝั่งตะวันตก แล้วพบคาเมะกำลังนั่งอยู่บนเตียงล่าง “หมอนั่นชอบนายมากนะ นายรู้ไหม” โคคิพูดเสริม ส่งสายตามองไปที่คนตัวเล็ก คาเมะก็แหงนหน้ามองเมื่อได้ยินเหมือนเสียงใครสักคนพูดขึ้น สีหน้าของคาเมะฉายแวบไปด้วยความงุนงงสับสนเมื่อได้ส่งสายตามองกลับไปยังสี่หนุ่ม อาจเพราะนึกอยากจะรู้ว่าทำไมทั้งสี่หนุ่มถึงได้ยืนมองเขาอยู่อย่างนั้น

“อย่าพยายามมาห้ามชั้นนะ ไม่งั้นชั้นจะหักขานายซะเลย!”

เด็กหนุ่มทุกคนในห้องขังต่างก็พากันเงียบแล้วเงี่ยหูฟัง อาจเพราะหลังๆนี้พวกเขาพากันเป็นห่วงจินมากเกินไปก็เลยคิดว่าเริ่มที่จะได้ยินเสียงจินอยู่ทุกหนทุกแห่ง

“โอ๊ย ความคิดพิสดารพันล้านของใครล่ะว่ะเนี่ยที่ค้านว่าพวกเราน่าจะเอาห้องขังที่อยู่สุดทางเดินของฝั่งซะ~” เสียงดังแว่วมาอีกครั้ง ตอนนี้พวกเขาก็เริ่มมั่นใจแล้วล่ะว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของใคร ไม่มีใครที่จะชอบร่ำร้องโอดครวญแบบนั้นแน่ ทั้งห้าหนุ่มต่างก็พากันวิ่งรุดไปยังประตูห้องที่เปิดอ้าเพื่อจะได้เห็นร่างสูงกำลังเดินกระโผลกกระเผลกเข้ามาหา โดยมีรุ่นพี่โคอิจิช่วยพยุงมาอย่างทุลักทุเล

นอกจากนั้นก็ยังมีผู้คุมอีกไม่กี่นาย คุณหมอและพยาบาลที่กำลังวิ่งตามมากันจ้าละหวั่น แต่จริงๆแล้วพยาบาลคนนั้นก็คือคุณหมออีกคนนั่นเอง .. สองคุณหมอต่างก็พากันพูดสั่งสอนว่าการที่เดินเคลื่อนไหวไปมาอย่างนี้อาจจะทำให้บาดแผลที่กำลังรักษาตัวอยู่เปิดออกมาได้ สองคุณหมอก็พยายามที่จะให้จินหยุดเดินแล้วหมุนหลังเดินตามพวกเขากลับไปที่ห้องพยาบาลเสีย แต่ร่างสูงก็ไม่ยอมฟัง

“จิน! นายคิดว่านายกำลังทำอะไรอยู่ฮึ?” โคคิคือคนแรกที่ถามออกมา “นายน่าจะนอนอยู่ที่เตียง แล้วก็พักผ่อนซะ!”

“ชั้นไม่อยากจะเชื่อนายเลย นายเพิ่งจะหลับไปนี่น่า!” ยูอิจิเอ่ยขึ้น น้ำเสียงเหมือนไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้เห็น

“ใช่ แต่ตอนนี้ชั้นก็ตื่นอีกครั้งแล้วนี่” จินตอบ ยังคงเดินกระโผลกกระเผลกเข้ามา

“ไอ้บ้าเอ๊ย ทำไมนายไม่ยอมทำตามที่ใครๆเขาบอก แล้วก็ปล่อยให้คนอื่นเขาดูแลนายบ้าง?” อุเอดะพูดเหมือนใกล้จะระเบิดอารมณ์โกรธใส่จินเข้าทุกที หัวหน้าแก๊งได้เดินเข้ามาถึงประตูห้องที่เปิดอ้าแล้วใช้มือจับหมับเข้าที่ซี่ลูกกรงทำให้เกิดเสียงดังจากการเสียดสีของแหวนที่จินสวมใส่อยู่ที่นิ้วกระทบกับแท่งโลหะ

“ชั้นไม่ชอบห้องพยาบาล” จินพึมพำตอบ ก่อนจะหยุดอยู่สักครู่เมื่อได้จ้องมองไปยังคาเมะ เมื่อชายหนุ่มเดินลึกเข้าไปในห้อง ร่างบางก็ไม่ได้เอ่ยคำใดออกมา แต่สีหน้าท่าทางของคนตัวเล็กก็พูดออกมาเพียงพอแล้ว คาเมะคล้ายจะเป็นลมได้ทุกขณะ อาจเพราะไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้เห็นนั่นเอง

“โดยเฉพาะไอ้ห้องพยาบาลที่ตั้งอยู่ในคุกนี้แล้วด้วย ชั้นจะย้ายกลับมาที่ห้องของชั้น” จินพูดเสริม โคคิกับยูอิจิก็เข้าไปช่วยรุ่นพี่โคอิจิพยุงร่างสูงไปยังเตียงของคาเมะ

“ยังดีนะที่ว่าชั้นเผอิญไปเยี่ยมดูอาการของอคานิชิสักหน่อย แต่ชั้นไม่ได้ยินเสียงเขาตื่นนอนเลยสักนิดเลยนะ” โคอิจิอธิบายให้โคคิและยูอิจิฟังเมื่อพวกเขาได้พากันช่วยหัวหน้าแก๊งลงนั่งบนเตียง จินเหยียดเนื้อเหยียดตัวลงนั่งพร้อมทั้งเปล่งเสียงครางออกมา เนื้อตัวของเขาเจ็บปวดไปหมดทุกส่วน ร่างกายเนื้อตัวมนุษย์เป็นอะไรที่เขาเองก็ไม่เคยคิดจะสนใจศึกษามาก่อนเมื่อตอนอยู่โรงเรียน จะสนใจศึกษาเรื่องนี้ก็ตอนอยู่บนเตียงเท่านั้นแหล่ะ.... บางทีการที่ลุกขึ้นแล้วเดินออกมาแบบนี้อาจจะไม่ใช่ความคิดที่ดีเสียเท่าไหร่

“ชั้นเจอเขาพยายามเดินลุกออกมาจากเตียงได้สักครึ่งทางในห้องแล้วล่ะ ” โคอิจิพูดต่อ “ชั้นพยายามที่จะให้อคานิชิหันกลับ แต่เขาก็ไม่ยอม ชั้นก็เลยคิดว่าทางที่ดีที่สุดก็คือปล่อยให้เขาทำตามใจตัวเองแล้วช่วยพากลับมาที่นี่ดีกว่า”

“นั่นอาจจะเป็นทางแก้ที่ดีที่สุดก็ได้” ยูอิจิตอบ “ถ้าหมอนี่ดื้อขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ไม่ยอมเปลี่ยนใจแน่”

“หมอนี่ที่นายกำลังนินทายังนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้น่ะโว้ย” จินพึมพำออกมา

เมื่อเห็นว่าจินหาท่วงท่าที่สะดวกสบายได้แล้ว คาเมะก็ตื่นจากอาการช็อคอย่างทันทีทันใด ร่างบางรีบสอดตัวเข้าไปแทรกระหว่างทั้งสามหนุ่มเพื่อจะหยิบฉวยหมอนและผ้าห่มจากเตียงบน แล้วจึงย่อเข่าลงข้างๆร่างสูง

“เอ้านี่ บางทีมันอาจจะทำให้นายรู้สึกสบายตัวขึ้นมาบ้าง...” ร่างบางเอ่ยเมื่อได้ยื่นของนุ่มๆให้อีกฝ่าย อุเอดะและจุนโนะก็รีบเข้ามาช่วยห่มผ้าแล้วใช้หมอนรองร่างของจิน

“ไม่มีไรแล้วนะ เดี๋ยวพวกชั้นจะรับช่วงต่อเอง” โคคิอธิบายให้สองคุณหมอหนุ่มที่ออกอาการห่วงอย่างเห็นได้ชัด ..ทั้งเป็นการบอกบรรดาผู้คุมที่ยืนออกันอยู่นอกห้องขังอีกด้วย “ให้เอายาแก้ปวดให้กินเยอะๆ แล้วจะดีขึ้นเอง”

“ตอนชั้นตื่นมาก็กินไปตั้งเยอะแล้ว!” เสียงของร่างสูงดังขัดขึ้นมาจากเตียงของคาเมะ

“เขาต้องอยู่ในห้องพยาบาล เขาจะอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอก!” คุณหมอนากายันพูดค้าน

“เอ่อ..ก็ใช่..แต่ถ้าอคานิชิตัดสินเรื่องอะไรไปแล้วเราก็คงทำอะไรมากไม่ได้น่ะสิ!” ยูอิจิตอบพร้อมสีหน้าที่ดูท้อแท้สิ้นหวังอยู่นิดๆ

“มะ มันจะไม่ดีกว่าเหรอที่เราจะไม่ต้องเคลื่อนย้ายตัวจินอีกน่ะ? ยิ่งขยับบาดแผลอาจจะเปิดได้อีก นี่พูดถึงในกรณีที่แผลมันยังไม่เปิดไปแล้วนะ” อุเอดะรีบพูดเสริมเพื่อช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น

“บอกพวกเขาซะว่าพวกเขาสามารถที่จะเข้ามาตรวจดูอาการชั้นในนี้แทน!” ร่างสูงร้องบอกออกมาจากเตียงอีกครั้ง

“ชั้นจะจัดการเอง” โคอิจิพูดขึ้น ก่อนจะเดินนำเพื่อนร่วมงานทุกคนออกไป

continue here ยังไม่จบคะ อ่านต่อตรงนี้คะ
Previous post Next post
Up