“เอาล่ะ ตอนนี้ให้เลิกพูดแบบนั้นแล้วก็กินข้าวปั้นซะนะ” จุนโนะพูดให้กำลังใจ พลางจัดการยื่นข้าวปั้นให้เพิ่ม “จินก็คงอยากให้นายดูแลตัวเองด้วย นายคิดว่าจินจะรู้สึกยังไงล่ะถ้าฟื้นขึ้นมาแล้วเห็นนายผอมกระหร่องและอยู่ในสภาพแบบนี้ด้วย? เอาน่า อย่าให้จินต้องเป็นห่วงนายมากไปกว่านี้เลย นายเริ่มทำตัวเหมือนที่จินอยากจะให้นายทำได้แล้ว”
คาเมะค่อยๆรับข้าวปั้นแล้วเอาเข้าปากไปอย่างช้าๆ มันก็รู้สึกแปลกๆอยู่เหมือนกันที่บางครั้งข้าวปั้นอันเดียวกันจะมีรสชาติที่เหมือนอาหารทิพย์จากสวรรค์ แต่ในบางครั้งเขาก็ไม่อยากจะฝืนกินเข้าไปในปากเลยแม้แต่คำเดียว มันแล้วแต่อารมณ์จริงๆ
“คาเมะจัง เราโล่งอกมากนะที่นายพูดออกมาสักที นายทำให้พวกเราเป็นห่วงมากจริงๆ เรื่องที่เกิดกับจินมันก็เกินพอที่เราจะทนได้แล้ว เราพยายามที่จะทำให้นายพูดอะไรออกมาบ้างอยู่ตั้งหลายวันแน่ะ” โคคิพูดพลางลูบเบาๆที่หัวของร่างบาง ก่อนจะหันไปหายูอิจิ “ชั้นว่านายพูดถูก ..เกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืนนี้น่ะ..”
ยูอิจิยิ้มให้เพื่อนร่วมห้อง ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้คาเมะ “อย่าขังตัวเองไว้แบบนี้อีกนะ คาเมะจัง” ยูอิจิพูดขึ้น คาเมะก็พยักหน้ารับนิดๆ สี่หนุ่มสหายที่อยู่รายล้อมเขาในตอนนี้ก็เริ่มจะเอร็ดอร่อยไปกับข้าวปั้น แถมพากันฉีกยิ้มอยู่เต็มหน้า
“ชั้นไม่เข้าใจว่าทำไมพวกนายถึงทำใจให้สงบได้” เมื่อร่างบางพูดจบ ทุกสายตาก็หันมามองที่คนตัวเล็กอีกครั้ง “พวกนายรู้ได้ยังไงว่าจินจะฟื้นขึ้นมา? รู้ได้ยังไงว่าจินจะไม่เป็นอะไร? จินจะต้องผ่าตัดไหม? เรื่องนี้มันดูร้ายแรงยิ่งกว่าพวกรอยช้ำ หรือแผลต่างๆที่จินเคยได้รับตอนไปชกต่อยกับพวกเพื่อนๆมานี่น่า”
“คาเมะจัง ถ้าเราละทิ้งความหวังและความเชื่อที่ว่าจินจะฟื้นขึ้นมาแล้วล่ะก็ เราก็คงจะพากันเป็นบ้าไปแล้ว” จุนโนะแจกแจง “เราคงทำอะไรกับอาการของจินตอนนี้ไม่ได้หรอก ที่จะทำได้ตอนนี้ก็คือการเชื่อมั่นในตัวจินเท่านั้น”
“พวกหมอบอกว่าอาการของจินไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตหรอกนะ” อุเอดะพูดต่อจากจุนโนะ “จินเคยผ่านเรื่องราวต่างๆมามากมายในอดีตอย่างที่นายไม่เคยได้รู้มาก่อน แต่พวกเราอยู่เคียงข้างหมอนั่นมาตลอด เราเคยได้เห็นจินผ่านมันมาได้หลายต่อหลายครั้งแล้ว ฟังนะ เรารู้ว่านายห่วงจินมาก แต่ได้โปรดอย่าคิดแบบนั้นอีกเลย เราทุกคนก็กลัวเหมือนๆกับนายนั่นแหล่ะ”
“นายคิดว่า...” คาเมะเริ่มเรื่อง “นายคิดว่าถ้าจินฟื้นขึ้นมา เขาจะยังเป็นเหมือนเดิมไหม? จินล้มลงไปหัวกระแทกพื้น ...ชั้นจำได้ว่าเลือดจินไหลมาก...มันจะอันตรายมากจนทำให้จินสูญเสียความทรงจำไหม? พวกนายคิดว่าเขาจะ..จำชั้นได้ไหม?”
“ไม่มีทางที่จินจะลืมนายได้หรอก อย่าห่วงไปเลย ถ้าไอ้บ้านั่นความจำเสื่อมขึ้นมาจริงๆแล้วล่ะก็ หมอนั่นก็คงจะลืมชั้น พวกนิวส์ แล้วก็พวกรุ่นพี่ไปเป็นอันดับแรกเลยล่ะ” โคคิพูดพร้อมกับขยิบตาให้อย่างทีเล่นทีจริง “แต่เขาไม่มีวันที่จะลืมนายแน่”
“จุนโนะก็เคยผ่าตัดมาด้วยครั้งหนึ่ง ก็หลังจากที่หมอนั่นไปเล่นกายกรรมอะไรนั่นน่ะกับอุเอดะแล้วก็พวกนิวส์ตอนที่อยู่ในทางลับนั่นไง” ยูอิจิกล่าว
“จริงเหรอ? ชั้นคิดว่าทางูจิซังกลับมาที่คุกพร้อมกับอุเอดะซะอีก” ร่างบางพูดขึ้น ข่าวใหม่ที่ได้ยินทำให้รู้สึกเบาใจอยู่เช่นกัน
“ก็กลับมาอ่ะนะ แต่จุนโนะก็กระโผลกกระเผลกมากเลยล่ะ ทำเหมือนกับว่าอุเอดะเป็นคนทำให้เป็นแบบนั้นซะอีก...” โคคิอธิบาย “..แต่ก็จริงๆแล้วพวกนิวส์ต่างหากที่ทำ ไม่ใช่อุเอดะสักหน่อย”
“อุเอดะเป็นห่วงจุนโนะมากเลยล่ะ แต่หมอนี่ก็คอยแต่จะบอกว่าไม่เป็นไร เราก็เลยลากตัวจุนโนะไปหาหมอซะ แล้วพวกเขาก็ส่งเข้าห้องเพื่อผ่าตัดที่เข่าทันทีทันใดเลยล่ะ กว่าจะฟื้นตัวได้ก็เกือบเดือน แต่ก็อยู่ที่นั่นแค่สัปดาห์เดียวก่อนที่จอห์นนี่จะเตะหมอนี่กลับเข้ามาในคุกเหมือนเดิม” ยูอิจิอธิบาย แต่แล้วจู่ๆก็มีผู้คุมอีกนายโผล่หัวเข้ามาในห้องขังเป็นการรบกวนบทสนทนา
“อ่ะ พวกนายอยู่นี่กันเอง พวกนายจะได้ไปเยี่ยมอคานิชิซังอีกแล้วนะ” ผู้คุมหนุ่มพูดเสนอ
“ตกลง แต่เขาต้องไปด้วย” โคคิพูดขึ้นมาอย่างทันทีทันใดเมื่อได้ลุกขึ้นยืนและชี้ไปที่คาเมะ “คาเมะจังฟื้นตัวได้ดีแล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่ว่าทำไมเขาถึงไม่ได้รับอนุญาตให้ไปด้วย”
“หมอนี่เหรอ? ทำไมนายถึงอยากเอาเด็กของเล่นไปด้วยล่ะ?” ผู้คุมถามขึ้น สี่สหายก็แทบจะวางเงินพนันได้ทันทีว่าโคอิจิคงจะไม่รู้เรื่องที่ว่าพวกเขาได้รับอนุญาตให้ไปเยี่ยมจินอีกครั้งอย่างแน่นอน เพราะถ้ารุ่นพี่รู้แล้วก็คงจะเน้นมาเป็นนักเป็นหนาว่าคาเมะจังควรจะได้ไปด้วย
โคคิพยายามข่มกลั้นแรงกระตุ้นที่อยากจะถอนหายใจออกมาเสีย “อคานิชิจะต้องอยากให้คาเมะไปที่นั่นด้วยแน่ๆ ...แล้วก็ไม่ใช่ให้ไปเพราะเหตุผลที่นายคิดแน่”
“ชั้นก็ไม่รู้สิ”
“นายจะได้รู้แน่ถ้าอคานิชิฟื้นขึ้นมาแล้วรู้ว่าคาเมะจังไม่ได้รับอนุญาตให้ไปเยี่ยมเลยสักครั้ง” โคคิพูดขู่อีกฝ่าย ผู้คุมเองก็เริ่มจะเห็นลางร้ายอยู่ลางๆ
“เอาล่ะ งั้นก็ไปกันหมดนี่แหล่ะ”
ทั้งสี่หนุ่มต่างก็ลุกขึ้นยืน แต่คาเมะก็ยังคงนั่งนิ่ง
“ชั้นไม่คิดว่า..ชั้นควรจะไป” ร่างบางพึมพำเสียงเบา ...เขาไม่คิดว่าเขาจะกล้าสู้หน้าจินได้อีก เพราะรู้ก็ทั้งรู้ว่าตัวเขานั่นแหล่ะที่เป็นคนทำให้จินต้องไปนอนเจ็บอยู่ที่นั่น นี่ยังไม่รวมถึงความจริงข้อที่ว่าตัวจินเองก็ไม่รับรู้ด้วยซ้ำว่าเขาได้ไปเยี่ยมอีกฝ่ายที่นั่น
อุเอดะและจุนโนะต่างก็ลอบมองสบตากันอยู่แวบหนึ่ง ก่อนที่จะดึงร่างบางให้ลุกยืนบนสองเท้า “ไปด้วยกันเถอะนะคาเมะจัง จินจะต้องหายดีแน่ๆถ้านายไปเยี่ยมเขาด้วยน่ะ”
คนตัวเล็กปล่อยตัวให้ถูกลากออกไปจากเรือนจำในฝั่งที่พวกนักโทษอยู่อย่างไม่ใคร่จะเต็มในนัก ร่างบางถูกพาลงไปตามทางเดินที่รู้สึกไม่คุ้นเลยแม้แต่น้อย เขาไม่เคยได้เข้ามาในคุกตรงส่วนนี้มาก่อน ...นอกจากจะเคยมาที่ห้องพยาบาลอยู่สักครั้งสองครั้งได้
ผู้คุมหยุดเดินเพื่อเปิดประตูให้พวกเขาได้เข้าไปข้างใน ประตูห้องได้เปิดออกกว้างเพื่อเผยให้เห็นเตียงขนาดเล็กที่อยู่กลางห้อง ร่างบางทำตัวยืนอยู่ห่างๆ แล้วคอยรอให้พวกในแก๊งได้เดินเข้าไปในห้องก่อนเขา ทั้งสี่หนุ่มต่างก็รีบพากันไปรวมตัวกันอยู่รอบเตียงอย่างรวดเร็ว
เมื่อได้เห็นจินเป็นแบบนี้แล้วยิ่งทำให้คนตัวเล็กรู้สึกแย่มาก ทั้งพวกเครื่องไม้เครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์ต่างๆที่สอดใส่เข้าไปร่างของจิน มีมอนิเตอร์ที่คอยตรวจวัดระบบการเต้นของหัวใจ แล้วยังจะอุปกรณ์บางอย่างที่เป็นเหมือนเป็นอาหารเลี้ยงร่างกายของจิน
“โย่ อคานิชิ” โคคิพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสนุกสนาน “วันนี้นายเป็นยังไงบ้างล่ะ?”
“เรามาอยู่ที่นี่กันทุกคนแล้วนะจิน” จุนโนะพูดร่วมไปกับบทสนทนา “มันเลยเที่ยงมาแล้วเนี่ย ได้เวลาตื่นแล้ว....”
“ได้โปรดอย่าพยายามพูดโจ๊กอะไรเล่นในนี้เลยนะ” โคคิพูดต่อล้อต่อเถียงกับหนุ่มร่างโย่งที่รอยยิ้มดูจะจางหายไปสักพัก
“นี่ อคานิชิ เปิดตามาดูหน่อยเร็วว่าเราพาใครมาด้วย” ยูอิจิพึมพำบอก ก่อนจะเคลื่อนตัวไปหาคาเมะที่แอบอยู่ด้านหลังของพวกแก๊ง พวกเขาหลีกทางให้ร่างบางได้เข้ามาใกล้ๆ คาเมะจึงค่อยๆก้าวเดินเข้าไปใกล้ที่เตียงอย่างลังเล
“คาเมะจังอยู่นี่แล้ว” อุเอดะพูดขึ้นเมื่อคนตัวเล็กได้มาหยุดยืนอยู่ข้างเตียง โดยที่คนในแก๊งต่างก็พากันเว้นที่ว่างไว้ให้ “คาเมะจังพูดอะไรบ้างสิ”
“เอ่อ หวัดดี?” ร่างบางเปล่งเสียงออกมา แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ตอบอะไร
“เห็นไหมล่ะจิน? คาเมะจังดูดีขึ้นแล้วนะ อย่ายอมเสียคาเมะจังไปอีกล่ะ” จุนโนะพูดพลางตบที่ไหล่บางและไหล่กว้างของจินไปด้วย
“ถ้ายังงั้น พวกชั้นจะทิ้งให้นายอยู่กันตามลำพังนะ” อุเอดะกล่าว ก่อนจะส่งสัญญาณบอกให้อีกสามหนุ่มที่เหลือออกจากห้องไปพร้อมๆกัน
“ไม่มีอะไรนะคาเมะจัง แค่พูดกับจินก็พอ” ยูอิจิพูดเสริมพร้อมกับปิดประตูตามหลัง ร่างบางเลี่ยงสายตาออกมาจากบานประตูที่ปิดสนิทเพื่อมองมายังคนที่นอนอยู่บนเตียง
ภายในห้องนั้นยังคงเงียบสงัดอยู่อย่างยาวนาน ระหว่างนั้นเองคาเมะก็ไม่อาจจะถอนสายตาออกจากเปลือกตาที่ปิดแนบสนิท ...หน้าอกกว้างที่ขึ้นลงตามจังหวะของลมหายใจ และมือของจินที่ติดกับสายน้ำเกลือได้เลย
“จิน?”
คาเมะค่อยๆโน้มตัวเข้าหาอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง
“จิน?” ร่างบางร้องเรียกเสียงเบา ก่อนจะค่อยๆวางมือประกบกับมือของอีกฝ่าย แล้วจึงคอยมองสำรวจใบหน้าของจิน “ได้ยินชั้นพูดไหม? ชั้นเคยอ่านเจอมาน่ะว่าคนที่อยู่ในโคม่าบางครั้งก็จะสามารถได้ยินสิ่งที่พูดกันอยู่ในห้องได้ ... จิน ถ้านายได้ยินชั้นนะ ชั้นอยากจะบอกว่าชั้นขอโทษ ได้โปรดฟื้นขึ้นมาเถอะ”
เรียวตารีเล็กจ้องมองยังดวงตาที่ยังปิดสนิทอยู่ใต้ร่างของเขา
“นะ นายเจ็บมากไหม? นายฝันร้ายบ้างหรือเปล่า?” ร่างบางกระซิบถามอยู่ใกล้ใบหูของจิน ยังเฝ้ามองสังเกตถึงสัญญาณต่างๆที่จะบอกว่าอีกฝ่ายได้ยินที่เขาบอกไป แต่ก็ไม่พบสิ่งใดเลย หยาดหยดน้ำตาได้หลั่งรินอาบแก้มบาง “มันเป็นความผิดของชั้นเอง มันเป็นความผิดของชั้นที่ทำให้นายต้องเจ็บตัว ได้โปรดกลับมาลงโทษชั้นทีเถอะนะ กลับมาลงโทษชั้นซะที”
ก่อนหน้านี้จินเคยสนุกสนานกับบทลงโทษของพวกเขามาก่อน แล้วในครั้งนี้คาเมะจะยอมรับบทลงโทษทุกอย่าง ถ้าเพียงแต่จินจะตื่นขึ้นมาแล้วลงโทษเขาเองกับมือ
“ทำไมนายถึงทำอะไรที่สะเพร่าแบบนี้? ทั้งโง่ด้วย?” คนตัวเล็กสะอื้นไห้ “นาย..นายมันโง่!”
นี่คงจะเป็นครั้งแรกที่ร่างบางจะพูดแบบนี้ออกมาต่อหน้าจิน ..คาเมะเองก็หวังว่าเขาจะกล้าหาญมากพอที่จะพูดอย่างนี้กับจินในตอนที่อีกฝ่ายต้องมาคอยดูแลระวังภัยให้เขา
“นายทำอย่างนั้นได้ไง นายมันบ้า..” ร่างบางพูดออกมาอีกครั้ง มือเรียวเล็กคอยปาดหยดน้ำตาที่รินไหลมาเปียกหน้าของจินออกอย่างนุ่มนวล “ในครั้งนี้ชั้นจะทำทุกอย่างที่จะไม่ให้นายต้องมาอยู่ในสภาพนี้อีกแล้ว ชั้นจะเป็นฝ่ายอยู่ให้ห่างจากนายเอง ชั้นจะปล่อยให้นายเอาใครๆเข้ามาอยู่ในห้องกับนายก็ได้ แล้วครั้งนี้ชั้นจะไม่เข้ามาถามคำถามหรืออยากจะกลับไปที่ห้องนั้นอีกแล้ว ชั้นจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับนายอีก ถ้าชั้นทำแบบนี้แล้วนายก็จะได้ไม่ต้องเจ็บตัวเพราะชั้น นายจะได้ไม่ต้องคอยตามมาช่วยชั้นอีก”
เหมือนอย่างที่คาดเอาไว้ ..จินไม่ได้ตอบอะไรออกมาเลยสักอย่าง คาเมะโน้มตัวลงไปประทับจูบที่เปลือกตาของจิน “ชั้นรักนายมาก ชั้นจะยอมเสียทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อที่จะได้อยู่กับนายอีกครั้ง....ไม่ว่าสิ่งนั้นจะสำคัญมากมายขนาดไหนก็ตาม...ชั้นจะยอมทุกอย่าง ขอไว้ก็แต่ชีวิตนายเท่านั้น...”
คาเมะลุกขึ้นยืนตัวตรง พร้อมกับใช้หลังมือเช็ดน้ำตาป้อยๆ เพราะเขาเองก็ไม่อยากจะให้พวกแก๊งได้เห็นรอยน้ำตา ร่างบางส่งสายตามองจินอีกเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะออกจากห้องแล้วปล่อยให้สี่หนุ่มที่เหลือพาตัวเขากลับไปที่ฝั่งตะวันตก
==**==**==**==
ลำแสงสีม่วงได้สาดส่องเข้ามาอีกคราแล้วสิ แต่มันไม่เหมือนลำแสงที่เคยส่องแสงเข้ามาในห้องของเขาเลยนี่น่า เขาอยู่ที่ไหนกันล่ะนี่? สำแสงสีม่วงในห้องของเขามันให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไปจากที่นี่เพราะมันส่องแสงเข้ามาจากอีกทิศทางหนึ่งนั่นเอง เขารู้ได้ทันทีว่าดวงอาทิตย์คงใกล้จะโผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นในเร็วๆนี้แล้ว จากนั้นก็คงจะได้ส่องลำแสงอุ่นๆตรงเข้ามาในห้องที่เขานอนอยู่
จินเปล่งเสียงครางนิดๆออกมา เขารู้สึกแย่มากจริงๆ เมื่อคืนนี้เขาดื่มอะไรเข้าไปกันเนี่ย? ร่างสูงค่อยเปิดตาออกมาอย่างช้าๆเพื่อจะเจอแต่ความขาวโพลน นี่เขาอยู่ที่ไหนกัน?
“อ๊า ตุ๊ตี้~” เสียงครางแว่วมาจากที่ไหนสักแห่งที่ดูจะไม่ไกลมากนัก
......ตุ๊ตี้?
::*::*::*::*::*::*::
Continue chapter 35
The songs used:เพลงที่เอามาใช้ยำในบทนี้
Tanaka Koki - Make U Wet
Akanishi Jin - Ha-Ha
Akanishi Jin - Pinky
Yamashita Tomohisa - Let Me
thank you everybody for your comments ^^
จินฟื้นนนนนนนนนนแล้วคะ T^T
ตอนนี้เหมือนมีคนเดาๆว่าจะความจำเสื่อม ฮ่าๆ
จำได้ตอนแปะๆตอนแรกๆๆ เมื่อปีก่อนๆ มีคนอ่านมาบอกว่าเพื่อนบอกว่าจินจะความจำเสื่อม
ตอนนั้นก็อยากบอกนะคะแต่กลัวสปอยส์เลยไม่ดีก่า
นั่นก็คือฝันน่ะเอง ทำไมถึงยาว ทำไมถึงมี อันนี้เดาว่าเพราะตอนที่คนเขียนลงตอนก่อนหน้านี้ มีหลายยคนมากที่บอร์ดอิ๊ง ค้านไม่ให้จินความจำเสื่อมคนเขียนเลย แกล้งซะเลย อิอิ
ต่อจากนี้ก็คงจะไม่เครียดมากแล้วนะคะ ยังไงถ้ายังตามอ่านอยู่ ก็คอมเม้นส์ด้วยนะจ้า
ช่วงนี้เข้าไทยมิสได้ช้ามากกกกกกกกกกกกกก เลยขอให้รียาลงแทนนะค้า
แต๊งรียามากกกกกกกกจ้า จุ๊บๆๆ