เคย์ตะลังเลใจอยู่พักใหญ่
..ชั้นว่าเขาไม่ได้มาจีบชั้น...และชั้นก็ไม่ได้รู้สึกประทับใจอะไรกับเรื่องนี้เลย
เขาจะบอกเรื่องแบบนี้กับอคานิชิโดยที่อีกฝ่ายจะไม่ระแคะระคายเรื่องทั้งหมดได้อย่างไร ยังมีบางส่วนของเรื่องที่ชายหนุ่มผู้น่าเกรงขามและเป็นผู้ที่นักโทษคนอื่นๆเกรงกลัวมากที่สุดไม่ควรจะได้ยินจากปากของเขา แล้วยิ่งไม่ควรจะได้ยินเมื่อต้องอยู่ตามลำพังกับเขา ทาจิบานะ เคย์ตะ
“เอ่อ ก็ เขาก็ค่อนข้างจะสับสนหน่อย” เคย์ตะเริ่มเรื่อง “เขาไม่รู้เรื่องกฎที่ท่านตั้งขึ้นมานั่นมากเท่าไหร่ ท่านอคานิชิ ดูเหมือนว่าเขาเหมือนจะไม่ยอมรับกับสถานการณ์ที่ต้องมาติดอยู่ในนี้มากนัก”
รอยยิ้มนิดๆผุดขึ้นบนเรียวปากอิ่ม นับเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่เคย์ตะได้เห็นรอยยิ้มของจิน มันก็ใช่...ที่ว่าก่อนหน้านี้เขาก็เคยเห็นจินยิ้มมาบ้าง แต่ไม่ใช่รอยยิ้มแบบนี้แน่ ๆ แม้แต่ตอนที่นั่งคุยหยอกล้อกับยามะพีเขาก็ไม่เคยได้เห็นจินยิ้มเช่นนี้เลย เสมือนว่ารอยยิ้มและความรู้สึกพิเศษอย่างนี้จะถูกปลุกขึ้นมาได้ก็ด้วยข้อที่เกี่ยวกับของคาเมนาชิ คาซึยะแต่เพียงผู้เดียว
เคย์ตะปลุกตัวเองให้ตื่นจากห้วงภวังค์ความคิดทั้งหลาย ก่อนจะรีบเล่าต่อในเรื่องที่อีกฝ่ายกำลังรอฟัง “หลังจากคืนแรกที่ได้มาอยู่ในคุกนี้ เขาก็เหมือนจะยังงุนงงและสับสนนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการก้าวร้าวอะไรออกมา...ก็แค่พูดปกป้องตัวเองนิดๆหน่อยๆ แต่ไม่เคยก้าวร้าวเลยนะ ตอนที่ผมเข้าไปหาเขาในครั้งแรกนั้น เขาก็ยังคงความสุภาพไว้อยู่ตลอด ถึงจะดูมีทีท่าเหมือนแปลกใจกับเรื่องที่เจอในคืนแรกก็เถอะ”
“นายไม่ต้องพูดให้มันฟังดูดีมากนักหรอก ชั้นยอมรับความจริงได้” จินพูดขัดขึ้น “แค่บอกมาเท่านั้นว่าเขาเป็นยังไง ตอนนั้นชั้นไม่ค่อยได้พบกับเขามากเท่าไหร่ จะได้เจอก็แค่ตอนกลางคืน” ร่างสูงหยุดพูดอยู่อึดใจ “จริงๆแล้ว ชั้นก็เจอเขาที่โรงอาหารทุกวันน่ะนะ เพียงแต่ไม่เคยได้เดินไปหาเขาเลย ชั้นมีความสุขกับการที่ได้เฝ้ามองเขาอยู่อย่างนั้น....ชั้นน่าจะลองเดินเข้าไปคุยกับเขาบ้างก็ยังดี”
เคย์ตะนั่งคุกเข่า ก่อนจะค่อยๆผ่อนน้ำหนักจากเท้าข้างหนึ่งไปอีกข้างอย่างค่อนข้างอึดอัดอยู่นิดๆ “อืมม เขาก็ดูเหมือนไม่ค่อยยอมรับกับข่าวที่ว่าท่านเป็นใหญ่ในนี้มากนัก จริงๆแล้วเขาก็คงหลอกใจตัวเองไม่ให้เชื่อในสิ่งที่ได้ยินมามากกว่า” เคย์ตะกล่าวพลางทอดสายตามองจินด้วยรอยยิ้มนิดๆ “เขาไม่เข้าใจน่ะสิว่าทำไมผู้ชายคนอื่นถึงมองว่าเขาสวยได้...”
รอยยิ้มที่แต้มอยู่ดวงหน้าของจินฉีกกว้างกว่าเดิม เคย์ตะนึกเดาได้เลยว่าความทรงจำเก่าๆคงจะสะท้อนกลับมาภายในใจของหัวหน้าแก๊งเป็นแน่
นายอยากให้ชั้นไปนอนกับเขาเหรอ?
เคย์ตะนึกสงสัยอีกต่อไปว่าคาเมะได้กล่าวคำพูดดูหมิ่นอันใดบ้างกับคนที่ได้ถือว่าเป็นหัวหน้าคนปัจจุบันของเขาในตอนที่อคานิชิได้เข้าไปหาคาเมะที่เตียงในครั้งแรก...ตอนนั้นคาเมะก็ยังไม่ได้ตกเป็นเด็กของเล่นของอคานิชิเลยด้วยซ้ำ...
“ครั้งต่อมาที่ผมได้เจอคาเมนาชิ เขาก็เป็นของท่านแล้ว” เคย์ตะเล่าเรื่องต่อ “แต่เขาก็ยังไม่เปลี่ยนไปมาก ไม่ใช่เหรอ? ไม่เปลี่ยนไป.. ไม่เลยสักนิดเดียว เขายังคงทำในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าถูกต้องแล้ว ถึงมันจะหมายถึงการที่เขาทำแบบนั้นแล้วต้องถูกท่านทำร้ายเอาก็เถอะ”
อคานิชิหัวเราะออกมาเล็กน้อย“ชั้นคิดว่านายคงจะพูดถูกนะ” หัวหน้าแก๊งพูดพึมพำ เคย์ตะก็ได้แต่ผงกหัวรับ เหมือนเห็นด้วยกับที่จินพูด ”ชั้นคิดถึงเขา”
เคย์ตะพยายามที่จะไม่อ้าปากหวอเมื่อได้ยินคำพูดนี้ออกมาจากปากของอคานิชิ ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าของเขาในเวลานี้ พูดคำนี้ออกมาด้วยความจริงใจ.. เหมือนว่าภายในใจของอีกฝ่ายกำลังอ่อนแออยู่มากเหลือเกิน....ท่าทางแบบนี้ไม่เหมือนกับที่เขาเคยได้ยินได้ฟังเกี่ยวกับเรื่องของอคานิชิจากนักโทษคนอื่นๆเลยสักนิด
“ผะ ผมไปนอนที่ห้องเรียวเฮสักคืนก็ได้นะ ถ้าท่านอยากให้คาเมนาชิมานอนที่นี่อีก” เคย์ตะพูดแนะ จินมองตอบกลับมาเพียงนิด ก่อนจะรีบลุกขึ้นยืนอย่างทันทีทันใด
“นอนเถอะ” หัวหน้าแก๊งพูดให้ความเห็น สีหน้าอารมณ์ที่เคยได้ปรากฎบนดวงหน้าของอคานิชิกลับเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นอีกฝ่ายก็ได้หายลับขึ้นไปยังเตียงบน
เคย์ตะถอนใจออกมาด้วยความโล่งอก ทุกอย่างก็ดูจะผ่านพ้นไปด้วยดี เขาเองก็เคยรู้มาว่าคาเมนาชิมีความสำคัญกับอคานิชิมากเหลือเกิน แต่ก็ไม่คิดมาก่อนว่าจะสำคัญมากขนาดนี้.... อคานิชิ..ชายหนุ่มผู้เคยเอาทุกสิ่งทุกอย่างที่อยากได้..แต่ตอนนี้กลับต้องมาผลักไสสิ่งที่อยากได้มากที่สุดให้ออกไปให้ห่าง...ผลักไสคาเมะจังออกไปให้ห่างนั่นเอง
อคานิชิคงจะเห็นคาเมนาชิอยู่ในตัวของเขา ถึงแม้เคย์ตะจะเคยแน่ใจว่าทั้งตัวเขาและคาเมนาชิมีหลายสิ่งหลายอย่างที่คล้ายกัน ..แต่เขาก็อดจะนึกเดาไปเสียไม่ได้ว่า สิ่งนั้นน่ะเหรอจะเป็นสาเหตุเพียงสาเหตุเดียวที่ทำให้เขาถูกตีตราเป็นคาเมนาชิ คาซึยะในคืนนี้ สิ่งแรกเลยที่ทำให้อคานิชิหยุดลวนลามและผลักเขาออกห่างก็คือความคิดที่เกี่ยวกับคาเมนาชิ เคย์ตะแน่ใจเป็นมั่นเป็นเหมาะเลยว่า ที่อคานิชิเข้ามาหาเขาในคืนนี้ก็มาจากเรื่องของคาเมนาชิอีกเช่นกัน
พวกรุ่นพี่คงจะรู้ดีว่า ...แค่ยกมือไปแตะต้องคาเมนาชิแม้เพียงปลายนิ้วก้อย เพียงแค่นั้นก็จะทำให้อคานิชิต้องเจ็บปวดทุรนทุรายได้อย่างง่ายดาย ถึงคาเมนาชิจะอยู่ที่ฝั่งเหนือก็ใช่ว่าจะปลอดภัยมากไปกว่าตอนอยู่ฝั่งตะวันตก ถ้าอย่างนั้นแล้ว บางทีเขาอาจพอทำอะไรเพื่ออคานิชิ จิน ..คนที่เป็นเหมือนเจ้านายเขาอยู่ในขณะนี้บ้าง... เขาอาจจะลองทำตัวเป็นคาเมนาชิ คาซึยะดูสักวัน
เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้เลยก็แล้วกัน....
~*~*~*~
ลำแสงแห่งดวงอาทิตย์ได้สาดส่องเข้ามากระทบร่างเล็กในมุมและองศาที่แตกต่างออกไปอีกครั้ง มันอาจจะดูแปลกๆไปบ้าง แต่เขาก็ควรจะทำตัวให้ชินกับมันได้แล้ว เหลืออีกแค่สามเดือนครึ่งเท่านั้นที่จะได้ออกไปจากที่นี่เสีย
“สวัสดีตอนเช้า” น้ำเสียงที่คุ้นหูดังลอดออกมาจากภายนอกห้องขัง ร่างบางเปิดเปลือกตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ก่อนจะสังเกตเห็นร่างของเด็กของเล่นของอคานิชิ จินกำลังยืนอยู่หน้าประตูห้องขังที่เปิดอ้าอยู่
“เคย์ตะ” คาเมะพึมพำชื่อนี้ออกมา พลางยันตัวลุกขึ้นนั่งโดยทันทีทันใดแล้วรีบกระโจนเข้าใส่รองเท้า ตามด้วยการจัดแต่งเสื้อผ้านิดๆ “นายไม่เป็นไรใช่ไหม?” ร่างบางไม่กล้าแม้แต่จะถามคำถามนี้เมื่อได้มายืนอยู่ตรงหน้าเคย์ตะ
“คุยด้วยสักหน่อยได้ไหม?” เคย์ตะถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร แต่สถานการณ์ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ไม่อาจทำให้ร่างบางรู้สึกสบายใจได้เลย เขาเหมือนจะรู้สึกแปลกอยู่บ้างเหมือนกันที่ต้องมายืนเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่มจาก w-inds
“ชั้นคิดว่ามันไม่เหมาะนะ จิน...เอ่อ อคานิชิอยู่ที่ไหนล่ะ? เขาส่งนายมาที่นี่เหรอ? เขารู้ไหมว่านายมาที่นี่?” คาเมะรัวคำถามเข้าใส่ เคย์ตะก็ส่ายหัวตอบด้วยความไม่แน่ใจเท่าไรนัก “ชู้ว์ๆ ถ้าเขารู้ว่านายมาที่นี่ด้วยตัวเองล่ะก็ นายจะลำบากแน่ กลับไปที่ฝั่งตะวันตกเดี๋ยวนี้เลย!”
“แต่-“ เคย์ตะเอ่ยปากค้าน เห็นได้อย่างชัดว่าเขาออกจะผงะนิดๆที่เห็นคาเมะมีทีท่าเปลี่ยนแปลงไปอย่างปุ๊บปั๊บ
“กลับไปเถอะ!” ร่างบางพูดออกมาอีกครั้ง มันเจ็บมากเกินพอแล้วที่ได้รู้ว่าเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าคนนี้คือเด็กของเล่นคนปัจจุบันของจิน แต่ในการที่ต้องเป็นฝ่ายเอ่ยปากบอกให้อีกฝ่ายกลับไปหาจิน..มันเกินกว่าที่เขาจะรับได้จริงๆ ร่างบางจำต้องกลั้นน้ำตาไม่ให้พร่างพรูออกมา “กลับไปเถอะ กลับไปหาอคานิชิ”
“เดี๋ยวก่อนคาเมนาชิคุง ให้ชั้นพูดอะไรบ้างเถอะนะ มีบางอย่างที่นายไม่เข้าใจอยู่นะ” เคย์ตะพยายามที่จะพูด
“ไม่ นายต่างหากล่ะที่ไม่เข้าใจ นายรู้ไหมว่าเขาจะทำยังไงกับคนที่เข้ามาพูดกับชั้น หรือคนที่ชั้นเข้าไปพูดด้วย? เขาจะทำโทษนาย เขาจะทำร้ายนาย..แล้วเขาก็จะโยนนายออกมา” คาเมะพูดเตือน “อย่าได้มาที่นี่อีก” ร่างบางเหลือบตามองข้ามไหล่ไปยังชายหนุ่มสูงวัยที่อยู่ด้านหลัง ผู้ซึ่งดูเหมือนว่าเพิ่งจะตื่นนอนและกำลังยันตัวลุกขึ้นนั่งอยู่ข้างหน้าต่างบานเล็ก อีกฝ่ายทำทีเหมือนไม่ใส่ใจในคำสนทนาของพวกเขาทั้งสอง... แต่คาเมะรู้ดีว่ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้นแน่ “อคานิชิจะรู้เอาได้ว่านายมาที่นี่ กลับไปก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป”
“ชั้นต้องพูดกับนาย!” เคย์ตะค้าน แต่คาเมะก็รีบคว้าใต้แขนของของอีกฝ่ายแล้วลากร่างนั้นให้ห่างจากห้องขังออกมาสักก้าวสองก้าว เคย์ตะสะบัดตัวให้หลุดจากแรงเกาะกุม ก่อนจะเอ่ยปากออกมาว่า “เขาคิดถึงนายนะ!”
ร่างบางยืนนิ่งอยู่กับที่ “โกหก” ก่อนที่จะเอ่ยน้ำเสียงที่ดังคล้ายเสียงกระซิบกระซาบ
“เป็นความจริง เขาพูดออกมาเอง” เคย์ตะตอบ “เขาพูดออกมาเมื่อคืนนี้”
ร่างบางสังเกตสังกาใบหน้าของอีกฝ่ายผ่านม่านหมอกน้ำตา เคย์ตะเป็นคนประเภทที่เวลาโกหกจะต้องเผลอแสดงพิรุธออกมาทางสีหน้าท่าทาง จินได้พูดแบบนั้นออกมาจริงๆน่ะเหรอ? จินคิดถึงเขาจริงเหรอ? ร่างบางข่มใจที่จะไม่ถามต่อไปอีกว่าจินได้พูดคำใดออกมาบ้าง
“มันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว” คนตัวเล็กพูดต่อ “เขาเตะชั้นออกมาแล้ว ตั้งสองครั้งได้ เขาไม่..” คาเมะรู้สึกผิดนิดๆทีจำต้องเอ่ยคำพูดนี้ออกมาต่อหน้าเด็กของเล่นคนปัจจุบันของจิน เพราะถ้าเขาเป็นเคย์ตะ ..แล้วมาได้ยินใครพูดแบบนี้แล้วล่ะก็..เขาก็อาจจะอยากฆ่าคนที่พูดนั้นเสีย “ในคืนที่นายไปนอนห้องเรียวเฮ และชั้นอยู่กับเขาคืนนั้น..เขายังไม่ยอมนอนกับชั้นเลยด้วยซ้ำ”
เคย์ตะไม่ได้เอ่ยคำใดออกมา ร่างบางก็ได้แต่นึกในใจว่าอีกฝ่ายจะนึกโกรธที่ได้ยินคำนี้ไหม คาเมะรู้แต่เพียงว่าถ้ามีใครสักคนเข้ามาบอกว่าพยายามที่จะขึ้นเตียงกับเจ้านายของเขาแล้วล่ะก็...เขาจะต้องโกรธมากอย่างแน่นอน
“นายต้องขอให้เขาเอาตัวนายกลับไปนะ” เคย์ตะพูดขึ้น นำความแปลกใจมาให้ร่างบาง เพราะไม่คิดว่าจะได้รับคำตอบเช่นนี้เลย “นายต่างหากล่ะที่เขาต้องการ ไม่ใช่ชั้น ชั้น..” เด็กหนุ่มแก้มแดงระเรื่อขึ้นทันทีเมื่อจะเอ่ยคำพูดต่อไปนี้ “ชั้นทำให้เขาพอใจไม่ได้ ชั้นรู้ว่า เขายังคิดถึงนายอยู่ตลอดเวลาที่อยู่กับชั้น”
เคย์ตะจำต้องโกหกนิดๆเพื่อไม่ให้เป็นการผิดข้อตกลงที่ได้ให้ไว้และเพื่อไม่เป็นการทำลายแผนการทั้งหมดที่อคานิชิทำเพื่อคาเมะ ....แม้จะต้องผ่านเรื่องราวต่างๆมากมายเพียงไร อคานิชิก็ยังพยายามที่จะเฝ้าดูแลคาเมนาชิอยู่เสมอ
“นายมาบอกชั้นทำไม?” คาเมะถาม เขาไม่อยากแม้จะคิดจินตนาการว่าจินได้ทำอะไรกับเคย์ตะในระหว่างที่เขาและจินได้อยู่ห่างกันบ้าง แล้วยิ่งถ้าต้องมาได้ยิน... “นายกลับไปซะ ชั้นพูดจริงๆนะ ถ้าเขารู้ว่านายมาที่นี่ เขาจะโกรธเอาได้”
“มันสายไปแล้วล่ะ” เคย์ตะกล่าว แต่ก็ต้องหยุดกล้ำกลืนทุกอย่างลงคอด้วยความยากลำบาก เมื่อคิดถึงผมลัพธ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้...ถ้าอคานิชิล่วงรู้ถึงการมาเยือนครั้งนี้ “ชั้นคิดได้ว่า ไหนๆชั้นก็เล่นบทของนายเพื่อเขาแล้วล่ะก็ ชั้นก็คงเป็นนายขึ้นมาจริงแล้วสิเนี่ย ชั้นรู้เลยว่าถ้านายเป็นมาชั้นในตอนนี้ นายก็คงจะทำในแบบเดียวกันแน่”
“เป็นคนโง่ เชื่อใจคนง่าย แล้วชอบพาตัวไปมีเรื่องแบบชั้นน่ะเหรอ” ร่างบางพูดเดา เคย์ตะรีบส่ายหัวเมื่อได้ยินคำตอบนี้อย่างทันที
“เป็นคนที่กล้า ซื่อตรง แล้วชอบทำในสิ่งที่ถูกต้องยังไงล่ะ” เด็กของเล่นคนปัจจุบันตอบกลับ “นั่นเป็นเหตุผลที่ชั้นมาอยู่ที่นี่ ตรงนี้ ชั้นกำลังพยายามทำในสิ่งที่นายจะต้องทำแน่ ๆ ถ้านายมาอยู่ในที่ของชั้นในเวลานี้”
“แต่นายไม่ใช่ชั้น ฟังนะ มันยังไม่สายไปหรอก” คาเมะพูดขึ้น “พูดยกความผิดทั้งหมดมาที่ชั้นก็ได้ เขาน่ะโกรธชั้นมากอยู่แล้ว ..ยังไงเขาก็คงทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้หรอก ..ถ้าเขารู้ก็ให้บอกว่าทั้งหมดมันเป็นความผิดของชั้นแล้วกันนะ-“
“คาเมนาชิ”
“โบ้ยโทษมาที่ชั้นซะ บอกเขาว่าชั้นเป็นคนที่เข้าไปหานาย เป็นคนที่บอกให้นายเข้ามาคุยกับชั้นเป็นการส่วนตัวที่นี่ แล้วถ้านายไม่ทำอย่างที่ชั้นขอ...ชั้นก็จะไม่เลิกกวนใจเขาอย่างไงละ บอกเขาว่านายไม่อยากจะทำแบบนี้เลย..แต่เพราะนายคิดว่านายกำลังช่วยเขาอยู่ จากนั้นก็พูดอ้อนวอนขอร้องให้เขายกโทษให้นายเสีย..ถ้าทำแบบนี้เขาอาจจะไม่เอาโทษนายก็ได้” คาเมะกล่าว เมื่อเคย์ตะอ้าปากจะค้าน ร่างบางก็รีบพูดปิดท้าย “คิดถึงพวกเพื่อนของนายสิ! เรียวอิจิกับเรียวเฮ นายคิดว่าอคานิชิจะไม่ฟาดหัวฟาดหางกับพวกนายทุกคนเหรอ? พวกนายอยู่กลุ่มเดียวกัน ทีมเดียวกันนะ..เขาจะทำโทษพวกนายทุกคนแน่”
เคย์ตะไม่อาจจะทนได้อีกต่อไปแล้ว... นี่เขาต้องเป็นคนทะลายกำแพงนั้นเองหรอกเหรอ “แต่นายไม่รู้ว่าเรื่องราวมันเป็นมายังไง-“
“กลับไปหาเจ้านายของนายเสีย!” เมื่อได้เห็นคาเมะปะทุอารมณ์ขึ้นมา..เคย์ตะก็ได้แต่ยืนนิ่งตัวแข็งอยู่กับที่ หยาดหยดน้ำพร่างพรูไหลรินจากเรียวตาคู่งามลงมากระทบข้างแก้ม เคย์ตะได้แต่มองอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกตะลึงงุนงงแกมประหลาดใจ “เด็กของเล่นที่โง่งี่เง่า” ร่างบางร้องไห้สะอึกสะอื้น “อะไรทำให้นายคิดว่าเขาจะสนใจชั้นจริงๆ? มีความสุขในตอนที่นายสามารถจะมีได้เถอะ เพราะเมื่อถึงวันที่เขาทิ้งนายไปแล้ว เขาก็จะไม่เอาตัวนายกลับคืนอีกต่อไป ต่อให้นายไปร้องขออย่างไร เขาก็คงจะให้นายได้ก็แค่เซ็กส์วันเดียวเท่านั้น”
เคย์ตะไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจเพื่อมาเจออากัปกิริยาสนองตอบเช่นนี้มาก่อนเลย เขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าคาเมะจะทำตัวแบบนี้ได้ เขาคิดแต่ว่าอีกฝ่ายก็คงจะให้ความร่วมมือ..หรืออย่างน้อยก็..รับฟังคำที่เขาจะเอ่ยออกมาบ้างก็ยังดี
“ชั้นไม่สนว่าเรื่องราวมันจะเป็นมาอย่างไร ชั้นไม่สนกับความจริงนั้นแล้ว ชั้นไม่สนว่าเขาจะคิดถึงชั้นบ้าบอคอแตกอะไรนั่นไหม!” ร่างบางแทบจะตะโกนใส่หน้าอีกฝ่าย..เพราะหวังที่จะให้เด็กหนุ่มเกิดกลัวแล้วถอยกลับไปเสีย “ความรู้สึกของเขามันไม่ใช่ความจริงเลยสักนิด เขามันก็แค่นักรัก เขานอนกับผู้ชายในคุกนี้เพราะมันเป็นแค่ทางเลือกเดียวที่เขาจะได้ปลดปล่อยความใคร่ แล้วถึงแม้ว่าสิ่งที่นายบอกมามันจะเป็นความจริง แล้วถึงแม้ว่าเขาจะกลับมาหาชั้น อุ้มชั้นกลับไปที่ฝั่งตะวันตกนั่นจริงๆ มันก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนความจริงที่ว่า..ชั้นจะไม่ได้เจอเขาอีกแล้วในตอนที่เขาออกจากคุกนี้ นายยังไม่เข้าใจอีกเหรอ? ชั้นไม่สนอะไรอีกต่อไปแล้ว ชั้นอยู่ที่นี่ก็สบายดีจะตาย ...อย่ามายุ่งกับชั้นอีกเลย นายแค่ทำให้เขามีความสุขให้มากที่สุดเพื่อชั้นก็พอ แทนที่ชั้นซะ ..สิ่งนั้นต่างหากล่ะที่เขาอยากให้นายทำ ชั้นจะไม่กลับไปที่ฝั่งตะวันตกอีกแล้ว”
เคย์ตะไม่ตอบคำใดออกมาทั้งสิ้น เด็กหนุ่มทำได้แต่รวบรวมแรงใจแล้วรีบเดินผ่านร่างบางที่ยังตัวสั่นเทาออกไป คาเมะมองตามอีกฝ่ายออกไปจนลับตา..นึกสงสัยว่าเคย์ตะจะยอมเชื่อแม้เพียงครึ่งหนึ่งที่เขาได้บอกไปหรือไม่.. หรือว่าเคย์ตะก็แค่เลิกล้มความตั้งใจเดิมไปเสียเมื่อเห็นเขาเป็นเช่นนี้
ร่างบางเคลื่อนสายตากลับไปยังห้องขังที่อยู่ด้านหลัง ก่อนที่จะข่มใจให้เดินกลับเข้าไปข้างใน..แล้วไปหยุดยืนอยู่ใต้กัคคุโตะ
“ผมขอร้อง อย่าบอกอคานิชิเลยฮะ” คาเมะเริ่มเรื่อง..ร่างบางทอดสายตาขึ้นไปสบกับดวงตาคู่สีฟ้าที่ทอดมองลงมา “อย่าบอกเขาเลยฮะ อย่าให้เขาทำร้ายเคย์ตะ ที่เคย์ตะมาที่นี่ก็เป็นความผิดของผมเอง เคย์ตะรู้สึกเหมือนเป็นความรับผิดชอบของตัวเองก็เลยทำแบบนี้...ก็อย่างที่รู้..ผมเคยช่วยเขาให้รอดจากการถูกข่มขืนมาแล้วครั้งหนึ่ง จากนั้นเขาก็กลับต้องมาแทนที่ผม ได้อยู่เคียงข้างจิน- เอ่อ อคานิชิ...เรื่องมาเป็นแบบนี้แล้วเขาก็เลยรู้สึกผิด ..เคย์ตะไม่ได้ตั้งใจ ได้โปรดเถอะฮะ ผมขอร้อง ผมรู้ว่ากัคคุโตะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับอุเอดะ แต่ได้โปรดอย่าให้เขารู้ว่าเคย์ตะมาที่นี่ในวันนี้เลยฮะ”
ร่างบางแทบจะคุกเข่าลงและโน้มตัว โค้งให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ต่อเมื่อน้ำเสียงของกัคคุโตะได้หยุดเอาไว้เสียก่อน “นายนี่มันยุ่งจริงๆน้า”
ชายหนุ่มผมสีทองไต่ลงมาที่พื้นข้างล่าง ก่อนจะเดินเข้าไปตรงส่วนห้องน้ำเล็กๆ เพื่อคว้าผ้าขนหนูแล้วจัดการชุบน้ำให้ชุ่มเล็กน้อย แล้วจัดการนำผ้าชุ่มน้ำมาวางแนบไปกับใบหน้าของร่างบาง
“ขอบคุณฮะ” คาเมะกล่าวพลางรับผ้าขนหนูผืนเล็ก แล้วใช้ซับไปทั่วเรียวตาคู่ช้ำ
มันคงไม่มีประโยชน์อันใดที่จะโต้เถียงในเรื่องนี้อีกต่อไป ไม่ว่าผลจะออกมาเช่นไร..กัคคุโตะก็เหมือนจะตัดสินใจไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
~*~*~*~
ประตูห้องขังในฝั่งตะวันตกได้ถูกกระชากปิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เคย์ตะแทบจะสะดุ้งกระเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียงล่างในขณะที่กำลังรอการกลับมาของอคานิชิอย่างกระวนกระวายใจ...แม้จะรู้ว่าไม่ช้าหรือเร็วอคานิชิก็จะต้องกลับมายังห้องนี้อยู่ดี...แต่เขาก็ไม่คิดว่ามันจะเร็วเช่นนี้ ข่าวที่เขาไปเยือนคาเมนาชิได้ลอยไปเข้าหูเจ้านายก่อนเที่ยงเสียอีก เคย์ตะนึกสงสัยอยู่ในใจว่าอาจจะเป็นเพื่อนร่วมห้องของคาเมะก็ได้ที่ไปบอกอคานิชิเรื่องการไปเยือนของเขาในเช้าวันนี้
เด็กหนุ่มกลัวยิ่งนักที่จะผงกหัวขึ้นมอง เมื่อรับรู้แล้วว่าอคานิชิได้เข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้านี่เอง “นายไปหาคาเมะมาใช่ไหม? รบกวนช่วยอธิบายให้ฟังหน่อยได้ไหมว่านายไปทำอะไรที่นั่น?”
“ผม” เคย์ตะเปิดปากพูด ก่อนจะตระหนักได้ว่าเขาไม่รู้จะตอบคำถามนี้ได้อย่างไร ในช่วงเวลาที่กำลังอึกอักอยู่นั้นอคานิชิได้ใช้สองแขนแกร่งคว้าหมับเข้าไปยังคอเสื้อของเด็กหนุ่ม แล้วออกแรงยกร่างเล็กออกจากเตียง
“การที่นายไปหาเขา..มันอาจทำให้เขาต้องตกอยู่ในอันตรายได้!” ร่างสูงพูดเสียงกร้าวลอดไรฟันออกมา
“ผมก็แค่อยากให้พวกท่านได้เจอกันอีกครั้ง-“ เคย์ตะพยายามที่จะอธิบายเมื่อจินออกแรงรั้งตัวเขาขึ้นอย่างหนักหน่วง
“นายคิดว่าพวกเราอยู่ที่ไหนกัน? คิดว่าอยู่ข้างนอกกันล่ะสินะ? ที่นี่มันคือคุกรู้ไว้..ไม่ใช่ว่าคิดอยากทำอะไรก็ทำได้...มีหลายสิ่งหลายอย่างที่นายต้องไม่ทำ!” จินพูดขัดก่อนจะโยนร่างเล็กลงไปกองกับพื้น
“ผมขอโทษ!”
“ยังไม่ใช่ตอนนี้หรอก..แต่อีกหน่อยนายคงจะต้อง-“
“จิน! นายทำอะไรน่ะ?” อุเอดะถามออกมาจากอีกฟากของลูกกรง เด็กหนุ่มผมสีดำรีบร้อนถอดสร้อยแขนแล้วจัดการไขล๊อคประตูห้องขังอย่างเร็ว
“ยามะพีเห็นเคย์ตะเดินเข้าไปที่ฝั่งเหนือ ก็เลยเดินตามไป! หมอนี่ไปพบคาเมะจังมา” จินพูดตอบข้ามไหล่
“ชั้นรู้แล้ว ชั้นรู้ด้วยว่าพวกเขาคุยอะไรกัน ชั้นได้ยินมาจากกัคคุโตะ” อุเอดะกล่าว
“แล้วนายก็ไม่คิดที่จะบอกชั้นสินะ?!” จินเหลือบมองเพื่อนร่วมแก๊งด้วยท่าทีกล่าวหาอยู่ในที
“กัคคุโตะบอกชั้นเองว่าไม่ต้องบอก เพราะเขาแน่ใจว่าอย่างไงนายก็จะรู้อยู่ดี เขายังบอกให้ชั้นเฝ้าจับตาดูนายให้ดีด้วย” อุเอดะตอบ
“ยังดีที่พวกเราทำตามคำแนะนำของกัคคุโตะนะ” สมาชิกทุกคนที่เหลือต่างก็ส่งเสียงพูดออกมาหลังอุเอดะ
“อย่ามายุ่งกับพวกชั้น เรื่องนี้มันเป็นเรื่องระหว่างชั้นกับเคย์ตะจัง!” จินค้าน ดวงตาคมกร้าวจ้องมองไปยังร่างที่กองอยู่ที่พื้นอีกครั้ง
“ใช่บ้าอะไรล่ะ!” โคคิตอบ “ชั้นว่าเรื่องมันเตลิดไปไกลเกินกว่าที่จะเป็นเรื่องระหว่างนายกับเคย์ตะจังแล้ว”
เสียงเปิดล๊อคได้ดังสนั่นขึ้นมา จากนั้นไม่นานทั้งสี่หนุ่มที่เหลือก็รีบตรงเข้าไปหาจินผู้ซึ่งมีทีท่าโมโหโกธามากกว่าที่จะยอมฟังทุกคนในเวลานี้ ไม่มีสิ่งใดที่จะห้ามชายหนุ่ม ไม่ให้ 'พูดเรื่องนี้ กับเคย์ตะได้' เหล่าเพื่อนผู้น่าสงสารของจินต่างก็กระโจนเข้าจับหัวหน้าแก๊งเอาไว้ แต่ก็ต้องโดนแขนศอกกลับ...ตามด้วยการฟาดแขนฟาดขาใส่ ..แล้วยังจะสะโพกนั่นอีก...จนเพื่อนทั้งสี่ต้องได้ไปนอนกองกันที่พื้น
“นายบอกอะไรกับเขาไป?” จินถามก่อนจะคว้าแขนบางเพื่อดึงร่างขึ้นมา ทำให้เด็กหนุ่มผู้น่าสงสารจำต้องครึ่งนั่งครึ่งลากห้อยอยู่กับจากแรงเกาะที่แน่นหนานั้น “ชั้นถามว่านายบอกอะไรเขา! ไอ้บ้าพีนั่น ไม่ได้อยู่นานพอที่จะได้ยิน ไอ้บ้านั่นรีบกลับมาบอกชั้น เพื่อที่ชั้นจะได้จับนายได้ตอนที่ยังคุยอยู่กับคาเมะ แต่นายนี่มันก็เร็วเป็นปรอทจริงๆ"
“ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าตอนนั้นจินอยู่ที่นั่น...จินจะทำอะไรลงไปบ้างล่ะเนี่ย” โคคิพูดครวญจากที่นอนกองอยู่ใต้ยูอิจิและอุเอดะ ด้านจุนโนะก็จัดการยันตัวลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
“เคย์ตะ!” จู่ๆน้ำเสียงของเรียวอิจิก็ดังลอดมาจากหน้าประตูห้องขัง “อคานิชิซัง นายกำลังจะทำอะไรน่ะ? เราร่วมมือกันอยู่ไม่ใช่เหรอ นายพูดรับประกันความปลอดภัยของเคย์ตะให้เองนะ อย่าลืม!”
“หมอนี่ก็ทำได้ดีมาโดยตลอดล่ะนะ จะเริ่มไม่ดีก็ตอนที่มาทำตัวต่อต้านชั้นนี่แหล่ะ!” จินตะโกนกลับไป เรียวอิจิและเรียวเฮจึงเหลือบมองเคย์ตะด้วยความแปลกใจ
“เรียวอิจิ เรียวเฮ ออกไปจากที่นี่ซะ!” เคย์ตะร้องตอบมาเมื่อเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยคำถามของเหล่าเพื่อน
“ชั้นบอกนายแล้วว่าถ้ามีเรื่องอะไรให้มาหาพวกเรา” เรียวอิจิกล่าว ไม่อยากจะเชื่อยิ่งนักว่าเคย์ตะจะกล้าทำอะไรตามลำพังคนเดียว “เราช่วยเหลือกันและกัน ถึงนายจะทำเรื่องร้ายๆแค่ไหน นายก็ยังมาหาพวกเราได้ นายก็รู้นี่ นายเป็นส่วนหนึ่งของพวกเรานะ”
“ได้โปรดไปเสียเถอะ ชั้นให้พวกนายมาเกี่ยวข้องด้วยไม่ได้!” เคย์ตะร้องค้านออกมา แต่ก็ต้องให้นึกกลัวมากกว่าเดิมเมื่อเรียวอิจิเดินเข้ามาในห้องขัง
“ตอนที่ไม่เห็นเคย์ตะลงไปกินข้าวเช้าและข้าวเที่ยง มันทำให้พวกชั้นเป็นห่วงมากก็เลยต้องพากันมาที่นี่ ..ชั้นไม่รู้หรอกนะว่าได้เกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ได้โปรดปล่อยเคย์ตะไปเถอะ จากนั้นเราค่อยมาคิดหาหนทางแก้ไขกัน” เรียวอิจิพูดเริ่มเรื่องพร้อมกับก้าวเท้าเดินเข้าไปหาเคย์ตะและจินอย่างช้าๆ “ถ้านายยังไม่ยอมปล่อย ชั้นก็ต้องกระโจนเข้าไปร่วมด้วยอย่างแน่นอน ..นายเองก็ต้องจัดการชั้นให้หมอบไปด้วย”
“ก็ดี ..ชั้นยิ่งมีอารมณ์อยากอัดคนอยู่พอดี!” จินตอกกลับ คงต้องจัดการให้ได้ไปนอนมองดาวหมุนติ้วๆบ้างแล้วล่ะสิ แต่คำขู่ของร่างสูงก็ไม่ได้ทำให้เรียวอิจิลังเลใจที่จะเดินเข้ามาเลยสักนิด
“เรียวเฮ อย่าเข้ามา ถ้าได้โอกาสเหมาะๆให้เข้ามาพาตัวเคย์ตะแล้วก็วิ่งหนีไปซะ” เรียวอิจิร้องสั่งเพื่อนอีกคน ”ช่วยเคย์ตะออกไปซะ อย่าเข้ามายุ่งในการสู้ครั้งนี้”
จินหน้านิ่วคิ้วขมวดเมื่อเห็นชายหนุ่มอีกคนเดินเข้ามาใกล้ๆอีกครั้ง เรียวอิจิห่วงเคย์ตะและเรียวเฮมากกว่าห่วงตัวเองหรอกเหรอ? เขาจำได้ว่าเขาเคยได้ชื่นชมกับการกระทำเช่นนี้ของชายผู้อยู่ตรงหน้ามากเพียงไร เขาเองก็เคยนึกอยากจะปะมือกับชายหนุ่มคนนี้สักวันถ้ามีโอกาส
“ได้โปรดอคานิชิซัง ปล่อยเคย์ตะไปเถอะ ไม่ว่าเขาจะทำอะไรไปก็ตาม ชั้นรู้จักเคย์ตะดี เขาไม่ได้มีเจตนาที่คิดร้ายแน่” เรียวอิจิพยายามพูดขอร้องเมื่อเห็นจินได้หันเหความสนใจกลับไปยังเคย์ตะ
“ผมแค่บอกไปว่าท่านคิดถึงเขา” เคย์ตะรีบร้อนตอนออกไปเพื่อลดความตึงเครียดระหว่างจินและเรียวอิจิ และหวังจะทำให้หัวแก๊ง AT-TUN หันเหความสนใจทั้งหมดกลับมาที่ตัวเขาแทน ซึ่งมันก็ดูจะได้ผลเป็นอย่างดี แรงยึดที่เกาะอยู่ตรงแขนบางเริ่มเพิ่มความรุนแรงรัดแน่น แล้วใบหน้าของเคย์ตะก็เหมือนจะร้อนวาบเมื่อได้กระทบกับมือข้างที่ว่างของจิน ถ้าไม่ใช่เพราะแรงจับยึดจากร่างสูงแล้วล่ะก็ เด็กหนุ่มก็คงจะล้มลงไปกองกับพื้นจากแรงกระแทกนั่นไปแล้ว เคย์ตะยกมือขึ้นแตะไปยังใบหน้า ก่อนจะได้ยินเสียงของเรียวเฮร้องเรียกชื่อของเขามาจากทางประตูห้องขัง เรียวอิจิก็มีปฎิกิริยาโต้ตอบโดยทันที
“ไม่นะ อย่า!” เรียวอิจิตะโกนออกมา...พยายามที่จะรุดเข้าไปหาทั้งสองหนุ่ม แต่จินก็ไม่ปล่อยให้ฝ่ายที่จะเข้ามาจู่โจมได้เข้ามาใกล้มากพอที่จะแยกเขาออกจากเคย์ตะได้ ร่างสูงรีบตรงเข้าไปจัดการเรียวอิจิจนตัวปลิวกลับไปตามทางเดิมที่มา
เคย์ตะไม่ตั้งใจให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นเลย เด็กหนุ่มคิดไปว่าการที่เขายอมขลุกอยู่แต่ในฝั่งตะวันตกแล้วไม่ย่างกรายออกไปไหน อคานิชิก็จะลงโทษเขาแต่เพียงผู้เดียว ไม่คิดเลยว่าเมื่อเขาไม่ออกจากห้องขังแล้วจะทำให้เรียวอิจิและเรียวเฮต้องออกมาตาม ...
จู่ๆร่างเล็กก็รู้สึกเหมือนถูกจับหมุนตัวอยู่กลางอากาศ ก่อนที่แผ่นหลังบางจะถูกรั้งให้แนบกับลำตัวแกร่งของจิน เขานึกหวั่นในใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป..แล้วในช่วงวินาทีนั้นเองที่ร่างกายของเขาเริ่มรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดที่แล่นริ้วผ่านเข้ามาจากตรงส่วนขา..ความเจ็บได้วิ่งกระจายมาจากที่ไหนสักแห่งทางด้านหลังของเข่าด้านขวา เคย์ตะร้องครวญครางออกมาด้วยความเจ็บปวด...แล้วในครั้งนี้ก็ถลาหลุดจากแรงเกาะกุมของจินไปนอนกองอยู่ที่พื้น แต่กระนั้นเด็กหนุ่มก็ยังพยายามตะเกียกตะกายพยุงตัวขึ้นด้วยแรงจากแขนทั้งสองข้าง
เรียวเฮไม่อาจจะทนได้อีกต่อไป ..ชายหนุ่มพยายามจะเข้ามาช่วยเพื่อนผู้เคราะห์ร้าย แต่จุนโนะก็รีบกระโดดเข้ามาขวางไว้ด้วยการยื้อยุดฉุดเข้าที่แขนเล็ก ”อย่าไป นายจะเจ็บตัวได้”
มือแกร่งทั้งสองข้างของจินได้จับหมับไปยังร่างของเคย์ตะอีกครั้ง จินจัดการหมุนตัวร่างบางให้หันมาเผชิญหน้ากับเขา มือข้างหนึ่งของจินได้ยกขึ้นสูงอยู่กลางอากาศ....นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่เคย์ตะจะได้เห็นก่อนที่จะรีบปิดตาเสียแน่นสนิท เพื่อรอรับหมัดของจินที่จะปล่อยออกมาในไม่ช้า แล้วครั้งนี้ก็คงจะหนักหน่วงเสียยิ่งกว่าเดิม
ได้โปรดอย่าทำร้ายเรียวอิจิและคนอื่นๆเลย
จินชะงักมือค้างอยู่กลางอากาศ
คาเมะ...ความทรงจำที่เกี่ยวกับคาเมะ ใบหน้าหวานของคนตัวเล็ก...ผิวขาวนุ่มเนียนเปลือยเปล่าและใบหน้าที่แฝงไปด้วยความกังวล...ความทรงจำเหล่านี้เริ่มหลั่งไหลเข้ามาในใจของจิน
ชั้นไม่คิดจะทำอะไรพวก w-inds อยู่แล้ว
จินปล่อยมือตกลงไปอยู่ข้างตัว เขาเคยใช้กำปั้นเป็นการตัดสินปัญหาทุกอย่าง แต่เมื่อต้องได้มาเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ในยามที่ดวงตาทั้งสองคู่ปิดแน่นสนิท แล้วยังจะการที่เพื่อนร่วมห้องคนปัจจุบันของเขาเนื้อตัวสั่นเทา..เตรียมตัวเตรียมใจเพื่อรอหมัดของเขาที่จะปล่อยออกไปด้วยความหวั่นกลัวนั้น
คาเมะกำลังเกาะกินเขาอยู่ภายใน ณ เวลานี้เขาไม่สามารถจะชกเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าได้เลย เพราะมันทำให้เขาระลึกไปถึงแววตาของคาเมะที่เคยฉายแววแห่งหวาดกลัวเช่นนี้ ร่างของคาเมะที่เคยตัวสั่นเทาอยู่ในอ้อมกอดของเขา
เขาต้องกำลังเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ
หลายวินาทีที่ได้ผ่านพ้นไปเคย์ตะค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นมาเสียก่อนหนึ่งข้าง แล้วตามด้วยเปลือกตาอีกข้างหนึ่ง เพื่อจะเห็นมือข้างนั้นของจินวางนิ่งสงบอยู่ข้างลำตัว เด็กหนุ่มค่อยๆยกมือขึ้นสัมผัสไปยังแก้ม ก่อนจะแตะต้องยังส่วนอื่นๆของร่างกายเสมือนเป็นการตรวจดูให้รู้แน่ชัดว่าไม่มีส่วนใดบาดเจ็บ
เมื่อหัวหน้าแก๊งได้ปล่อยมือเรียวบางนั้นออกไป เรียวอิจิรีบวิ่งรุดผ่านจินเข้าไปคุกเข่าอยู่ข้างเคย์ตะ
“เราขอยกเลิกข้อตกลงทั้งหมด” เรียวอิจิพูดขึ้นเมื่อได้รวบร่างบางเข้ามาในอ้อมแขน
“ไม่ได้ นายจะถอนตัวออกไปไม่ได้ นั่นเป็นบทลงโทษที่เคย์ตะควรจะได้รับ พวกนายสัญญาเองว่าจะร่วมเล่นไปกับแผนการนี้ แต่เคย์ตะทำผิด หมอนี่เข้าไปหาคาเมะแล้วการที่ทำแบบนั้น มันไม่ใช่แค่ทำให้คาเมะต้องตกอยู่ในอันตราย แต่ยังเป็นการเสี่ยงเอาแผนทุกอย่างที่เราทำร่วมกันมาไปเสี่ยงด้วย”
เรียวอิจิไม่ได้ตอบคำใดออกมา มันไม่มีประโยชน์อันใดที่จะไปโต้เถียงกับอคานิชิ จิน เพราะไม่ว่าจะอย่างไรแล้ว...ทุกสิ่งทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามความต้องการของผู้คุมฝั่งของคุกนี้เท่านั้น “แต่ไม่ว่าจะยังไง นายก็ไม่ควรจะทำโทษเขาขนาดนี้เลย เคย์ตะทำไปด้วยความหวังดี” ชายหนุ่มพยายามที่จะร้องอธิบาย ส่วนจินก็ได้แต่หันหลังแล้วเดินออกไปจากห้องขัง
“อาหารเที่ยงกำลังจะเสิร์ฟแล้ว พวกนายจะมาด้วยไหม?”
~*~*~*~
continue here ยังไม่จบคะ อ่านต่อตรงนี้คะ