ตลอดไป
ตารีกระพริบ พยายามปรับรับแสงสว่างภายนอก แต่ความมึนที่หัวทำให้ชายหนุ่มร่างหนาต้องใช้เวลาสักพักก่อนจะลืมตา รู้สึกตัวขึ้นมา
เพดานสีขาว และไอน้ำข้างเตียง ทำให้ยองแบสับสนว่าทำไมเขาถึงได้มานอนที่โรงพยาบาล
ยองแบหันไปมองรอบๆ เห็นฮยอนแบนั่งอ่านหนังสือ และพูดคุยอยู่กับสมาชิกวงบิ๊กแบง เขาเห็นพี่ๆ ในบริษัทอย่างจินูฮยอง เท็ดดี้ฮยอง และแม้แต่ฮยอนซอกฮยองที่ผลัดกันเดินเข้าออกเป็นว่าเล่น
แต่เหมือนขาดใครไปสักคน
“ฮยอง”
ทุกคนหันมาหาร่างหนาบนเตียง และเดินมาหาเขา
“ฟื้นแล้วเหรอ”
“เป็นยังไงบ้าง”
“ปวดหัวมั้ย”
น่าจะเป็นสิ่งที่ทุกคนถาม แต่คำถามที่ยองแบได้ยินจากทุกคนอย่างพร้อมเพรียงกันคือ
“จำฉันได้มั้ย”
ยองแบยิ่งแปลกใจมากขึ้น เขาขมวดคิ้วมุ่น ก็เขาจำได้ว่า กำลังจะไปรับจียงมากินมื้อเย็นด้วยกัน แล้วเขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน
“จำได้สิ ทำไมถามอย่างนั้นกันล่ะ” ยองแบถามแปลกใจ ค่อยๆ พยุงตังเองลุกขึ้นนั่ง
“จำได้แบบ จำได้เหรอครับฮยอง” น้องเล็กของวงถามอย่างตื่นเต้น
“ใช่ ฉันจำได้” ยองแบเริ่มเรียกชื่อแต่ละคน จนมีร่างสูงโปร่งของรุ่นพี่อีกคนเดินเข้ามาสมทบ
“จำได้มั้ยว่า ฉันเป็นใคร” เจ้าของรอยสักรูปกุญแจซอลถาม ตั้งแต่ยองแบความจำเสื่อม นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองคนได้พบกัน
“ดงอุคไงครับ ทำไมฮยองถามแปลกๆ” ยองแบตอบทันควัน ไม่แน่ใจว่าพี่ชายคนนี้จะมีอะไรแกล้งเขาหรือเปล่า
“หมอนี่จำได้แล้วนี่นา” เชวดงอุค พูดขึ้นอย่างโล่งใจ
จากนั้นทุกคนในห้องต่างผลัดกันถามเพื่อให้มั่นใจว่า ดงยองแบ จำความได้แล้วจริงๆ เหมือนเล่น 20 คำถามจนยองแบงงมาก ต้องถามขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
“ทำไมถามเหมือนผมเคยความจำเสื่อมเลยล่ะ”
“อ้าว! ฮยองจำช่วงที่ผ่านมาไม่ได้เหรอครับ” แดซองถามขึ้นอย่างแปลกใจ
“นายคิดว่าวันนี้วันที่เท่าไร” จินูถาม
ยองแบนิ่งคิดสักพัก ก่อนตอบอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก “ก็วันนี้ผมเพิ่งถ่ายมิวสิควิดีโอเพลงใหม่เสร็จกำลังจะกลับมาที่บริษัท ไม่ใช่เหรอครับ”
“นั่นมันเมื่อสองอาทิตย์ก่อน รถตู้นายเกิดอุบัติเหตุ หัวนายก็ถูกกระทบกระเทือนอย่างแรงจนความจำเสื่อม จำพวกเราไม่ได้สักคน” เท็ดดี้อธิบายให้ฟัง
“ผมเนี่ยนะ ความจำเสื่อม จำไม่เห็นได้เลย จำได้แค่ว่ามีนัดกับจียง อ๊ะ!” เหมือนนึกขึ้นได้ ร่างหนามองไปรอบๆ ห้อง “จียงล่ะครับ”
“เอ่อ” ทุกคนพากันหลบตาเขากันหมด ฮยอนแบ ฮยอนซอก และจินูเดินเลี่ยงออกไปข้างนอก
“อย่าบอกนะว่า หมอนั่นรถคว่ำด้วย” ยองแบหน้าเสีย
“ไม่ใช่ๆ นายรถคว่ำก่อนจะมารับจียง” ดงอุคตอบเสียงเศร้า
“แล้วจียงไปไหนล่ะครับ” ยองแบถาม ไม่มีทางที่จียงจะไม่มาอยู่กับเขา นอกจากหมอนั่นจะมีงาน แต่ทุกคนอยู่ที่นี่กันหมด ทำไมถึงมีแต่หมอนั่นที่หายไป
“นายจำไม่ได้ใช่มั้ยว่า มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ซึงฮยอน พี่ใหญ่ของวงถาม พลางสบตากับพี่ชายนามสกุลเดียวกันครู่หนึ่ง
ยองแบส่ายหัว เขาจำอะไรไม่ได้เลย
“มีอุบัติเหตุนิดหน่อย นายกับจียงตกบันไดลงมาด้วยกัน” ดงอุคบอก
เพียงเท่านั้นก็ทำให้รุ่นน้องตรงหน้าร้อนรนจะลุกจากเตียงให้ได้ แต่ติดน้องสองคนที่ช่วยกันดึงไว้ ถึงจะจำความได้แล้ว แต่ได้รับความกระทบกระเทือนซ้ำที่เก่าอีกครั้ง คงต้องรอให้หมอมาตรวจให้แน่ใจก่อน จึงจะปล่อยให้เคลื่อนไหวได้ตามปกติ
“ตอนนี้หมอยังห้ามเยี่ยมอยู่” ดงอุคบอกต่อ
“จียงจะปลอดภัยใช่มั้ยครับ” ยองแบถามขึ้นแผ่วเบา เขาเป็นห่วงจียงมากๆ มากจนไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง ถ้าจียงไม่อยู่ เขาจะอยู่ได้ยังไง ร่างหนาที่เป็นคนมองโลกในแง่ดีมากๆ ตอนนี้กลับดูเป็นทุกข์อย่างที่สุด
ยองแบก้มหน้านิ่งอยู่บนเตียง น้ำใสๆ หยดลงบนมือของเขา ทำให้ทุกคนตกใจ โดยเฉพาะน้องสองคนที่ไม่เคยเห็นพี่ชายคนนี้อ่อนแอมาก่อน
“พอเถอะฮยอง เลิกแกล้งยองแบฮยองได้แล้ว ที่ความจำเสื่อมนั่นก็เพราะอุบัติเหตุนะครับ” ซึงรี น้องเล็ก ตบไหล่ปลอบใจพี่ชายคนโปรด
ยองแบเงยหน้าขึ้นมา เลิกคิ้วสูง เขาไม่ชอบถูกแกล้ง หรือ ถูกอำ แต่เขาขอให้ครั้งนี้พวกฮยองแกล้งเขาจริงๆ
“พวกนายสองคนตกบันไดด้วยกันจริง ตอนนี้หมอนั่นก็อยู่โรงพยาบาล” เท็ดดี้บอกนิ่งๆ ขณะที่ดงอุคทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
ยองแบหน้าเสียลงอีก ไหนว่าแกล้งเขา ทำไมเหมือนที่ดงอุคเล่าเลย
“แต่ไม่ใช่เพราะตกบันได เมื่อวานจียงไปตากฝนมา นายก็รู้ว่าเจ้านั่นแพ้ฝน แถมช่วงนี้งานเยอะ แล้วก็มีเรื่องนายด้วย หมอนั่นเลยไม่ค่อยได้นอน โดนฝนเข้าไปเลยเป็นปอดบวม” เท็ดดี้บอกต่อ
ยองแบประสานมือขอบคุณพระเจ้าทันที เขาถอดหายใจอย่างโล่งอก แต่ไม่วายหันไปมองพี่น้องร่วมตระกูลเชวอย่างเคืองๆ เล่นเอาเขาเกือบหัวใจวาย
“ช่วยไม่ได้นะยองแบ สองอาทิตย์ที่นายจำไม่ได้ทำเอาพวกฉันเป็นห่วงแทบบ้า ยิ่งเจ้านั่นไม่ต้องพูดถึง รีบๆ ให้หมอตรวจแล้วไปเฝ้าได้แล้ว” ดงอุคพูดแล้วยักไหล่ ก่อนจะพาผู้สมรู้ร่วมคิดไปเลี้ยง ฐานะที่ช่วยอำคนป่วย
ไม่นานหมอก็เข้ามาตรวจ นอกจากหัวปูดแล้ว ไม่มีอาการข้างเคียงใดๆ และอนุญาตให้ยองแบกลับบ้านได้พรุ่งนี้
พอหมอกลับออกไป ยองแบก็ลุกตามไปหาคนรักที่อยู่อีกห้องทันที
....
ยองแบรู้สึกตื่นเต้น เมื่อกำลังจะเปิดประตูห้องที่จียงพักอยู่ เหมือนพวกเขาไม่ได้เจอกันมาเป็นปีๆ เขาเปิดประตูเข้าไปช้า เห็นร่างบางนอนหลับอยู่บนเตียง ยองแบทักทายพ่อและแม่ของจียง และอาสาจะเฝ้าต่อให้
ยองแบส่งพ่อและแม่ของจียงกลับ เมื่อหันกลับมาก็เห็นว่าร่างบางตื่นแล้ว และกำลังมองเขาอยู่
“ไง” จียงทักเขาเสียงแผ่ว อาการปอดบวมทำให้เขาเพลียมาก ปากบางยิ้มให้อีกฝ่าย
“ไง” ยองแบทักกลับ เขาค่อยๆ เดินกลับมาที่เตียง ร่างหนาคิดถึงร่างบางตรงหน้ามากเหลือเกิน ทั้งๆ ที่ เขาจำช่วงเวลาสองสัปดาห์ที่ว่านั่นไม่ได้ด้วยซ้ำ
ร่างหนานั่งลงที่ขอบเตียง มือแกร่งลูบผมของคนรักให้ออกจากใบหน้ากลมรีอย่างอ่อนโยน
ร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงเลิกคิ้ว สบตารีตรงหน้า มองหาสิ่งที่หายไป มือบางยกขึ้นจับมือหนาที่ประคองหน้าของตนเองเอาไว้แน่น น้ำตาเอ่อคลอตาเรียวสวยที่กำลังยิ้มอย่างยินดี
ยองแบก้มหน้าลงไปจูบหน้าผากอุ่น และเลื่อนลงมาที่ริมฝีปากบางที่ยกยิ้มอย่างปลอบโยน เพียงเท่านี้ เขาก็รู้แล้วว่า ช่วงสองอาทิตย์ที่เขาจำไม่ได้นั้น ทำให้จียงเป็นห่วงและเสียใจแค่ไหน
“ขอโทษนะจียง แต่ฉันกลับมาแล้ว” ยองแบสวมกอดร่างบางตรงหน้าที่ยกมือกอดตอบเขาอย่างแนบแน่น
“ยองแบ”
.....
“คืนนี้จะย้ายมานอนห้องนี้เลยหรือเปล่า ยองแบ” ฮยอนแบถามน้องชาย หลังจากกลับมาที่ห้องแล้วไม่เจอ เขาจึงเดินมาหาที่ห้องของน้องชายอีกคน พบยองแบนั่งเอนอยู่บนเตียงให้คนป่วยนอนพิงอก คุยกันอยู่
“ครับฮยอง แล้วเดี๋ยวผมเฝ้าจียงเอง ไม่ต้องห่วงครับ” ยองแบตอบพี่ชาย มือลูบหัวคนรักแผ่วเบา จียงที่เพิ่งกินยาเข้าไป แถมมีคนมาลูบหัวลูบหลัง ก็เคลิ้มใกล้หลับเต็มที
“พอหายแล้วก็รักกันมากมาย ไม่สนใจใครเลยนะ ห่างๆ กันบ้างก็ได้” ดงอุคแซว เล่นเอาจียงที่กำลังจะหลับเขินจนต้องขยับลุกนอนลงซุกหน้ากับหมอนแทน แต่ก็ยังคงอยู่ในวงแขนแกร่งของอีกฝ่าย
“ฮยอง!” ยองแบโวยวายพี่ชายขี้แกล้ง
...
ยองแบเฝ้าจียงที่โรงพยาบาลตลอดช่วงสามวันที่ผ่านมา ระหว่างพวกเขาทั้งคู่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่คนที่มาเยี่ยมบางคน ทำให้ร่างหนาเริ่มสงสัยแล้วว่าช่วงที่ความจำเสื่อมเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ยองแบถามจียง เพราะรู้แน่ว่า คนรักไม่โกหกเขา ซึ่งจียงก็เล่าให้ฟังอย่างขำๆ แต่ความเป็นจริงที่ซ่อนอยู่ก็ทำให้ร่างหนาโทษตัวเองไม่น้อยที่ได้ทำให้หลายคนเป็นห่วงและเสียใจ โดยเฉพาะร่างบางตรงหน้า
จียงรู้จักยองแบดี จึงพยายามทำให้อีกฝ่ายสบายใจ
“ดีแค่ไหนแล้ว ที่ฉันไม่จับหัวนายโขกกำแพงจริงๆ” จียงที่นั่งอยู่บนเตียง ผลักหัวยองแบที่นั่งอยู่ข้างเตียง อย่างหยอกๆ
“แต่ก็ไม่เห็นต้องตกบันไดลงมากับฉันเลยนี่นา” ยองแบจับมือที่ผลักหัวเขามากุมไว้แล้วพูดขึ้นอย่างจริงจัง
“ฉันขอโทษนะ” ตารีสบตาเรียวอย่างตั้งใจ
“มันเป็นอุบัติเหตุ แถมนายก็ไม่ได้นอกใจฉัน แค่เกือบๆ เท่านั้น เพราะงั้นช่างมันเถอะ อย่าคิดมากเลย” จียงพูดขึ้น แล้วเอาหัวมาชนกับอีกฝ่ายเบาๆ “เดี๋ยวจะเตี้ยไปกว่านี้”
“โอ๊ย!” ร่างบางร้องลั่นหลังยองแบตีแขนร่างบางดังผัวะ ชอบว่าเขาเตี้ยจริงๆ ทั้งๆ ที่จียงเองก็ไม่ได้สูงกว่าเขาสักเท่าไร
ทั้งสองหนุ่มหัวเราะเล่นกันอย่างมีความสุข
Knock! Knock!
เสียงเคาะประตูทำให้สองหนุ่มหยุดเล่นกันหันมามองแขกคนล่าสุด
คยองอิลมาเยี่ยมจียง ชายหนุ่มหน้าดุมาพร้อมกับซึงโฮและฮยอนจง สไตล์ลิสต์ของสาวๆ 2NE1
แม้ยองแบจะไม่ค่อยถูกชะตากับกลุ่มนี้เท่าไร โดยเฉพาะคยองอิล ที่รักจียงไม่น้อยไปกว่าเขา แต่พวกเขาก็ไม่เคยมีปัญหากัน ยองแบแค่ไม่ชอบให้ใครมาถึงเนื้อถึงตัวจียง แม้จะเป็นการเอ็นดูกันแบบพี่น้องก็ตาม
ยองแบขอตัวออกไปซื้อของกินมาให้จียง ต้องจับขุนซะหน่อย เดี๋ยวลมพัดปลิว แทนที่จะหาของกินในโรงพยาบาล ร่างหนาเลือกที่จะนั่งรถแท็กซี่ออกไปหาของโปรดมาให้ร่างบาง ไหนๆ ก็มีเพื่อนมาแล้ว ไม่น่าเป็นห่วง
เวลาผ่านไปร่วมชั่วโมงยองแบกลับมาพร้อมถุงขนมและของกินเต็มสองมือ ซึ่งมีแต่ของโปรดของจียงทั้งนั้น
สามหนุ่มรุ่นพี่กับหนึ่งหนุ่มคนป่วยยังคงคุยกันอย่างสนุกสนานเมื่อยองแบกลับมา แต่ไม่นานก็ขอตัวกลับให้ร่างบางช่างจ้อได้พักผ่อน
คยองอิลที่เดินออกไปคนแรก ได้เรียกยองแบออกไปที่หน้าห้อง ระหว่างที่ซึงโฮกับฮยอนจงยังล่ำลาจียงอยู่
“ได้ข่าวว่านายจำได้แล้ว” คยองอิลเอ่ยขึ้นเรียบๆ ยองแบเงียบ รอฟังสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการบอก
“งั้นนายจำสัญญาที่เคยให้ไว้กับฉันได้มั้ย” คยองอิลจ้องตายองแบนิ่ง
“นายคิดว่ายังจะดูแลจียงให้ดีที่สุดได้อีกหรือเปล่า”
TBC
^^