[Fiction] Arashi : Ohmiya - Slide Slide Side :: Part 6

Sep 10, 2016 04:08




[*-Slide Slide Side-* ] OHMIYA
Author MiracleHaya
Part 6

สวัสดีครับ ห่างหายกันไปนานคิดถึงกันไหม?
ผมคิดถึงคุณครับ!!! อ๊ะ เดี๋ยวครับอย่าเพิ่งงงตกใจฉงนกันไปก่อน
ผม “มารุยาม่า ริวเฮย์” สุดหล่อ รูปร่างดี ประจำคณะพละศึกษาครับ (ยิ้มแฉ่ง)
นึกออกแล้วสินะครับ จริงๆแล้วผมน่ะอยู่มาตั้งแต่ต้นเรื่องแล้วล่ะ เพียงแต่คุณๆไม่ทราบเท่านั้นเอง
เพราะฉะนั้น ผมจึงจะเท้าความกลับไปเมื่อสมัยตอนที่ผมเข้ามาเป็นเฟรชชี่หน้าใสหัวใจวัยสะรุ่นพร้อมกับ
ผู้ชายตัวเล็กหน้าตาจิ้มลิ้มคนหนึ่งที่ไม่คิดว่าจะมาทำให้จังหวะการเต้นของหัวใจหนุ่มคันไซบ้านนอกคนนี้
ผิดจังหวะ....
ย้อนกลับไปเมื่อปีก่อน ในวันที่ผมและเด็กผู้ชายคนนั้นเข้ามาเป็นนักศึกษาปี 1
วันนั้นเป็นวันปฐมนิเทศ ให้เหล่าเฟรชชี่แน่นอนว่าผมไม่ได้มาคนเดียวหรอกครับ ผมมากับแก๊งเพื่อนคันไซอีก 7 คนแต่ว่า แต่ละคนก็อยู่ต่างคณะกันออกไปมีเพียงผมและเพื่อนมือหนักประจำกลุ่มอีกคนที่เข้าคณะพละมากันสองคน มุราคามิ    ชิงโง คือเพื่อนคนที่ว่านั่น อย่างที่คุณๆทราบกันดีอยู่แล้วว่าผมอยู่เอกศาสตร์การกีฬาเพื่อสุขภาพ แต่มุราคามิคุง หรือเพื่อนๆเรียกติดปากกันว่า “ฮินะ” เขาอยู่เอกเฉพาะทางของพวกที่เข้ามาด้วยทุนนักกีฬา อ่อ...ฮินะเขาเตะบอลเก่งครับ (ในที่นี้ผมขอใช้คำว่า ระดับ โปรฯ)
“มารุ พวกเราต้องไปนั่งตรงนู้นนะ” ผมมั่วแต่ตื่นตาตื่นใจกับสิ่งแวดล้อมใหม่ๆจนลืมที่จะมองหาที่นั่งให้ตัวเอง จนฮินะต้องสะกิดเรียกผม ผมก็ไม่วายรับคำแล้วแต่ยังขอมองดูผู้คนมากหน้าหลายตาเดินขวักไขว่เสียหน่อย เป็นครั้งแรกที่ได้ออกจากบ้านมาไกลขนาดนี้แถมมาใช้ชีวิตของตัวเองอีกต่างหาก ได้มองจนหนำใจก็ถึงเวลาต้องเดินไปหาที่สิงสถิตเตรียมรับการปฐมนิเทศกับฮินะเสียแล้ว แต่กลับมีสิ่งมีชีวิตเล็กๆ จริงๆไม่เล็ก หัวเขาอยู่ระดับหน้าอกผมพอดีแต่นั่นก็เล็กมากพอจะให้ผมบอกว่าเล็กได้แล้ว เดินมาชนผมเข้าอย่างจัง
“อุ๊บส์ ขอโทษครับผมไม่ทันระวังเอง” เจ้าตัวชิงขอโทษผมก่อน ทั้งๆที่ผมเป็นฝ่ายหันไปปุ๊บปั่บ เจ้าตัวเขาเงยหน้าขึ้นมองผมทันที แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้กล่าวขอโทษอะไรเพื่อนของเขาที่เหมือนจะจับจองที่นั่งได้แล้วก็ตะโกนเรียกเขาจากข้างหลังผมเสียก่อน
“นิโนะ! มัวทำอะไรอยู่น่ะ เร็วหน่อย”
“ไปเดี๋ยวนี้ล่ะ ขอตัวนะครับ” เขาก้มให้ผมอย่างสุภาพก่อนจะรีบผละไป ผมทำเพียงมองตามไปจนกระทั่งโดนมือหนักๆของเพื่อนผู้หวังดีตบเข้าที่หัวอย่างจัง
“โอ๊ย! ฮินะ!”
“ไปนั่งที่!!” นั่นแหละครับ...ครั้งแรกที่ผมได้เจอเขา แต่ถ้าจะให้นับมันอาจจะเป็นเพียงความประทับใจแรกพบเฉยๆ เพราะหัวใจของผมยังไม่ถึงกับเต้นผิดจังหวะขนาดนั้น...แต่มันหลังจากนี้ต่างหาก
หลังจากปฐมนิเทศจบลง ถึงเวลาที่เหล่าเฟรชชี่จะได้ขนของเข้าที่พัก อพาร์ทเม้นของตัวเองที่จับจองกันไว้ตั้งแต่ก่อนแล้ว บางคนสะดวกพักบ้านตัวเองหรือบ้านญาติก็ว่ากันไป ที่นี่ไม่ได้บังคับส่วนผมแน่นอนว่ามาจากต่างจังหวัดต้องหาอพาร์ทเม้นท์พักเอา ส่วนพวกที่เหลืออีก 7 คนก็หาที่อพาร์ทเม้นท์ของตัวเอง หรือบางคนพักบ้านญาติว่ากันไปมีเพียงฮินะที่ได้ทุนของมหาลัยได้พักที่พักของมหาลัยสำหรับนักกีฬา และมีที่อำนวยความสะดวกให้ตลอดเวลาแต่ที่น่าอิจฉาก็พี่ใหญ่ประจำกลุ่มเรา โยโกยาม่าคุงนี่สิมีลูกพี่ลูกน้องเป็นเจ้าของร้านอาหารจีน...เลยไปขออาศัยด้วยช่วงเรียน ซึ่งลูกพี่ลูกน้องของเขาเรียนอยู่อีกมหาลัยหนึ่งแต่ที่บ้านนั้นก็ไม่มีปัญหาที่จะให้โยโกยาม่าคุงเข้าพักด้วย แม้จะเดินทางไกลกว่าคนอื่นแต่นับว่าสะดวกสบายทีเดียว ส่วนคนอื่นๆผมยังไม่ทราบดีเท่าไหร่ รู้แค่เรียวจังกับจี้จังไปหาอพาร์ทเม้นอยู่ด้วยกันสองคน ส่วนผมแยกมาอยู่คนเดียวที่อพาร์ทเม้นไม่ไกลจากมหาลัยมากนัก ราคาปานกลาง มีคุณลุงใจดีเป็นเจ้าของ
ตัวผมเองไม่ใช่คนทรัพย์สมบัติมากมายครับมีกระเป๋า 1 ใบ กับของใช้ที่จำเป็นอีกสองกล่องก็ขนของเข้าห้องเสร็จเรียบร้อย แต่ห้องข้างๆผมนี่สิครับ ไม่ได้แอบดูอะไรนะครับเสียงมันฟ้อง
“โอ๊ยยยยย ของก็ไม่ได้เยอะนะ แต่ทำไมไม่หมดเสียทีเนี่ย!” ตอนแรกผมยังไม่นึกไม่ออกว่าผมเคยได้ยินเสียงนี้ที่ไหน...ที่ไหนกันนะ...เหมือนเพิ่งได้ยินมาไม่นานนี้เอง
“เครื่องวีอยู่ไหนเนี่ย!! แล้วแผ่นเกมส์อยู่กระเป๋าไหน โว้วววว กีต้าร์ๆๆๆ” ผมพยายามจะเงี่ยหูฟังเสียงแจ้วๆนั่น กับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นที่ห้องข้างๆ จนกระทั่ง...
“อ๊ะ..ขอโทษนะครับคุณลุง ที่ต้องลำบากมาช่วย”มาถึงตรงนี้ผมนึกได้ทันที.... ‘ตัวเล็ก’ เมื่อเช้านี่เอง!!! แต่เมื่อผมพุ่งไปเปิดประตูหมายจะไปแสดงพลังน้ำใจคนคันไซก็พบว่า “ประตู...ประตู ติด” ใช่ครับ ดูเหมือนประตูผมจะโดนบางอย่างขวางเอาไว้
“โอ๊ะ แปปนึงนะ” เสียงคุณลุงเหมือนท่านจะช่วยดันของออกไปให้ทำให้ผมเปิดประตูออกไปได้
“ขอบคุณครับ” ผมยิ้มแหยพร้อมชะโงกมองไปที่ห้องต้นเหตุ ดูเหมือนตัวเล็กเขาจะอยู่ในห้อง...และผมสัมผัสได้ถึงความวุ่นวาย...
“ขอโทษแทนคาซึจังเขาด้วยนะ ดูเหมือนที่บ้านจะเอาของมาให้เกินกว่าที่จำเป็นเลยวุ่นวายใหญ่เลย พ่อหนุ่มชื่อ...”
“มารุยาม่า ริวเฮย์ครับ เรียก มารุก็ได้ครับ เพื่อนๆเรียกผมแบบนั้น”
“เป็นคนคันไซเรอะ?”
“จากเกียวโตครับ”
“อ่อ มารุยาม่า มารุยาม่า มารุยาม่า ฮ่ะๆๆๆ คนหนุ่มนี่ดีจริงๆ” ท่านทวนชื่อผมว่าแบบนั้นแล้วก็เดินลงบันไดไป ทิ้งให้ตัวเล็กเผชิญความวุ่นวายต่อไป ผมมองข้าวของกระจัดกระจายไปทั่ว ทั่วจนมาถึงหน้าห้องผมด้วยก็อดไม่ได้ที่จะช่วยยกไปวางไว้หน้าห้องเขาครับ อย่างน้อยๆเขาจะได้ไม่ต้องเดินมาเอากล่องของเขาถึงนอกห้อง.....พอเห็นว่าเขาดูวุ่นวายขนาดนั้นไหน ความตั้งใจแรกที่จะทักทายเขาก็หายไปหมด ผมช่วยขนกล่องมาวางไว้หน้าห้องเขาขนครบทุกกล่องก็เดินกลับห้องตัวเองไป....
“เอมันกล่องไหนนะ โอ๊ย!!!! นี่โน้ตเพลงมันอยู่กล่องไหน!!! แม่นะแม่!! บอกว่าไม่ต้องช่วย!!” ผมวุ่นวายกับการจัดข้าวของมาทั้งวันตั้งแต่จบจากปฐมนิเทศไม่เสร็จเสียที จนกระทั่งถึงกล่องสุดท้ายแล้วผมก็เพิ่งสังเกตว่า ผมไม่ได้เดินออกไปวุ่นวายไกลเกินกว่าอณาเขตหน้าประตูห้องมาสักพัก คุณลุงเขาช่วยเอาของมาวางให้เรอะ!!
“คุณลุง!...ครับ” ไม่มีวี่แววคุณลุง มีเพียงเสียงปิดประตูเบาๆจากห้องข้างๆเท่านั้น ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ ก็เห็นคุณลุงเดินขึ้นมาพร้อมซองในมือ
“คาซึจัง มีพัสดุด่วนส่งมาถึงเธอแหน่ะ”
“เห๊ะ? อ่ะ ขอบคุณครับ” ผมก้มขอบคุณคุณลุงก่อนจะรับซองนั่นมาแกะดู  โน้ตเพลงของผมเอง....ผมรีบยัดมันกลับเข้าซองแล้วเงยหน้าขึ้นถามคุณลุงเรื่องที่สงสัยอยู่ทันที “คุณลุงขนกล่องพวกนี้มาวางที่หน้าประตูผมเหรอ? ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นก็ได้ครับ รบกวนเกินไป” คุณลุงท่านทำหน้างงครับ ก่อนจะอ๋อออกมา
“คงจะเป็น...อ่า...เอ่อ...คงห้องข้างๆ ชื่ออะไรแล้วนะ อะไรมารุมารุนะ ให้ชั้นเรียกให้ไหม”
“ม...ไม่เป็นไรครับ ไว้ผมไปขอบคุณเขาเองดีกว่า ขอบคุณมากครับลุง”

เช้าวันต่อมาเป็นวันแรกของภาคเรียนใหม่ของพวกผม เฟรชชี่สดใสวัยละรุ่นแต่ ผมอยู่คณะพละครับนี่ยังไม่ใช่เวลาที่นักศึกษาคณะอื่นเขาจะตื่นกัน แต่พวกเราคณะพละจำเป็นต้องออกไปวิ่งเพื่อวอร์มร่างกายก่อนตอนเช้า ฮินะโทรเรียกผมตั้งแต่เมื่อ 15 นาทีก่อนแล้ว บอกผมว่าตอนนี้ทุกคนเริ่มไปตัวกันที่สนามฟุตบอลแล้ว และผมควรจะรีบออกมาได้แล้ว ครับ ผมกำลังจะสาย!!!! “แย่แล้วๆๆๆๆๆๆ” เพราะรีบไปหน่อยตอนเปิดประตูออกมาจึงรีบผลักมากกว่าปกติ ปรากฏว่า มีสิ่งนึ่งล้มและกลิ่งไปชนกับระเบียงทางเดิน กระป๋อง? ผมรีบเดินไปเก็บมันขึ้นมาดู ด้วยกลัวว่าตัวเองจะกลายเป็นคนทำผิดกฎหอพักว่าด้วยเรื่องรักษาความสะอาด
ผมอาจจะคิดผิดที่เก็บมันขึ้นมา
ผมอาจจะพลาดไปที่เกิดสงสัยจนพลิกมันดูก่อนจะรีบโยนมันส่งไปในห้องก่อนแล้วรีบไป
ผมอาจจะ.....ตกหลุมรักเขาตั้งแต่ตอนนั้น...
มันคือกระป๋องน้ำอัดลมธรรมดาครับ ที่ยังไม่เปิด พร้อมกระดาษโน้ตแปะไว้ที่ข้างกระป๋อง....เขียนเอาไว้ว่า
‘ขอบคุณมากๆเลยนะ มารุคุง ไว้มีโอกาสเรามานั่งเล่นเกมส์ด้วยกันนะ จาก นิโนะมิยะ คาซึนาริ’
ผมเป็นคนบ้านนอกใสซื่อ
ที่อาจจะกลายเป็นทาสของปีศาจโดยไม่รู้ตัว แต่ก็เต็มใจ...
หลังจากนั้นมา ทุกๆวันหลังจากที่การวอร์มร่างกายช่วงเช้าของผมจบลง ผมต้องกลับมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไปเรียนหรือไปร่วมกิจกรรมของคณะตามตาราง ซึ่งเวลานั้นจะเป็นเวลาที่นักศึกษาส่วนใหญ่เริ่มทยอยออกจากที่พักเพื่อไปเรียนในคาบเช้ากันแล้ว แน่นอนว่าในขณะที่เขาไม่รู้ตัว ภาพของเขาที่ผ่านหน้าห้องผมไปมันจะอยู่ในสายตาของผมทุกๆวัน
แม้ว่าบางวัน ผมจะเห็นเขาพยายามจะเคาะห้องของผมเสียด้วยซ้ำ....ผมดีใจแทบบ้า
แต่คุณรู้อะไรไหม ผมอายเกินกว่าจะตอบรับมัน
ผมชอบเขามากจริงๆครับ ตัวเล็กคนนี้น่ะ....
จนกระทั่งวันเวลาล่วงเลยมา 1 ปี...พวกเรากลายเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 2 เขาไม่ได้พยายามจะมาเคาะห้องของผมอีกเพราะคิดว่าไม่มีหวัง...น่าแปลกที่เวลาเข้าและออกจากอพาร์ทเม้นของพวกเราไม่เคยตรงกันเลยผมจึงไม่มีโอกาสได้บังเอิญเจอหรือทักทายเขา... ได้แต่แอบมองเขาผ่านตาแมวที่ประตูทุกวัน ทุกวัน จำตารางเวลาของเขาได้
แต่พระเจ้าก็ยังไม่ทอดทิ้งผม ในวันที่ฝนฟ้าไม่เป็นใจ เขาตกใจกลัวเสียงฟ้าผ่าและถอยหลังมาชนผมที่แอบมองเขาอยู่จากข้างหลัง...
“เหวอ!!! ขอโทษครับ!!”
“ไม่เป็นไรครับ    มารุยาม่า ริวเฮย์ครับ” ผมก็ได้แนะนำตัวกับเขาเสียที....

กลับมาสู่เวลาปัจจุบัน
ที่หน้าห้องของนิโนะมิยะ
“อาบน้ำ หาอะไรทานแล้วทานยา จากนั้นก็นอนเลยนะ”
“รู้แล้วน่า...”
“ยา ยังเหลือใช่ไหม?”
“เยอะแยะ”
“...................”
“..........อ..อะไรอีก?” เอาสิ...ติดอยู่ในตู้โทรศัพท์รอบที่สอง แถมรอบนี้โดนไอ้มืดเนียนทำหน้ามึนยืนเกาจมูกหลอกแต๊ะอั๋งส์มาด้วย! จะพูดไรรีบพูด!!! นาว!! เดี๋ยวนี้ ณ.บัดนาว อย่าเล่นตัว อย่ารีรอ จะหนีเข้าห้อง!!!! คนมันหนาว ไม่ได้เขินแต่อย่างใด ไม่ได้เขิน ไม่ได้เขินนนนนนนนนนนนนนนนน
“....เกมส์....จะเล่นเมื่อไหร่ดี?” ...............ผมชวนโอโนะซังท่านเล่นตอนไหน จำไม่ได๊(เสียงสูง)
“เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น” รีบกลับไปเสียที นี่จะมองหน้าไม่ติดอยู่แล้ว!!! ใจมันเต้นไม่เป็นส่ำแล้วพ่อคุณ ค่อยถามทุกอย่างวันหลัง วันนี้เดอะแชมป์เปี้ยนขอพักก่อน!!!
“..........นิโนะ...”
“อะไร?” ดูท่านเขา ดูท่านเขา คุณผู้อ่านครับ คุณผู้อ่านอาจจะไม่เห็น เดี๋ยวผมบอกให้ ท่านเขายิ้มครับ ยิ้มแบบ ยิ้มเห็นฟันบนไม่เห็นฟันล่างไม่ครับ ไม่ใช่แค่นั้น นึกออกไหม ก้มหน้าหน่อยๆ แล้วช้อนตามองเรา จากนั้นท่านยิ้ม อย่าถามผมว่าหล่อไหม ไม่ต้องถาม ผมรู้ว่าคุณรู้ โอเคนะ? แล้วท่านเรียกผม? ท่านต้องการอะไร ตอบผมครับ ตอบบบบบบบบบ
“ถ้า หนาวมากจะให้อยู่ด้วยก็ไม่ว่านะ”
“มาทางไหน รบกวนย้อนกลับไปทางนั้นครับโอโนะซัง” ถึงจะโดนไล่ก็ยังยืนยิ้มหล่อ ดู ดู ดู!!!!!
“งั้น....พรุ่งนี้แวะมาซื้อขนมปังนะ เดี๋ยวแถมให้” นั่น...รู้จักเอาของกินเข้าล่อด้วยนะ คิดเหรอว่าจะได้ผล.....คิดสินะ นายคิดสินะ...ก็ได้ คนอย่างเดอะแชมป์เปี้ยนใจดี อุตส่าห์คิดมาก็จะสนองให้
“อืม” ตอบไปพร้อมพยักหน้า ให้คุณท่านเขากลับไปเสียทีแล้วก็เหมือนจะได้ผล ที่จู่ๆคุณท่านเขาก็ยกมือโบกลาแล้วซ้ายหันเดินกลับไปทางเดิมเฉยเลย ผมก็มองตามไปจนสุดทางครับ ก่อนจะเห็นว่าคนที่เดินสวนขึ้นมาคือ พ่อหนุ่มคันไซเบง มารุยาม่าซัง
ผมไม่รู้ว่า ทั้งสองคนที่สวนกันที่บันไดพูดอะไรกัน แต่รู้ตัวอีกทีก็มายืนรับยิ้มสดใสของคนช่วยเนียนเอาร่มไปให้โอโนะซังแล้ว “เจอกันอีกแล้วนะครับ”
เดี๋ยวนะ...มารุยาม่าซังมาทำอะไรที่นี่!!!!!
“เอ๊ะ? มารุยาม่าซัง....มาหาเพื่อน เหรอครับ?” เจ้าตัวส่ายหน้าหน่อยๆ แล้วยิ้มรับแข่งกับอากาศอึมครึมบนฟ้ามาก
“ป่าวครับ”
“แล้ว...?” มารุยาม่าซังตอบคำถามของผมด้วยการไขกุญแจห้องข้างๆให้ผมดู !!!!!!!!!!!! นี่เป็นเรื่องตลก? เป็นฟิคที่แต่งขึ้นใช่ไหม?!?! “ผมอยู่ห้องนี้”
“เห๊ะ!?!?!?!?”
“ฝากตัวด้วยนะครับ นิโนะมิยะซัง” พูดจบ มารุยาม่าซังก็หายเข้าไปในห้องทิ้งให้ผมยืนงงเป็นไก่ตาแตกหน้าห้องตัวเอง
เดี๋ยวนะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! นี่มันล้อกันเล่นใช่ไหม????

ฝนจะตก ฟ้าจะร้อง น้องเขาจะไล่ พี่ก็ห้ามความสุขบนหน้าไม่ได้จริงๆ แม้จะพยายามเอามือลูบหน้ายังไง ยิ้มมันก็ไม่ยอมหุบ ตอนเดินกลับมา ก็เจอคนที่น้องเขาฝากความในใจ...ผมหมายถึงร่มน่ะมาให้เดินสวนขึ้นมา สงสัยพักที่นี่...
“อ่ะ...” เป็นผมเสียเองที่หลุดทักเขาก่อน เขาเองเหมือนจะเห็นผมอยู่ก่อนแล้ว
“สวัสดีครับ โอโนะซัง”
“แหะๆ สวัสดี...เอ่อ”
“มารุยาม่า ริวเฮย์ ปีสอง คณะพละครับ” มาเต็ม....
“อ่อ...ปีสี่นะ...ศิลปกรรม” อันที่จริงไม่น่าจะบอกนะ? เขาน่าจะรู้อยู่แล้ว แต่มารุยาม่าไม่ได้พูดอะไรนอกจากยิ้ม มองความสว่างบนฟ้าก็ถึงได้รู้ว่า ไม่ควรโอ้เอ้รีบกลับบ้านไปทำตัวเป็นลูกแสนดีช่วยคุณแม่ทำแป้งโดเตรียมทำขนมปังให้น้องพรุ่งนี้ดีกว่า... “ขอตัวก่อนนะ ไว้เจอกันใหม่นะ”
“ครับ ไว้เจอกันนะ” เขายิ้มให้ผม พาลเอาต้องยิ้มตอบ แล้วก็จากมา
อะไรจะสุขใจขนาดนี้...
โอโนะไม่ใช่คนชอบความวุ่นวาย
เล่นเกมส์ไม่เก่ง แต่ถ้าต้องเล่น.......ก็คือต้องเล่น และถ้าตัดสินใจจะชนะ
คุณเคยได้ยินคลื่นใต้น้ำไหม?
โอโนะเองก็ค่อยชอบแพ้เสียด้วย

“ไดมาโอ” พูดไปก็ยิ้มไป...ช่างเพื่อนเงะจะเตือนจะห้ามจะไม่ฟัง เพื่อนเงะหวังดีอันนี้จอมมารรู้ แต่หัวใจจอมมารมันไปอยู่ปีศาจ จะให้จอมมารทำยังไง?
เย็นนั้นลูกชายของคุณแม่อารมณ์ดีจนคุณแม่สงสัย แต่ก็ไม่ได้ซักถามอะไร แถมบอกคุณแม่ด้วยว่า
“พรุ่งนี้น้องจะมาซื้อขนมปัง ต้องแถมเยอะๆนะครับ”

ทันทีที่ประตูห้องปิดสนิทและคิดว่าล็อคแล้วเรียบร้อย ผมก็พาร่างตัวเองกระโจนไปลงที่ที่นอนทันที
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก” พระเจ้า!!! บอกไปแล้ว บอกไปแล้ว บอกไปแล้วว่าอยู่ห้องข้างกัน เขิน ผมเขิน ผมเขินนนนนนนนนนนนนน หมอนใบโตถูกเอามากอดรัดฟัดเหวี่ยงระบายไอ้อะไรที่มันตื้นตันในอก ทั้งเขินทั้งดีใจ
พอคิดว่าวันพรุ่งนี้จะรวบรวมความกล้า เปิดประตูไปทักทายอรุณสวัสดิ์ก็ตื่นเต้นเก็บไม่อยู่ อยากจะให้ถึงพรุ่งนี้ไวไว
“อ่ะ!! นิโนะมิยะซังไม่ชอบเสียงฟ้าร้อง!” พอนึกเรื่องสำคัญก็รีบวิ่งไปที่โต๊ะเขียนหนังสือ เปิดลิ้นชักเอาไดอารี่เล่มน้อยออกมา ข้างในเต็มไปตารางเวลาของ ‘ตัวเล็ก’
วันจันทร์มีเรียนบ่าย ออกจากห้องประมาณ บ่ายโมงสี่สิบห้า
วันอังคารเรียนทั้งวันออกจากห้องไม่เกิน เก้าโมงสิบห้า
วันพุธ.....
เรื่อยไปจนสุดสัปดาห์ และเพิ่มบรรทัดใหม่ “ไม่ชอบเสียงฟ้าร้อง”
ถ้าวันไหนฟ้าครึ้ม หลังจากนี้มารุยาม่าคงจะยอมแบกร่มไปเรียนด้วยสองคัน....
มันก็แค่ความรักข้างเดียวที่เก็บมา 1 ปี....ไม่เป็นไรนะ มารุยาม่า ริวเฮย์ นายกำลังก้าวขึ้นมาอีก 1 ขั้นแล้ว...
มันจะต้องไปได้สวยสิ....
ก็แค่รักข้างเดียว.......ที่เฝ้ามาตลอด

คุณ คุณ ครับผมมีคำถาม....วันนี้มันวันอะไรครับ?
มานั่งคิดดีดีผมเจอแต่เรื่องไม่คาดฝัน โดนแต๊ะอั๋งส์ ยังไม่รวมถึงคนข้างห้องอีก บอกผมที เดอะแชมป์เปี้ยนยอมครับเรื่องนี้
ปิดประตูห้อง สิ่งแรกที่มองหา “ยาอยู่ไหน” จำได้ว่าวางไว้ที่หัวเตียงแล้วก็
“บิงโก” เหลืออยู่เยอะมากพอจะกินได้อีกหลายครั้งครับ ลืมไปแล้วว่าคุณท่านสั่งไว้ว่าอะไร ผมซัดยาก่อนเลย ก่อนจะพาตัวเองไปอาบน้ำไวไว ไม่ประมาทครับตัวรุมต้องเป็นไข้แน่ๆถ้าไม่รีบพักพรุ่งนี้ผมคงได้ป่วยซ้ำให้ มัสซึจุนกับมัตซึเคนย้ายสำมะโนครัวมาดูแลผมถึงห้องแน่ๆ
จบเรื่องของวันนี้ด้วยการนอนยาวๆ แล้วพรุ่งนี้ตื่นมาค่อยว่ากันนะ ฝันดีนะครับ....
To be continued…..
Happy Valentine Day นะคะ : )

fiction, ohmiya, slide slide side

Previous post Next post
Up